24 พ.ย. 2021 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
น้อยคนในเมืองไทยรู้ว่าการเยือนเมืองไทยครั้งที่สองของประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน ในปี 2510 กลุ่มดักกงของเวียดกงวางแผนลอบสังหารประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากลางแผ่นดินไทย
ในปี 2510 ตุ้ย พันเข็ม ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยของแขกเมืองตลอดเวลาที่อยู่ในกรุงเทพฯ ตามกำหนดการ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามีกำหนดแวะสั้น ๆ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยไม่มีใครรู้ก่อนจะเดินทางไปฐานทัพอเมริกาที่โคราชตอนเย็นวันนั้น รถผู้นำสหรัฐฯจะใช้ถนนหลานหลวง ข้ามสะพานจตุรภักตร์รังสฤษดิ์ไปยังถนนพิษณุโลก จุดหมายคือทำเนียบรัฐบาล
2
สามวันก่อนกำหนด ในที่ประชุมฝ่ายรักษาความปลอดภัยไทย-สหรัฐฯ เขาชี้จุดเสี่ยงให้ฝ่ายไทยและอเมริกา เขาเสนอว่าขบวนรถของประธานาธิบดีควรเลี่ยงผ่านสะพานแห่งนี้ แต่ไม่มีใครเชื่อ
2
“ไม่มีคนร้ายที่ไหนโง่พอทำเรื่องร้ายกลางที่ชุมชนอย่างนี้หรอก” นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งบอกเขาในที่ประชุมร่วมไทย-อเมริกา
1
นายทหารผู้หนึ่งถามเขา “ทำไมคุณตุ้ยคิดว่าคนร้ายเลือกจุดนี้? มันโจ่งแจ้งเกินไปหรือเปล่า?”
1
“ประธานาธิบดีเคนเนดีก็ถูกยิงกลางสถานที่โจ่งแจ้งกว่านี้เสียอีก”
2
“ทำไมคุณตุ้ยจึงเชื่อว่าเป็นจุดนี้?”
2
“ผมมีเหตุผลบางประการที่ทำให้เชื่อเช่นนี้”
“เหตุผลอะไรครับ?”
“ต้องขออภัย ผมบอกไม่ได้ครับ มันเป็นความลับทางราชการ”
“แล้วทำไมต้องเป็นสะพานนี้ ไม่ใช่สะพานอื่น ๆ ?”
“ความจริงมีหลายสะพานที่มีความเสี่ยง บางจุดก็เสี่ยงกว่านี้ด้วย เช่น สะพานผ่านพิภพลีลา แต่กำหนดการคือรถท่านประธานาธิบดีจะผ่านสะพานจตุรภักตร์รังสฤษดิ์ ซึ่งก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน”
“แล้วคนร้ายจะลอบสังหารประธานาธิบดียังไง?”
“ถ้าผมเป็นคนร้าย ก็สามารถลอบยิงจากยอดตึกหลายหลังแถวถนนกรุงเกษม ถนนลูกหลวง หรือถนนพิษณุโลก สามารถเล็งเป้าที่รถประธานาธิบดีได้อย่างชัดเจน เพราะสะพานมีความชัน ขบวนรถต้องชะลอความเร็วลงตอนแล่นขึ้นสะพาน อีกอย่างคือกำหนดเดินทางตอนบ่าย ขบวนรถจะแล่นย้อนแสง แดดบ่ายจะช่วยกำบังคนร้าย”
“เมื่อกี้คุณพูดถึงสะพานผ่านพิภพลีลา แล้วถ้ารถประธานาธิบดีผ่านสะพานนั้น จะลอบสังหารยังไง?”
“สะพานผ่านพิภพลีลาเป็นสะพานที่แทบไม่มีความลาดเอียง พื้นสะพานเสมอกับระดับถนน คนร้ายสามารถวางระเบิดติดท้องสะพาน ระเบิดรถทั้งคันไปเลย”
“งั้นทำไมไม่วางระเบิดที่สะพานจตุรภักตร์ฯ?”
“ทำได้ยากครับ เพราะตำแหน่งของสะพานจตุรภักตร์ฯอยู่ติดตลาดมหานาคซึ่งพลุกพล่านมาก มีเรือพ่อค้าแม่ค้านำผักผลไม้เข้าออกตลอดเวลา การลอบสังหารโดยใช้สไนเปอร์จะเหมาะกว่า”
1
คาร์ล ไรท์ เจ้าหน้าที่ซีไอเอผู้ร่วมประชุมถามเขาว่า “ในบรรดาวิธีการลอบสังหารทั้งหลาย ทำไมคุณนึกถึงการระเบิดสะพาน?”
1
“เมื่อต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของแขกเมือง ผมก็ต้องนึกทุกอย่างที่เป็นไปได้”
คาร์ล ไรท์ ว่า “ไม่นานมานี้เราได้รับจดหมายลึกลับฉบับหนึ่งบอกว่า ดักกงอาจพยายามลอบสังหารท่านประธานาธิบดี แต่เราเชื่อว่าเป็นเรื่องเล่นตลก”
นายทหารผู้หนึ่งถาม “ใครส่งจดหมายลึกลับนั้นครับ?”
“เราไม่รู้ เขาไม่บอกว่าเขาเป็นใคร แต่เพื่อความไม่ประมาท เราก็ควรระวังมากขึ้น”
ไม่มีใครเชื่อเขาก็จริง แต่เนื่องจากทุกคนรู้ประวัติของ ตุ้ย พันเข็ม ว่าเขาเป็นคนทำมากกว่าพูด จึงมอบหมายหน้าที่การดูแลสะพานนั้นให้แก่เขา
3
เขาไม่ได้ขยายความว่าทำไมเขาจึงคิดว่ามันเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการลอบสังหาร มันเริ่มมานานหลายปีก่อนหน้านั้น เมื่อครั้งเขายังเป็นผู้อารักขานายกรัฐมนตรี เจ้านายเก่าของเขา
1
การเมืองไทยช่วงปี พ.ศ. 2498 – 2500 เป็นจุดหักเหและการชิงอำนาจระหว่างสามขั้วคือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม, จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ จอมพล ป. เริ่มเปิดเกมใหม่โดยการสร้างบรรยากาศประชาธิปไตย เพื่อลดแรงกดดันจากอีกสองขั้วอำนาจ และเพิ่มอำนาจต่อรองให้ตนเอง
การเผชิญหน้ากับความรุนแรงอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น เสือสามตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ จอมพล ป. มิได้เกรงกลัวเกมในสภา เพราะยังคุมคนได้ แต่กลัวการเล่นเกมนอกระบบ
วันหนึ่งนายกรัฐมนตรีผู้ผ่านพ้นการถูกลอบสังหารมาสามครั้งและรอดพ้นจากการถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มในกบฏแมนฮัตตัน ถามเขาขึ้นว่า “ตุ้ย ไปดูหน่อยว่ามีกี่วิธีที่จะฆ่าฉันได้บ้าง”
เขางุนงงไปวูบหนึ่ง
“ฆ่าท่าน? หมายถึงการลอบสังหารหรือครับ?”
1
“ใช่”
1
“แต่ผมไม่ใช่นักฆ่า...”
“ตุ้ย แกไม่ใช่ตำรวจธรรมดาที่ไล่จับคนร้าย แกเป็นนักวางแผนที่เก่งคนหนึ่ง ถ้ามีคนจ้างแกให้ลอบสังหารฉันในกรุงเทพฯ แกจะฆ่าฉันที่ไหน และยังไง?”
“ทำไมเป็นผม?”
“อุวะ! ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร? ฉันไว้ใจแก”
“ผมไม่รู้ครับ”
เจ้านายตบไหล่เขายิ้ม ๆ “งั้นก็ช่วยไปศึกษาจนรู้”
เขาก็ยังไม่มีโอกาสทำงานชิ้นนี้จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2498 จอมพล ป. พิบูลสงคราม เดินทางรอบโลก ตามปกติเขาเป็นตำรวจติดตาม แต่เจ้านายบอกว่า “แกอยู่กับครอบครัวดีกว่า”
2
ความหมายคือ “แกจะได้มีเวลาทำงานนี้”
เขาเริ่มสำรวจความเป็นไปได้ของการลอบสังหารนายกรัฐมนตรี ตลอดสามสัปดาห์ที่จอมพล ป. พักอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
เขาศึกษาแผนที่และกิจกรรมของนายกรัฐมนตรีอย่างละเอียด ศัตรูอาจลอบยิงด้วยสไนเปอร์จากที่ไกล และมีหลายจุดในกรุงเทพฯที่ทำเช่นนั้นได้ แต่เขาต้องการแผนลอบสังหารที่คาดไม่ถึง เขาต้องสมมุติตัวเองเป็นนักฆ่า
3
เขานั่งในเพิงร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ริมคลอง เป็นร้านเดิมที่เขาเคยมาเยือนเมื่อปี 2494 เขามองภาพน้ำในคลองไหลช้า ๆ พัดพาผักตบชวาและจอกแหนให้ลอยเอื่อย ๆ ยอดใบที่ระบัดเหนือน้ำถูกลมพัดพลิ้ว เขาชอบมองยอดผักตบชวา ปล่อยให้สายลมริมคลองพัดอาบร่างเขา นั่งนิ่ง ๆ อย่างนั้นโดยไม่ทำอะไร
จำได้ว่าหลังกบฏแมนฮัตตันในปี พ.ศ. 2494 ไม่นาน เขาเคยมานั่งดูผักตบชวา ‘เต้นระบำ’ บนคลองสายนี้ เขาจำได้เช่นกันว่าที่ฝั่งคลองตรงข้าม มีบ้านไม้ทรงไทยหลังใหญ่ สวนรกครึ้ม ซุ้มการเวกดัดโค้งเหนือประตูรั้วไม้ รำเพยสิบกว่าต้นเรียงรายหน้าบ้าน ป้ายหน้าบ้านเขียน กฤษดาวินิจ เขาไม่ได้พบชายเจ้าของบ้านมานานหลายปีแล้ว
เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน เวลาสิบกว่าปีผ่านไป หลายสิ่งเกิดขึ้น หลายสิ่งสิ้นสุด บ้านริมฝั่งคลองยังอยู่ แต่คนไม่อยู่
เขามานั่งที่จุดเดิมอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องงาน
1
สายตา ตุ้ย พันเข็ม จับที่ปฏิทินบนผนังในร้านกาแฟ บอกวันที่ 23 ธันวาคม 2510 ขบวนรถประธานาธิบดีสหรัฐฯจะผ่านเส้นทางนี้อีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า
เขาออกจากร้านเดินผ่านตลาดมหานาค สำรวจทุกจุดเสี่ยงซึ่งคนร้ายอาจใช้เป็นจุดลอบสังหารประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาผ่านการตรวจตราอย่างเข้มงวดเรียบร้อยแล้ว เขาสื่อสารกับตำรวจด้วยวอล์กกีทอล์กกี
เขาเดินไปหา ส.ต.ท. แจ้ง จรูญจรรยา ใกล้สะพาน ตำรวจจราจรวัยสี่สิบทำความเคารพเขา เขาบอกว่า “วันนี้ระวังหน่อย”
ตำรวจจราจรพยักหน้า เอ่ยเบา ๆ ว่า “ครับ”
สะพานจตุรภักตร์รังสฤษดิ์สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ช่วงที่เมืองหลวงกำลังเปลี่ยนแปลงเมื่ออิทธิพลตะวันตกแผ่เข้ามามากขึ้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริสร้างสะพานหลายแห่งข้ามคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อให้การคมนาคมสะดวกขึ้น ทรงมีพระราชดำริให้นามสะพานทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเทพ ราชเลขานุการผู้เชี่ยวชาญภาษามคธได้ตั้งชื่อสะพานคล้องจองกัน เป็นที่มาของนามสะพานทั้งห้าคือ เทเวศรนฤมิตร วิศศุกรรมนฤมาน มัฆวานรังสรรค์ เทวกรรม์รังรักษ์ และจตุรภักตร์รังสฤษดิ์
2
เขาเดินสำรวจตลอดริมคลองทั้งสองฝั่ง สายตาคมกริบกวาดไปทั่ว มองเรือหลายลำที่จอดริมฝั่ง เรือเหล่านี้เป็นเรือขายสินค้าต่าง ๆ ผัก ผลไม้ เรือบรรทุกปุ๋ยและสารพัดสินค้าจากหลายจังหวัดจอดเรียงรายริมฝั่งคลอง พ่อค้าถ่ายสินค้าขึ้นฝั่ง
1
เขาสั่งการให้ลูกน้องกันคนออกจากพื้นที่บริเวณสะพานไปชั่วคราว โดยให้ทุกคนอยู่ห่างจากสะพานอย่างน้อยหนึ่งร้อยเมตร และตำรวจก็จัดการให้เรียบร้อย เขาสำรวจดูอีกรอบหนึ่งและไม่พบสิ่งใดผิดปกติ ยกเว้นจุดจุดหนึ่งที่สะดุดตาเขา
ห่างจากสะพานราวแปดสิบเมตร เรือหางยาวลำหนึ่งบรรทุกผลไม้เต็มลำจอดอยู่ริมตลิ่ง เจ้าของเรือผมขาวโพลนกำลังง่วนกับการคัดผลไม้
3
เขาบอกคนแก่ “คุณลุงต้องออกจากที่นี่ก่อนนะครับ”
2
“ตำรวจมาบอกแล้ว แต่ผมไปไหนไม่ได้”
คนแก่ชี้ที่เฝือกขาขวาของตน
1
“ขาผมหัก เดินไม่ได้”
“ไปทำอะไรมาครับ?”
“ตกบันไดจากชั้นสอง”
เขาพยักหน้า
“งั้นลุงก็อยู่เฉย ๆ นะครับ เรามีแขกเมืองสำคัญ”
“ใครล่ะครับ? สำคัญขนาดต้องมีทหารตำรวจมากมาย...”
“แขกจากต่างประเทศครับ”
เขาเดินจากจุดนั้นมา ไม่มีอะไรผิดสังเกต ทุกอย่างดูเรียบร้อย เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกยี่สิบนาทีรถประธานาธิบดีสหรัฐฯจะผ่านเส้นทางนี้
2
เขาเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่งหนึ่ง ผ่านตึกแถวหลังหนึ่งไปช่วงหนึ่งก็ชะงักกึก เดินกลับไปที่หน้าร้านง้วนนาฬิกา หน้าร้านติดป้าย ‘หยุด 1 วัน’
2
เขาถามคนในร้านข้าวหมูแดง สงวนรส ซึ่งอยู่ติดกัน “บ้านข้าง ๆ ปิดร้านทำไมครับ?”
เจ้าของร้านบอกว่า “ไม่ทราบครับ”
“นายง้วนป่วยหรือเปล่า?”
“เปล่านี่ครับ เมื่อวานยังเปิดร้านปกติ”
เขากดปุ่มวอล์กกีทอล์คกีพูด “สงัดยังอยู่ที่รถใช่ไหม?”
เสียงลูกน้องตอบกลับมาว่า “ครับ”
“งั้นเอาคีมตัดเหล็กมาที่ร้านง้วนนาฬิกาด่วน”
สองนาทีถัดมา ตำรวจชื่อ ส.ต.อ. สงัด ดาริภาวิน ก็ขี่จักรยานยนต์มาถึง ตุ้ย พันเข็ม ชี้ไปที่โซ่คล้องประตูหน้า
“ตัดโซ่หรือครับ?”
1
เขาพยักหน้า
“ทำไมครับ?”
“อย่าเพิ่งถาม ไม่มีเวลาแล้ว จัดการเร็ว”
อึดใจเดียวโซ่เหล็กก็ขาดออกจากกัน เขาเลื่อนประตูยืดออกโดยไม่ให้เกิดเสียง แล้วก้าวเข้าไป
ภายในร้านไม่เปิดไฟ แต่แสงสว่างจากภายนอกสาดเห็นร่างหนึ่งบนพื้นหลังโต๊ะทำงาน เขาจำได้ว่าคือ ง้วน ช่างซ่อมนาฬิกาเจ้าของร้าน เขาจับชีพจรชายที่นอนแน่นิ่งบนพื้น เจ้าของร้านเสียชีวิตแล้ว ตัวเย็นชืดแสดงว่าตายมาแล้วหลายชั่วโมง อาจจะตั้งแต่เมื่อคืนนี้
1
เขาชักอาวุธออกมา พยักหน้าให้ ส.ต.อ. สงัดชักปืน และตามเขาขึ้นบันได ตำรวจทั้งสองย่องขึ้นบันไดสี่ชั้นอย่างเงียบกริบ ประสาทของเขาตื่นตัวเต็มที่ เขากวาดสายตาไปทั่วบริเวณอย่างระแวดระวัง ไม่มีสิ่งใดดูผิดปกติ
บันไดจบที่ชั้นสี่ และมีบันไดไม้อีกทอดหนึ่งต่อไปที่ชั้นดาดฟ้า เขาก้าวขึ้นไป แล้วผลักประตูออกช้า ๆ ลมเย็นวูบหนึ่งกระทบใบหน้าเขา
สายตาของเขากวาดไปทั่วดาดฟ้าอย่างรวดเร็ว หลังถังน้ำใหญ่ ร่างหนึ่งกำลังคุกเข่า ส่องกล้องปืนไรเฟิลไปที่สะพาน มองปราดเดียวเขาก็รู้ว่ามันเป็นไรเฟิลสำหรับนักแม่นปืน ตั้งบนฐานยิงบนพื้นพร้อมใช้งาน ข้างตัวมือปืนวางวอล์กกีทอล์กกีเครื่องหนึ่ง
1
ชายคนนั้นหันกลับมา ชักปืนสั้นออกมายิงเขาทันที แต่ไม่ทันลั่นไก ก็ร่วงลง กระสุนของมือปราบเจาะเข้าที่หน้าอก สไนเปอร์ร่วงลงกองกับพื้น เลือดไหลออกมาชุ่มหน้าอก แต่กลับหัวเราะก่อนสิ้นใจ
2
เขาขมวดคิ้ว ส.ต.อ. สงัด ถาม “เขาหัวเราะทำไม?”
เขากระซิบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เขาอาจจะบอกเราว่า เราหยุดอะไรไม่ได้ มือสังหารมีมากกว่าหนึ่งคน!”
คนที่เหลืออยู่ที่ไหน?
1
เขาหยิบกล้องส่องทางไกลของนักลอบสังหารขึ้นมาส่องดูพื้นที่รัศมีหนึ่งกิโลเมตรนั้น จากบนดาดฟ้าตึก เขาเห็นสะพานอย่างชัดเจน มันเป็นทำเลที่ดี แสงแดดสาดมาจากทิศตะวันตกทำให้ยากที่ใครข้างล่างจะมองย้อนแสงเห็นสไนเปอร์บนดาดฟ้า เขามีเวลาเพียงนาทีเดียวหาคนร้ายอีกคนหรืออาจจะหลายคน มีความเป็นไปได้สูงที่คนร้ายทำงานเป็นกลุ่ม
2
เขามองผ่านกล้องส่องทางไกล สำรวจอาคารทุกหลังรอบบริเวณนั้น ไม่มีจุดใดผิดปกติและเหมาะสมเท่าจุดที่เขาอยู่เวลานี้
ตุ้ย พันเข็ม โยนกล้องส่องทางไกลให้ตำรวจลูกน้อง คว้าปืนไรเฟิลของสไนเปอร์ขึ้นมา ไรเฟิล MAS FR F1 เป็นอาวุธประจำตัวพวกนักแม่นปืนฝรั่งเศส เขารู้ว่าในช่วงสงครามเวียดนาม ปืนแบบนี้จำนวนหนึ่งหลุดไปอยู่ในมือพวกดักกง เขามีโอกาสจับต้องมันเมื่อมันออกมาใหม่ ๆ เป็นปืนที่ออกแบบดี ลำตัวเป็นไม้ผสมเหล็กดำ พานท้ายเป็นไม้ น้ำหนัก 5.3 กิโลกรัม ขาตั้งโลหะสองขาสำหรับการยิงแบบประณีต ระยะยิงหวังผล 600-800 เมตร ซึ่งตรงกับการใช้งานในขณะนี้
1
เขาส่องปืนไปที่สะพาน เลนส์กำลังขยายแรงสูงเห็นพื้นที่นั้นชัดเจน เขาวาดเลนส์ปืนออกไปไกลกว่าจุดนั้น เห็นขบวนรถของประธานาธิบดีสหรัฐฯจากที่ไกลแล่นเข้าถนนหลานหลวง เขากวาดปืนยาวไปที่เรือหางยาวลำนั้น คนแก่ยังคงนั่งคัดผลไม้อยู่ เขากวาดกล้องต่อไปยังเรือหลายลำซึ่งจอดเรียงรายริมฝั่ง กล้องปืนติดเลนส์กำลังขยายสูงหยุดที่เรือบรรทุกปุ๋ยสองลำ เขาขนลุกวูบ นึกได้ทันทีว่าปุ๋ยมีส่วนผสมของ แอมโมเนียม ไนเตรต สามารถใช้ทำวัตถุระเบิดได้ ด้วยปริมาณปุ๋ยเต็มลำเรือน่าจะพอทำลายสะพานเก่าแห่งนี้ได้ ทว่าโดยตัวมันเองไม่สามารถระเบิด คนร้ายจะจุดชนวนอย่างไร
2
เขาวาดเลนส์ปืนต่อไปสำรวจจุดอื่นรอบสะพาน ขณะถาม ส.ต.อ. สงัด “ขบวนถึงไหนแล้ว?”
“รถมาเกือบถึงเชิงสะพานแล้วครับ ตำรวจสองนายขี่มอเตอร์ไซค์นำทางมา”
กล้องไรเฟิลไปหยุดที่ตำรวจจราจร ส.ต.ท. แจ้ง จรูญจรรยา แล้วกวาดเลนส์กล้องผ่านไป พลันเสียงครืด ๆ ดังมาจากเครื่องวอล์กกีทอล์กกีซึ่งวางบนพื้นข้างไรเฟิล เสียงพูดภาษาเวียดนามดังขึ้นประโยคสั้น ๆ วินาทีนั้นเขากวาดกล้องปืนกลับไปที่ตำรวจจราจร เห็น ส.ต.ท. แจ้ง จรูญจรรยา ถือวอล์กกีทอล์กกีพูดอยู่
2
เขาสะดุ้งในใจ กวาดเลนส์ปืนไปที่เรือบรรทุกผลไม้ ชายแก่พ่อค้ายังคงอยู่ที่เดิม คราวนี้ในมือไม่ใช่ผลไม้ หากเป็นวัตถุชิ้นเขื่องซ่อนในลังไม้ฉำฉา เลนส์กำลังขยายสูงเห็นสายไฟฟ้ายาวต่อจากลังไม้จุ่มลงในคลอง เขารู้แล้วว่าใครเป็นผู้มีหน้าที่จุดชนวนระเบิด
1
คนแก่ขายผลไม้กดด้ามเครื่องจุดระเบิด แต่ยังไม่เร็วกว่าที่เขากระดิกไก ลูกปืนจาก MAS FR F1 วิ่งที่ความเร็ว 2,560 ฟุตต่อวินาทีพุ่งเข้าเจาะศีรษะของมือลอบสังหารคนที่สอง ร่างนั้นร่วงตกลงไปในน้ำจมหายไป ขณะที่รถประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาข้ามสะพานนั้นพอดี
1
บทบาทใหม่ของ ตุ้ย พันเข็ม จากบทที่ 6 นวนิยายเรื่อง 17 องศาเหนือ ซื้อตรงจากนักเขียนได้ที่ https://bit.ly/3CuKmTy
1
โฆษณา