20 พ.ย. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #จู๊ดคือกระจกสะท้อน ]
ในบทบาทกูรูพันดิตหรือผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์เกม เราไม่ค่อยได้ยิน รอย คีน ชื่นชมใครง่ายๆนัก
ขนาดอดีตเพื่อนร่วมทีมแมนฯยูไนเต็ด ยุคเกรียงไกรยิ่งใหญ่กวาดความสำเร็จมากมายนับไม่ถ้วน ยังไม่ค่อยมีเลยด้วยซ้ำ
ส่วนมากจะเป็นการเปิดแผลจากจุดอ่อนมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่าย่อมได้รับความสนใจ การด่าใครสักคนผ่านสาธารณชนมันดูยากกว่ากล่าวชื่นชมจริงๆ
แต่มีนักเตะอยู่คนที่ คีน โปรดปรานเป็นพิเศษ เคยแสดงความเห็นในเชิงบวกหลายครั้งกลับเป็น จู๊ด เบลลิงแฮม ผู้มีวัยเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น
เด็กคนนี้สร้างแรงกระเพื่อมให้วงการมาตั้งแต่อายุ 16 เมื่อก้าวขึ้นชุดใหญ่เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ เหมือนเป็นการปลุกกระแสเรียกแสงสปอร์ตไลต์ ทว่าเขามีความสามารถโดดเด่นเกินวัย
1
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าของจริง กระทั่งไม่กังขาอีกแล้วว่าทำไมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ถึงยอมจ่าย 25 ล้านปอนด์เมื่อซัมเมอร์ 2020 ทั้งที่เพิ่งอายุ 17 ปี เล่นให้เดอะ บลูส์แค่ 44 เกม
แล้วใครที่วิจารณ์ไว้จากเคสเบอร์มิ่งแฮมรีไทร์เสื้อเบอร์ 22 ของ จู๊ด คือไม่ให้นักเตะคนไหนมาใช้เบอร์นี้อีก ก็ต้องกลืนน้ำลายด้วยความรู้สึกผิด เรื่องนี้ไม่มีใครหยิบมาพูดถึงอีกแล้ว
ยิ่งเมื่อได้ยินนิยามจาก คีน ถึงกองกลางวัยทีน จะเห็นภาพชัดเจนเลยว่าเจ๋งของจริงปราศจากข้อสงสัย
"เขาใส่เบอร์ 22 เพราะเขาเล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 , เบอร์ 8 และเบอร์ 4 นั่นคือความจริง เขาเป็นทุกอย่างในแดนกลาง"
พูดแค่นี้ตีความได้ไม่ยากเลยว่า จู๊ด คือมิดฟิลด์ครบเครื่องมากสุดคนหนึ่ง เล่นได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ 10 ซึ่งหมายถึงเพลย์เมคเกอร์ คอยปลุกปั้นสร้างสรรค์
1
เบอร์ 8 คือเน้นไปทางเกมรุก เก็บบอลได้จ่ายบอลดี ไม่มีปัญหาหรือเบอร์ 4 ในความหมายคือยืนหน้าแผงหลังคอยเก็บกวาดให้ก่อนจะโดนฝ่ายตรงข้ามโจมตี
1
ความเห็นนี้หากเป็นของคนอื่นยังพอจะน่าคิดบ้าง ว่าจริงตามที่พูดมาหรือเปล่า แต่นี่คือมิดฟิลด์บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ กัปตันทีมแมนฯยูไนเต็ดยุคยิ่งใหญ่ ประสบความสำเร็จนับไม่ถ้วน ถูกประทับตราเป็นตำนานพรีเมียร์ลีก
แล้วอย่างที่บอกไว้ ยากมากๆที่ คีน จะเปิดใจยอมรับใครสักคน หากไม่เก่งจริงอย่าหวังเลยจะได้ยินแบบนี้
ปัจจุบัน จู๊ด เพิ่งอายุ 18 ปีเท่านั้นเอง จากเบอร์มิ่งแฮมบ้านเกิดสู่บุนเดสลีกาที่ไม่คุ้นเคยตั้งแต่อายุ 17 การปรับตัวและเรียนรู้สำหรับคนวัยนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว
การสื่อสาร วัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างออกไป ปัจจัยสภาพแวดล้อมอีกเพียบ ล้วนเป็นอุปสรรคอย่างมาก มันเหมือนไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ดีๆนี่เอง
อย่างไรก็ดีหากย้อนกลับไปดูกัน ก่อนจะตัดสินใจรับข้อเสนอจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มีหลายสโมสรไม่ใช่แค่ในอังกฤษ แต่ทั่วยุโรปเลยทีเดียว ติดต่อมาหาทางครอบครัวและเอเจ้นต์ เพื่อดึงไปร่วมทีม
แมนฯยูไนเต็ดรุกหนักตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 คาดว่าเมื่อซัมเมอร์มาถึง ตลาดซื้อขายเปิดทางการก็จะเช็คบิลทันทีไม่มีรีรอ
ทีมสเก๊ตท์ของปีศาจแดงรายงานไปยัง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ว่าเด็กคนนี้มีความสามารถเกินอายุ อีกทั้งสุขุมเยือกเย็น รับรองว่าหากเจียระไนให้ถูกวิธีจะกลายเป็นเพชรเม็ดงามล้ำค่าแห่งวงการแน่ๆ
ครอบครัวของเขาอันหมายถึงพ่อกับแม่ ได้คุยกับทางแมนฯยูไนเต็ดเช่นกัน ทุกคนรู้ดีว่าการจะเข้าถึงพวกดาวรุ่งที่วุฒิภาวะน้อยๆ ต้องใช้วิธีนี้แหล่ะ เกลี้ยกล่อมโน้มน้าวให้มั่นใจว่าลูกจะต้องประสบความสำเร็จหากเลือกที่นี่
อย่างไรก็ดีพวกเขาไม่ได้รีบตะครุบข้อเสนอที่งดงาม รวมทั้งมีข่าวว่าทางแมนฯยูไนเต็ดพร้อมจ่ายค่าตัวให้เบอร์มิ่งแฮมถึง 30 ล้านปอนด์ก็ตาม
ดอร์ทมุนด์เองก็เข้าหาด้วยเช่นกัน เงินอาจไม่หนาเท่า แต่เมื่อได้ฟังโปรเจคต์ต่างๆและแนวทางแบบชัดเจนแล้ว ต้องยอมรับว่าน่าสนใจเหลือเกิน
ก่อน จู๊ด จะปรึกษากับครอบครัว แล้วจิ้มมาที่เสือเหลืองนี่แหล่ะ ด้วยเหตุผลโครงสร้างทางพื้นฐานของสโมสรแห่งนี้ รวมทั้งประตูโอกาสที่เปิดอ้ากว้างๆสำหรับพวกยังบลัดทั้งหลาย
หากคุณเก่งพอ คุณก็แก่พอ นี่คือชุดความคิดของดอร์ทมุนด์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นเลยว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ขนาดไหน
จู๊ด พอจะเดาอนาคตออกหากย้ายไปแมนฯยูไนเต็ด คุณจะถูกโฟกัส แสงสปอร์ตไลต์จะส่องมา สื่อจะวิ่งเข้าหา ได้รับความสนใจอย่างคับคั่งในช่วงแรกๆ
แต่หลังจากนั้นถ้าไม่ได้รับโอกาสเลย จมอยู่ม้านั่งข้างสนามหรือต้องไปนับหนึ่งที่ทีมสำรอง ทุกอย่างจะค่อยๆสลายหายไปเอง กระแสไม่บูมเหมือนช่วงแรก
1
ต้องยอมรับว่ายากมากๆ สำหรับการเบียดแทรกขึ้นมาทีมชุดใหญ่ อีกทั้งกิตติศัพท์ผู้จัดการทีมอย่าง โซลชา ก็รู้กันอยู่ว่า มีปัญหาในการตัดสินใจและไม่คิดเสี่ยงเด็ดขาด หากสิ่งนั้นจะกระทบต่อเก้าอี้ผู้จัดการทีมของตน
จู๊ด ถามตัวเองว่าอะไรกันที่แน่ที่ต้องการ? เมื่อรู้ว่าคำตอบคือโอกาส การได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอและแรงสนับสนุนเพื่อให้มีพัฒนาการอย่างถูกวิธีต่างหาก ไม่ใช่เรื่องชื่อเสียงหรือเงินทอง
ถ้าคุณโชว์ให้เห็นแล้วว่ามีศักยภาพมากพอ สิ่งเหล่านั้นจะหลั่งไหลมาเอง ไม่ต้องดิ้นรนวิ่งหาเลย
นอกจากตัดสินใจถูกต้องแล้ว ยังแสดงถึงทัศนคติอันดีงามของเด็กหนุ่มคนนี้ด้วย จริงอยู่ว่าครอบครัวมีอิทธิพลต่ออนาคต แต่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่เกรงกลัวอะไรเลย พร้อมเรียนรู้เปิดใจอย่างเต็มที่
นึกไม่ออกเหมือนกันว่าหากย้ายมาแมนฯยูไนเต็ด ถึงตอนนี้ จู๊ด จะเป็นอย่างไรกัน?
ริโอ เฟอร์ดินานด์ เพิ่งแสดงความเห็นผ่านทางพอดแคสที่ใช้ชื่อว่าไฟฟ์ของตัวเองเกี่ยวกับ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ไปไม่นานนัก
แน่นอนคำชมล้นหลามทะลักมาแทบไม่หยุด สอดคล้องกับ รอย คีน ซึ่งยกนิ้วให้ตั้งแต่แรกแล้ว
คำพูดที่ว่าเด็กคนนี้เก่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรต้องตำหนิ ทั้งที่อายุเพิ่ง 18 ปี มันฟังดูแล้วเกิดแรงฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูกเลย
เขาตอกย้ำความจริงที่ว่า ต่อให้เล่นตำแหน่งไหนในแดนกลางก็ได้หมดเลย แรงดีไม่มีตก ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ที่สำคัญมิดฟิลด์ยุคใหม่ต้องมีคุณสมบัติเช่นนี้แหล่ะ
จากนั้นก็หล่นความเห็นว่า ผู้เล่นแบบนี้แหล่ะแมนฯยูไนเต็ดอดีตต้นสังกัดของตน ควรจะทาบทามไปร่วมทัพ รับรองเลยว่าแดนกลางจะมีพลังและความสร้างสรรค์มากขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ
1
ริโอ เองก็คงพอมีข้อมูลว่าก่อนหน้านี้ จู๊ด เคยปฏิเสธข้อเสนอจากปีศาจแดงมาแล้ว อีกทั้งนักเตะไม่ได้รีบร้อนที่จะต้องย้ายไปอยู่ทีมใหญ่หรือกอบโกยเงินรายได้เลย
สเต็ป บาย สเต็ป น่าจะเป็นแนวทางการก้าวเดินของเขาที่ผ่านกระบวนการมาอย่างถูกต้อง จนประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
1
แล้วสัญญาเขากับดอร์ทมุนด์ยังเหลือถึงซัมเมอร์ 2025 ลากยาวอีกเกือบ 4 ปี เรตค่าตัวไม่น้อยกว่า 100 ล้านปอนด์ชัวร์ ซึ่งก็ยังไม่ง่ายอยู่ดีต่อให้มีเงิน
1
จากนั้นต้องถามกลับกันว่า ริโอ จะยุยงส่งเสริมให้แมนฯยูไนเต็ดซื้ออีกแล้วหรือ แก้ปัญหาด้วยวิธีนี้เรื่อยมา อีกทั้งน่าจะเข้าใจตั้งแต่แรกแล้วทำไมโดนบอกปัดมาในครั้งก่อน
1
เคสนี้ จู๊ด เบลลิ่งแฮม น่าจะเป็นกระจกสะท้อนความจริงของแมนฯยูไนเต็ดได้เป็นอย่างดี
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา