3 พ.ย. 2021 เวลา 15:26 • สุขภาพ
มะเร็งคืออะไร ?
อธิบายพื้นฐานเกี่ยวกับมะเร็งแบบเข้าใจง่ายๆ
มะเร็ง (Cancer) เป็นโรคที่ใครๆก็หวาดกลัว ใครที่รู้ข้อมูลทางสถิติจะพบว่าแค่ในปี ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมานี้ก็มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเกือบๆ 10 ล้านคนทั่วโลก ฟังดูแล้วก็ยิ่งน่ากลัว และความกลัวก็มักจะก่อให้เกิดคำร่ำลือเกี่ยวกับโรคร้ายนี้แบบผิดๆ หรือ คลาดเคลื่อนมากมายหลายอย่าง
6
บทความนี้จะเล่าพื้นฐานของมะเร็งให้ฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่า มะเร็ง นั้นเป็นคำเรียกรวมๆของกลุ่มโรคที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมาก แค่เนื้องอกของมะเร็งเต้านมก็ถูกจำแนกได้เป็นสิบชนิดแล้ว มะเร็งบางชนิดพบเห็นได้บ่อย แต่บางชนิดก็พบเห็นได้ยาก
1
อีกทั้งโรคมะเร็งหลายชนิดยังไม่ได้เกิดขึ้นจากปัจจัยเดี่ยวๆ แต่เป็นผลมาจากปัจจัยภายในอย่างพันธุกรรม และปัจจัยอื่นๆที่มาเพิ่มความเสี่ยง ทั้งการสูบบุหรี่จัด ความอ้วนเรื้อรัง ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากๆ การกินผักและผลไม้น้อยเกินไป การออกกำลังกายน้อยเกินไป การได้รับรังสีหรือแสงอาทิตย์จัดมากเกินไป และการติดเชื้อไวรัสที่ก่อมะเร็ง
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
เราอาจกล่าวโดยรวมๆได้ว่าปัจจัยเสี่ยงทั้งหลายเป็นตัวกระตุ้นให้ดีเอ็นเอในเซลล์ร่างกายเกิดการกลายพันธุ์ ผลลัพธ์ของการกลายพันธุ์ ได้แก่ การไปเปิดการทำงานของยีนบางอย่างทำให้เซลล์แบ่งตัวไม่หยุด , ไปปิดการทำงานของยีนที่ควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ จนถึงทำให้กลไกที่คอยตรวจสอบการแบ่งเซลล์ให้ถูกต้องเกิดปัญหา
1
อาการที่เกิดขึ้นกับร่างกายจึงเป็นไปได้หลายอย่างทั้งการปล่อยฮอร์โมนออกมามากเกินไป , ทำให้ระดับสารอย่างน้ำตาลหรือแคลเซียมในเลือดผิดปกติจนเกิดผลเสียต่อหัวใจและประสาท , เซลล์ที่โตไม่หยุดอาจจะขยายไปกดทับอวัยวะรอบๆจนเกิดความเสียหายได้ด้วย
3
การลดปัจจัยเสี่ยงภายนอกทั้งหลายย่อมเป็นการลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งได้ แต่ประเด็นคือ ยิ่งเราอายุมากขึ้น โอกาสที่เซลล์จะแบ่งตัวผิดพลาดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น และโอกาสที่เราจะได้รับปัจจัยเสี่ยงต่างๆทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจก็มากขึ้นตามไปด้วย นั่นเป็นเหตุให้แพทย์มักจะแนะนำให้ตรวจร่างกายสม่ำเสมอเมื่ออายุเริ่มมากถึงจุดหนึ่ง
1
การกลายพันธุ์หลายๆครั้ง ทำให้เซลล์เกิดความผิดปกติในการแบ่งเซลล์จนกลายเป็นมะเร็งได้
อย่างไรก็ตาม มะเร็งไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ เพราะมีหลักฐานมากมายหลายอย่างชี้ให้เห็นว่ามะเร็งมีมาตั้งแต่สามพันปีก่อนคริสตกาลในยุคอียิปต์โบราณ และหากย้อนไปไกลกว่านั้น หลักฐานจากฟอสซิลที่แสดงให้เห็นว่ามีร่องรอยของโรคมะเร็งในสิ่งมีชีวิตยุคดึกดำบรรพ์นับร้อยล้านปีก่อนมากขึ้นเรื่อยๆ
1
จริงๆแล้วฮิปโปคราตีส (Hippocrates) ปราชญ์ชาวกรีกผู้ได้รับการขนานนามว่าบิดาแห่งการแพทย์ได้เรียกอาการของเนื้องอกประหลาดว่า carcinoma ซึ่งมีความหมายว่า ปู เพราะการลุกลามนั้นมีลักษณะเป็นกิ่งก้านคล้ายกับขาปู ต่อมาคำเรียกดังกล่าวถูกแปลงเป็นภาษาละตินว่า Cancer ซึ่งแปลว่าปู (เช่นเดียวกับราศีกรกฎ) ในเวลาต่อมาแพทย์ชาวกรีกระดับตำนานอย่างกาเลน (Galen) ก็เรียก เนื้องอกอย่างมะเร็งว่า oncos ที่หมายถึง การบวม
4
คำต่างๆเหล่านี้จึงกลายเป็นศัพท์ด้านมะเร็งที่ใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้
ฟอสซิลกระดูกเต่าอายุ 240 ล้านปีก่อน มีร่องรอยโรคมะเร็งปรากฏอยู่
หากย้อนไปในยุคโบราณ แพทย์จะใช้การตัดเนื้องอกออกก่อนจะเกิดการลุกลามทิ้งไป ซึ่งการผ่าตัดเนื้องอกยังคงเป็นวิธีรักษามะเร็งแบบตรงไปตรงมาที่ใช้กันอยู่ วิธีการอื่นๆที่ใช้กำจัดมะเร็งคือการฉายรังสี และเคมีบำบัด แต่อีกสองวิธีก็มักจะฆ่าเซลล์ปกติที่ไม่ได้เป็นมะเร็งให้ตายตกตามกันไปด้วย แต่สามวิธีนี้ก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งมีการใช้ร่วมกับวิธีอื่นๆ เช่น การใช้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ไปทำลายเซลล์มะเร็ง ฯลฯ ด้วย
1
ในอนาคต แนวทางการรักษาด้วยการส่งกล่องยานาโนที่ถูกล็อกแม่กุญแจไว้ และจะไปถูกไขเมื่อเจอกับโมเลกุลบางอย่างที่ผิวเซลล์มะเร็งมีความเป็นไปได้ และยิ่งแม่กุญแจต้องไขด้วย ลูกกุญแจบริเวณเซลล์มะเร็งหลายดอกก็ยิ่งเป็นการเพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับเซลล์อื่นๆมากขึ้น
ภาพจำลองนาโนแมชชีนจัดการเซลล์มะเร็ง
ส่วนการรักษาด้วยการกินอะไรแปลกๆนั้น เป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์และแพทย์มักจะแนะนำเสมอให้หลีกเลี่ยง เพราะ ต่อให้ของกินเหล่านั้นไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายโดยตรง ก็มีงานวิจัยชี้ว่าคนที่ไปรักษาด้วยวิธีแปลกๆที่ไม่ใช่การแพทย์มาตรฐาน มักจะละเลยการรักษาแบบมาตรฐาน จนมีหลายต่อหลายรายที่มะเร็งเติบโตลุกลามจนกลับมารักษาไม่ทันแล้ว ทั้งที่หากรักษาด้วยวิธีมาตรฐานก็มีโอกาสหาย
แม้การกำจัดมะเร็งแบบถอนรากถอนโคนให้หายไปแบบโรคฝีดาษจะดูเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้ แต่ความรู้ในปัจจุบันทำให้แพทย์รักษามะเร็งได้ดีขึ้นมาก และการลดปัจจัยเสี่ยงชัดเจน อย่างการสูบบุหรี่ก็ลดการเกิดมะเร็งหลายชนิดได้มากด้วย
3
หากมองไปที่ภาพรวมของงานวิจัยเพื่อทำความเข้าใจมะเร็งในระดับรากฐาน แม้นักวิทยาศาสตร์จะมีความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นมาก แต่มีมะเร็งมากมายหลายชนิดที่ยิ่งศึกษาก็ยิ่งพบกับปัญหาที่ยุ่งเหยิงซับซ้อน คำถามพื้นฐานมากมายก็ยังไม่มีคำตอบ เช่น เราจะไปปรับแก้การกลายพันธุ์ที่ยีนได้อย่างไร , เราจะแก้ปัญหาความไม่เสถียรของดีเอ็นเอที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ได้อย่างไร , อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้เซลล์มะเร็งเกิดการลุกลาม ฯลฯ
เอาเป็นว่ามีคำถามอีกมากมายที่แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ต้องตอบให้ได้เกี่ยวกับมะเร็ง จนหนทางในตอนนี้อาจจะดูยาวไกลสุดๆ แต่นักวิจัยจำนวนหนึ่งมองว่า ตอนนี้เรายังไม่รู้อะไรอีกมากก็จริง
1
แต่อย่างน้อยในตอนนี้เราก็รู้แล้ว ว่าเราไม่รู้อะไรบ้าง
โฆษณา