29 พ.ย. 2021 เวลา 03:00 • บ้าน & สวน
HAPPY HOME : แต่งบ้านยังไงให้ใจเย็นลง
3
เมื่อก่อนเราคงคุ้นกับประโยคที่ว่า “Home Sweet Home” หรือความรู้สึกคิดถึงบ้านหลังกลับจากทริปพักผ่อนที่ต่างประเทศยาว ๆ หรือไปนอนพักค้างแรมที่อื่นนาน ๆ แต่ในยุคนี้ที่การอยู่บ้านกลายเป็นเรื่องจำเป็น บ้านที่เรารู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่นึกถึง อาจจะกลายเป็นสถานที่เดิม ๆ ที่ต้องตื่นมาเจอทุกวัน ห้องนอนที่กลายเป็นจืดชืดน่าเบื่อกว่าเดิม และห้องนั่งเล่นที่เริ่มรกรุงรังเพราะไม่ได้รับแขกนาน จนสุดท้ายการอยู่บ้านก็อาจจะทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่าย เครียด หรือหดหู่ได้เหมือนกัน
3
วันนี้เรารวบรวมเทคนิคการแต่งบ้านที่ง่าย และทำได้จริงที่อาจจะช่วยให้การอยู่บ้านในช่วงนี้แฮปปี้ขึ้นมาได้บ้าง!
HAPPY HOME : แต่งบ้านยังไงให้ใจเย็นลง
ของน้อย แฮปปี้มาก
ก่อนที่จะเริ่มแต่งบ้านได้ ต้องเริ่มเคลียร์ของใช้ที่ไม่จำเป็นในบ้านก่อน โดยอาจจะยึดกฎหลักของ Marie Kondo เจ้าของเทคนิค KonMari (คอนมาริ) ที่ว่าหากอะไรไม่ “spark joy” แล้วก็ให้คัดทิ้งไป หรือจะใช้หลักการที่ว่า หากไม่ได้ใช้ของชิ้นนั้น ๆ เป็นเวลาถึง 1 ปีแล้ว ก็ให้คัดทิ้งเช่นเดียวกัน และเมื่อของในห้องน้อยลงแล้ว ก็จัดของใช้ทุกอย่างให้เข้าที่ และดูสะอาดตามากที่สุด
จริง ๆ การเคลียร์ของใช้ในบ้านให้เหลือแต่ของจำเป็น ก็ตรงกับเทรนด์การแต่งบ้านแบบ Minimalism ที่เป็นที่นิยมกัน และประโยชน์สำคัญของมันคือการช่วยในเรื่องสุขภาพจิตไปด้วยในตัว
1
มีผลการวิจัยในหัวข้อ Towards a Theory of Minimalism and Wellbeing เมื่อปี 2020 ที่กล่าวว่าการดำเนินชีวิตตามหลัก Minimalism ช่วยส่งผลดีในด้าน Individual Autonomy หรือความรู้สึกพึ่งพาตัวเองได้ ความรู้สึกมั่นใจและสบายใจกับความเป็นตนเอง ช่วยพัฒนาความสามารถในการทำงาน ให้โฟกัสกับงานที่ทำมากขึ้น, และที่สำคัญคือกลุ่มคนเหล่านี้มีภาวะกังวล และภาวะเครียดที่ต่ำลง ในขณะที่มีรายงานว่าพวกเขาแฮปปี้ขึ้นด้วย
เลือกธีมสีให้บ้าน
การเลือกใช้สีถือเป็นหลักสำคัญที่ใช้ได้กับทั้งเชิงออกแบบ และเชิงจิตวิทยา นักออกแบบภายในหลาย ๆ คนก็ยึดหลักการ ’จิตวิทยาสี’ ในการออกแบบพื้นที่ในบ้านเช่นกัน เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะลงมือแต่งห้องหรือแต่งบ้านใหม่ การเลือกธีมสีหลักมาใช้ถือเป็นขั้นตอนแรกที่จะช่วยคุมการตกแต่งในบ้านให้ไปในทิศทางเดียวกันได้ง่ายขึ้น
ส่วนสีที่เลือกก็ควรเป็นสีที่ส่งผลดีในเชิงจิตวิทยาด้วยนะ อย่างสีโทนเบจ สีน้ำตาลอ่อน สีครีม จะช่วยให้พื้นที่ห้องดูสว่างขึ้นแต่ในขณะเดียวกันก็ยังให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และสงบไปพร้อม ๆ กัน หรือถ้าอยากได้สีที่ช่วยบูสต์อารมณ์ยิ่งขึ้น สีสด ๆ อย่างสีเหลืองสด หรือส้มสด จะช่วยเพิ่มบรรยากาศที่เหมาะกับการพูดคุยกันของคนในบ้าน หรือบรรยากาศที่ให้ความบันเทิง ในขณะที่สีเหลืองและสีส้มเฉดที่อ่อนลงมา จะช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ได้ด้วย
Pro Tips:
- การเลือกสีธีมหลักไม่จำเป็นต้องเป็นสีเดียวเสมอไปนะ เราสามารถเลือก ‘palette’ สีที่เข้ากันสัก 4-5 สีเพื่อแบ่งใช้ในจุดต่างๆ ของบ้าน ถ้าใครไม่มั่นใจว่าจะจับคู่สีอย่างไรให้เข้ากัน ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์อย่าง www.coolors.com แล้วเลือกชุดสีที่ถูกใจได้เลย
1
- ถ้าการทาสีห้องใหม่ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ไป เราแนะนำการเปลี่ยนสีของเฟอร์นิเจอร์หรือของแต่งบ้านชิ้นใหญ่ ๆ แทน เช่น เปลี่ยนสีผ้าม่าน เปลี่ยนสีชุดผ้าปูที่นอน หรือเปลี่ยนสีเบาะโซฟา เป็นต้น
1
เปิดรับแสงธรรมชาติ
พลังของแสงธรรมชาติที่นอกจากจะทำให้ห้องดูสวยขึ้นและน่าถ่ายรูปลงอินสตาแกรมแล้ว แสงอาทิตย์ยังช่วยให้สมองปล่อยฮอร์โมน Serotonin ซึ่งทำให้มนุษย์รู้สึกสงบ และโฟกัสมากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นในพื้นที่ของบ้านที่เราใช้งานบ่อย ๆ ก็ไม่ควรจะทึบ และมืดจนเกินไป และควรจะมีหน้าต่างที่สามารถเปิดรับแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มที่ด้วย แต่สำหรับการตกแต่งบ้านโดยไม่ต้องลงทุนทุบผนังติดตั้งหน้าต่างใหม่ เราแนะนำให้ลองย้ายเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่อาจวางบัง หรือติดกับช่องหน้าต่างให้ขยับห่างออกไป เพื่อให้แสงส่องเข้าห้องได้มากที่สุด
การเลือกผ้าม่านก็เป็นทางเลือกที่ง่ายและมีส่วนช่วยได้เหมือนกัน หากใครไม่ได้เปลี่ยนผ้าม่านมานานแล้ว ลองเลือกซื้อผ้าม่านออนไลน์มาใหม่ที่เข้ากับธีมสีในห้อง หรือเลือกใช้ผ้าที่บางลง เพื่อให้แสงส่องเข้ามาในห้องได้มากขึ้น ถ้าหากกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวละก็ ลองมองหาฟิล์มติดกระจกที่ยังรับแสงธรรมชาติได้ในขณะที่บังวิวจากภายนอกก็ได้เช่นกัน
เติมสีเขียว
ถ้าพูดถึงการแต่งบ้านที่จะทำให้คนอยู่อาศัยแฮปปี้ ก็คงไม่พูดถึงต้นไม้ในบ้านไม่ได้เลย เทรนด์การแต่งบ้านแบบ ‘Biophilic Design’ จึงถูกพูดอย่างแพร่หลายในช่วงนี้เพราะประโยชน์ของมันในการช่วยพัฒนาอารมณ์และความเป็นอยู่ของคนในบ้านได้ แบรนด์ระดับโลกหลาย ๆ ที่ หันมาใช้หลักการออกแบบดังกล่าวในสถานที่ทำงานไม่ว่าจะเป็น Apple Google หรือ Amazon ซึ่งก็ถูกพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยส่งเสริมการทำงาน ลดความเครียดและความกังวลได้จริง ๆ
1
แม้ว่าบางคนอาจจะเลือกต้นไม้ปลอมมาตกแต่ง แต่เราแนะนำให้มีต้นไม้จริงอยู่ในห้องไว้ด้วยสักนิดก็ยังดี โดยสามารถเลือกต้นไม้พันธุ์ที่เหมาะกับสภาพอากาศ แสง และไลฟ์สไตล์ของเจ้าของเพื่อที่จะได้เลี้ยงน้องไปได้นาน ๆ ถ้าใครยังไม่เคยปลูกต้นไม้มาก่อน อาจจะเริ่มจากต้นไม้กระถางเล็ก ๆ วางไว้ที่ขอบหน้าต่าง และหากเริ่มโปรแล้ว การจัดวางต้นไม้หลาย ๆ ต้นตามมุมห้อง และหาบริเวณที่เหมาะสมก็สามารถทำให้ห้องดูกว้างขึ้นได้ด้วยนะ!
การแต่งบ้านที่เราแนะนำไปด้านบนคงไม่สามารถขจัดทุกปัญหาที่เรามีอยู่ได้ตอนนี้ แต่มันก็สามารถทำให้เราหันมาโฟกัสกับสิ่งรอบ ๆ ตัว และลดความกังวลไปได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งหลังจากทำความสะอาด เก็บบ้าน ซื้อต้นไม้ และตกแต่งบ้านใหม่จนพอใจแล้ว...หวังว่าเราจะได้พูดกับตัวเองอีกครั้งว่า “Home Sweet Home!”
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โฆษณา