1 พ.ย. 2021 เวลา 05:25 • ความคิดเห็น
The river of no return..ตอนเราสัก ได้ผลงานรูปรอยบนผิวหนังมันก็สนุกดี ชื่นชมกับรอยสักที่ได้มา แต่สักแล้วถึงวันหนึ่งเกิดรังเกียจรอยสักตนเองนี่แหละคือปัญหาและมันเกิดขึ้นเสมอ ๆ ด้วย
ปัญหาร่วมกันของคนส่วนใหญ่ที่สักรอยสักแบบถาวรลงไปบนผิวหนังของตนเองคือ..เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานอาจจะ 20-30 ปีตนเองไม่ได้ชื่นชมรอยสักอีกต่อไปหรือไม่ชอบรูปลายสักนั้นอยากจะเปลี่ยนเป็นลายอื่น ที่น่าสงสารมากกว่านั้นคือบางคนที่ไปสักข้อความอะไรบางอย่างเช่นชื่อแฟนที่รักกันสุด ๆ พอเลิกกันแล้วหรือเกลียดกันแล้วอยากจะลบออกคราวนี้แหละเรื่องใหญ่
ทางออกที่ดีคือทำรูปรอยแฟชั่นที่มันลบออกได้ ประเภทรอยสักปลอม ๆ หรือติดสติกเกอร์สีน่าจะดีกว่า เปลี่ยนแปลงหรือเอาออกได้ง่าย
ส่วนอีกปัญหาหนึ่งคือ บุคคลประเภทที่ยังจำเป็นต้องไปสมัครทำงานกับคนอื่น มีหน่วยงานจำนวนมากทั้งของรัฐและเอกชนที่รู้กันเลยว่าไม่เอาคนที่มีรอยสัก ไม่ว่าจะเขียนเป็นกฏเกณฑ์ไว้หรือไม่..คนที่มีรอยสักที่เห็นได้จะถูกคัดออกในช่วงการสอบสัมภาษณ์
อีกปัญหาหนึ่งคือ..รอยสักจะทำให้เราถูกเหมารวมว่าเป็นกลุ่มคนบางประเภทแม้เราไม่ใช่ แน่นอนว่าคนที่ตัดสินเราเขาไม่ถามเรา เขาไม่ให้เราแก้ตัวเขาเห็นแล้วเขาตัดสินเอาเลย เขาจะให้ภาพลักษณ์แบบที่เขาคิดเอาเองกับคนที่มีรอยสักเลย ..ในบ้านเราอาชีพของผู้หญิงที่นิยมสักจนถูกตัดสินว่าผู้หญิงคนไหนก็ตามที่สักตามตัวเป็นคนอาชีพนั้นคือ สาวเอ็นเทอร์เทน เด็กนั่งดริงก์ เด็กคาราโอเกะ พริตตี้ นวดทุกประเภท ฯลฯ ผู้ชายก็จะถูกมองเป็นพวกศิลปินที่ทำงานกับใครไม่ได้หรือเป็นพวกแก๊งค์อะไรสักอย่าง
แน่นอนว่าคนที่ชอบสักมักจะบอกว่าฉันไม่แคร์ ฉันมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าไม่แคร์ใครจริง ๆ ตลอดไป ซึ่งมันมักจะไม่เป็นแบบนั้นเพราะลึก ๆ แล้วคนที่ชอบสักอะไรลงบนร่างกายของตนเองมักจะเกิดจากแรงขับภายในบางอย่างที่ต้องการสร้างตัวตนของตนเองให้มีลักษณะเฉพาะขึ้นมา อีกทั้งยังมักเป็นคนประเภทิ่อ่อนไหวกว่าคนทั่ว ๆ ไปอีกด้วย เพียงแต่เราอาจไม่เข้าใจหรือไม่ยอมรับเท่านั้น
สรุปก่อนจะสักคิดให้ดี ๆ โดยเฉพาะรอยสักที่อยู่ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย ๆ ส่วนรอยสักที่อยู่ในร่มผ้าทุกชนิดมันก็จะถูกประเมินโดยคนสำคัญของเราเสมอ ปลอดภัยที่สุดติดสติกเกอร์ดีกว่าไหม
โฆษณา