7 พ.ย. 2021 เวลา 15:18 • หนังสือ
หมายเหตุ เนื่องจากช่วงนี้ ผมติดภารกิจงานหลักที่หนักหน่วง ทำให้สมรรถนะในการอ่านหนังสือและการเขียนรีวิวอาจจะล่าช้าไปสักหน่อย แต่อย่างไรก็ดี จะมีรีวิวนิยายทยอยออกมาให้อ่านเป็นระยะนะครับ อาจไม่ถึงกับสม่ำเสมอเหมือนกับเมื่อก่อน แต่ว่ามีแน่ๆ เพียงแค่จะช้าหน่อยเท่านั้น
ผมปวารณาตัวเองเป็นแฟนคลับนิยายของ Riley Sager หลังจากที่ติดตามอ่านนิยายของเขาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ Final Girls, The Last Time I Lied และ Lock Every Door โดยเฉพาะเล่มหลังที่ทำให้นักอ่านสายนิยายโกธิคอย่างผมตาลุกวาว และอ่านเพลินจนเกินห้ามใจ ดังนั้น เมื่อผมเห็น Home Before Dark นิยายเรื่องที่ 4 ของ Sager ลดราคาอยู่ใน kindle มีหรือครับที่ผมจะพลาดไม่กดซื้อมา…
Home Before Dark เล่าเรื่องของแม้กกี้ โฮลท์ ผู้ได้รับมรดกจากพ่อผู้จากไป เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีชื่อว่า Baneberry Hall ที่ซึ่งเมื่อ 25 ปีก่อน หล่อนและพ่อกับแม่พากันหนีตายแตกกระเจิงออกมาจากบ้านหลังนั้น เนื่องจากอาถรรพ์และภูตผีที่หลอกหลอนอยู่ ณ ที่แห่งนั้น และหลังจากที่ย้ายออกมา พ่อของหล่อนได้เขียนนิยายเกี่ยวกับบ้านหลังนั้นชื่อ House of Horrors ที่กลายเป็นนิยายขายดี และทำให้ Baneberry Hall กลายเป็นตำนานบ้านผีสิงที่ถูกกล่าวขวัญถึงมาตลอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
สำหรับแม้กกี้ Baneberry Hall เป็นสถานที่ที่หล่อนเกลียด การเป็นเด็กหญิงวัย 5 ขวบในหนังสือขายดีที่พูดถึงชีวิตในบ้านผีสิงทำให้หล่อนถูกตีตรามาตลอดทั้งชีวิต ทำให้แม้กกี้ตั้งคำถามเสมอว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหนังสือคือเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกพกลม และหากเป็นเรื่องหลัง พ่อของหล่อนคือจอมลวงโลก ใช่หรือไม่ และหนทางเดียวที่แม้กกี้จะได้คำตอบคือการย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นโดยอ้างว่าจะซ่อมแซมบ้านเพื่อที่จะได้ขายทอดตลาดอีกที
ใครจะไปคาดคิดว่าการย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านซึ่งถูกกล่าวขวัญว่ามีวิญญาณสิงสู่ มีประวัติมืดดำ และมีเหตุฆาตกรรมซ้ำซ้อนเกิดขึ้นที่นั่นจะเป็นการค้นพบความลับที่ถูกซุกซ่อนไว้ในบ้าน ความลับที่ถูกเก็บงำไว้เป็นปีๆ และเป็นความลับที่แม้กกี้อาจจะต้องแลกด้วยชีวิตของหล่อนเอง
สิ่งที่สร้างความรู้สึกน่าทึ่งเป็นอย่างมากสำหรับคนที่อ่านงานเขียนของ Sager ติดต่อกันมาเป็นเรื่องที่ 4 แล้วก็คือโครงเรื่องในงานเขียนของเขาที่แม้จะยังคงความเป็นเรื่องระทึกขวัญสั่นประสาทผนวกกับปริศนาให้คาดเดาและหักมุมในตอนท้ายเหมือนๆ กันทุกเรื่อง ทว่า วิธีในการเล่าเรื่องผิดแผกแตกต่างกันออกไป ความโดดเด่นของ Home Before Dark อยู่ที่การเล่าเรื่องสลับกันไปมาระหว่างเรื่องราวจากนิยาย House of Horrors ของ อีวาน โฮลท์ พ่อของแม้กกี้ และเรื่องราวปัจจุบันที่แม้กกี้ตัดสินใจไปพักที่ Baneberry Hall เพื่อสืบหาความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือจังหวะของเรื่องที่เทียบโยงกันระหว่างเรื่องแต่งของพ่อและเรื่องจริงของลูก ทำให้’อดีต’ กับ ‘ปัจจุบัน’ และ ‘ความจริง’ กับ ‘ความลวง’ กลายเป็นเรื่องซ้อนทับสลับกันไปมาหลอกล่อให้คนอ่านสนใจใคร่รู้ได้ชะงัดนัก
ทีเด็ดที่สุดของนิยายอยู่ที่ฉากเฉลยเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อดีตกับปัจจุบันซ้อนทับกันพอดี ซึ่งแรกทีเดียว ผมก็คิดว่าเรื่องน่าจะขมวดปมจบในแบบที่ได้อ่านนั่นแหละ ใครจะไปคิดว่าเรื่องไม่ได้จบแค่นั้น และยังมีความจริงที่ซ่อนอยู่ แต่ถูกพับเป็นปมซุกไว้ใต้พรมอีก ทำให้ฉากจบของเรื่องเป็นปมซ้อนปมที่ยอกย้อนและทำให้อ้าปากค้างได้โดยแท้จริง ถือว่า Sager ทำได้ดีในแง่ของการเขียนล่อหลอกคนดูแบบนี้
ความน่าสนใจอีกประการหนึ่งที่ทำให้ผมชื่นชม Home Before Dark คือการสร้างตัวละครที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความย้อนแย้งของชีวิตอย่าง แม้กกี้ ที่ Sager ทำได้อย่างวิจิตรบรรจงมาก ความรู้สึกขุ่นเคืองและคับข้องใจของแม้กกี้เป็นสิ่งที่คนอ่านเข้าใจได้ตั้งแต่ต้นเรื่องและเอาใจช่วยให้หล่อนค้นหาคำตอบที่ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากกรอบที่ถูกทุกคนตีตราไว้ และเพราะคนอ่านอย่างเราๆ เอาใจช่วยแม้กกี้นี่แหละที่ทำให้ตอนจบของเรื่องมีพลังและทำให้อึ้งไปพักใหญ่
หากไม่มองหาข้อเสียของนิยายเรื่องนี้ น่าจะมีแค่ไม่กี่เรื่อง เช่น ผมไม่ชอบชื่อเรื่อง และคิดสงสัยแทบจะทันทีที่อ่านนิยายจบเรื่องว่า Home Before Dark มันสอดคล้องกับเรื่องราวในนิยายตรงไหน? และหากมองกันตามความจริง ผมก็ยังคิดว่า Lock Every Door งานเขียนเรื่องก่อนของ Sager นั้น เร้าอารมณ์และดึงดูดใจผมได้มากกว่าเรื่องนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า Home Before Dark เป็นนิยายที่ไม่ดี หรือไม่สนุกหรอกนะครับ แค่ผมรู้สึกว่าตอนอ่าน Lock Every Door มันพลิ้วมากกว่านี้ แต่นั่นอาจจะเป็นผลมาจากความเครียดสะสมจากงานที่ดึงผมออกห่างจากเรื่องราวใน Home Before Dark ก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี Home Before Dark เป็นนิยายที่ตอกย้ำให้ผมมั่นใจว่างานเขียนของ Riley Sager นั้นเชื่อถือได้ อ่านสนุก และทำให้ผมพร้อมที่จะปวารณาตัวเองเป็นแฟนตามอ่านนิยายของเขาต่อไปครับ และก็ได้แต่วาดหวังให้มีสำนักพิมพ์ไหนใจป้ำ ซื้อนิยายของเขามาแปลเป็นภาษาไทยเสียที
#ReadingRoom #HomeBeforeDark #RileySager
โฆษณา