18 พ.ย. 2021 เวลา 16:24 • ปรัชญา
มนุษย์เราอยู่ท่ามกลางสรรพชีวิต สิ่งมีชีวิตในโลกที่เรารู้จักแม้จะมีมากมายมหาศาล แต่ก็มีลักษณะร่วมบางประการที่เชื่อมโยงทุกชีวิตเข้าหากัน พุทธศาสนาเรียกลักษณะร่วมนี้ว่า ความเป็นเพื่อนทุกข์
ต้นกล้าข้าวและพืชพันธุ์ ต่างต่อสู้อย่างหนักหน่วงเพื่อให้มันอยู่รอด มันต่อสู้เพื่อที่มันจะได้เติบใหญ่เป็นต้นข้าวที่สมบูรณ์ ได้ออกรวงเป็นเมล็ดข้าวก่อนที่จะตายจากโลกนี้ไป
เครดิตภาพ : pixabay.com
การต่อสู้ของต้นข้าวไม่ใช่การต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตอันเป็นนิรันตร์ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อให้มีโอกาสได้สืบทอดเผ่าพันธุ์ของตนเองเอาไว้ในโลกก่อน จากนั้นจะตายก็ไม่เป็นไร
การต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตอยู่ ทั้งของสัตว์และมนุษย์ก็ไม่ต่างจากการต่อสู้ของต้นกล้าที่ว่านี้
สัญชาตญาณในการสืบทอดเผ่าพันธุ์ตัวเองนี้มีพลังมหาศาล ในขณะเดียวกันมันก็ซ่อนเร้นตัวมันเองอย่างเงียบเชียบ
เคยมีใครสักคนถามตัวเองไหมว่า อะไรคือพลังผลักดันให้คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ลูกได้อยู่ดีกินดีได้เรียนหนังสือสูงๆ
อะไรคือพลังผลักดันให้เกิดความรัก การ
แต่งงาน และวัฒนธรรมเกี่ยวกับระบบครอบครัวที่หลากหลาย ซับช้อน สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์ได้มารวมกันเป็นครอบครัว
เครดิตภาพ : https://siamrath.co.th/n/294549
ระบบครอบครัวก็คือระบบที่เอื้อให้การสืบทอดเผ่าพันธุ์ดำเนินไปอย่างมั่นคงนั่นเอง
มนุษย์คือสัตว์เพียงประเภทเดียวที่มีระบบครอบครัวมั่นคงที่สุด นอกจากนั้น มนุษย์ยังเป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวที่มีวัฒนธรรมและจารีตประเพณีเกี่ยวกับครอบครัว เรามีหลักธรรมสำหรับความเป็นพ่อ แม่ และลูก สิ่งเหล่านี้ไม่มีในสัตว์และสิ่งมีชีวิตอื่น
1
การที่เรามีครอบครัวที่มั่นคงและมีจารีตประเพณีเกี่ยวกับครอบครัวย่อมสะท้อนให้เห็นว่าในบรรดาสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายบนผืนโลก มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่มีสัญชาตญาณในการสืบทอดเผ่าพันธุ์ตนเองรุนแรงที่สุด
ปรัชญาอินเดียทุกสำนัก เรียสัญชาตญาณในการสืบทอดเผ่าพันธุ์ของมนุษย์และสัตว์นี้ว่า 'ตัณหา' พุทธศาสนาก็เรียกอย่างนั้น ซึ่งเป็นคำกลางๆ ไม่มีความหมายเชิงคุณค่าอย่างที่ถูกใช้ในภาษาไทย
ตัณหาไม่ใช่สิ่งเลวร้ายหรือน่ารังเกียจในทัศนะของพุทธศาสนา ตรงกันข้าม ตัณหาคือความแท้จริงที่ถูกบรรจุใส่ชีวิตของเราทุกคนมาแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาขึ้นดูโลก ตัณหาคือสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิตของเราให้ดำรงอยู่
ตัณหานี่เองที่ทำให้มนุษย์พอใจจะมีชีวิตอยู่ พอใจจะดิ้นรนต่อสู้เพื่อสืบทอดชีวิตตนเองและเผ่าพันธุ์ สู้พอใจจะได้มาและสูญเสีย พอใจจะหัวเราะและร้องไห้ พอใจที่จะชนะและแพ้
1
หากปราศจากตัณหา มนุษย์จะไม่มีความพอใจดังที่กล่าวมาเลย ผู้หมดจดจากตัณหามีเพียงพระอรหันต์เท่านั้น
พระอรหันต์คือผู้อยู่เหนือความดิ้นรนเพื่อที่จะชนะหรือแพ้ เพื่อที่จะร้องไห้หรือหัวเราะ พระอรหันต์คือผู้ไม่ยินดีในการดำรงอยู่ท่ามกลางความขึ้น ๆ ลง ๆ ของชีวิตและโลก
เนื่องจากว่าตัณหาคือพลังผลักดันให้มนุษย์และสัตว์ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด สิ่งมีชีวิตที่สามารถอยู่รอด ได้อย่างมั่นคงและสามารถสร้างระบบต่างๆ ขึ้นเพื่อให้การอยู่รอดของตนหนักแน่นและมีรากฐานย่อมจะต้องอาศัยตัณหาที่เข้มขั้นรุนแรง มนุษย์จึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาจกล่าวได้ว่ามีตัณหาที่เข้มขันและรุนแรงที่สุด
นอกจากจะเข้มข้นรุนแรงแล้ว ยังละเอียดประณีตและชันซ้อนอย่างยิ่งด้วย
พุทธศาสนา เสนอเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับใครบางคนที่รู้สึกว่าชีวิตอันดำเนินไปภายใต้การบงการของตัณหาเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย เขาก็มีทางเลือก เป็นทางเลือกที่จะเอาชนะตัณหา ใครก็ตามที่ตัดสินใจดำเนินไปทางนี้ เขาจะไม่ต้องเวียนว่ายอยู่ในห้วงทะเลของการได้มาและสูญเสียอีกต่อไป
แต่สำหรับคนที่ยินดีจะท่องไปท่ามกลางทะเลแห่งการได้มาและสูญเสีย พุทธศาสนาก็มีคำแนะนำอีกอย่างหนึ่ง คือแนะว่า ให้เล่นกับชีวิตอย่างรู้จักประมาณ มีสติ
1
การดิ้นรนเพื่อที่จะมีหรือเพื่อที่จะเป็น...ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย ขออย่างเดียวว่าการดิ้นรนนั้นอย่าเป็นไปเพื่อที่จะทำร้ายหรือเบียดเบียนผู้อื่น และสำหรับคนที่จนมุม มองไม่เห็นทางออกในชีวิตจริง ๆ การฆ่าตัวตายเพื่อจบชีวิต พุทธศาสนาก็ไม่ประณาม เพียงเสนอทางเลือก ว่าจะดีกว่ามั้ยหากจะใช้ชีวิตอันมีจำกัดนี้ให้มีคุณค่าและความหมาย เพื่อที่บางครั้งคนเราอาจจะหน้ามืดตามัว ไม่ทันได้คิด ว่ามนุษย์มีเสรีภาพ
ชีวิตมีทางเลือกเสมอ แม้การไม่เลือก ก็คือการเลือกนั่นเอง
วิรุฬหก
โฆษณา