25 พ.ย. 2021 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
(นี่คือเรื่องสั้นท่อนหนึ่งของ สามก๊ก ฉบับ วินทร์ เลียววาริณ เล่าสามก๊กใหม่แบบกึ่งนิยายกำลังภายใน)
2
ขบวนคนและม้าเดินทางออกนอกกำแพงเมือง เกวียนและคนหลายสิบชีวิตเคลื่อนออกไปข้างหน้าช้า ๆ และเงียบงัน ไม่มีผู้ใดส่งเสียง หากเป็นสมัยก่อน ขบวนเดินทางจะประกอบด้วยข้าราชบริพาร เกวียนนับร้อยเล่ม สัมภาระอาหารล้นเหลือ ยามนี้มันเงียบเหงาวังเวงเช่นขบวนขนศพ
2
บางทีมันเป็นขบวนขนศพจริง ๆ ศพของเขา!
เขา ‘ตาย’ มานานแล้ว และตะปูตัวสุดท้ายที่ตอกฝาโลงคือการถูกปลดจากสถานะฮ่องเต้
ชายผู้ร่วงตกจากที่สูงสุดลงสู่จุดต่ำสุดย่อมเข้าใจสัจธรรมของอำนาจ แต่ยากเย็นแสนเข็ญที่จะกล้ำกลืนยอมรับชะตากรรมนี้
1
สองข้างทางมีประชาชนยืนรอเฝ้าส่งเสด็จเป็นครั้งสุดท้าย หลายคนน้ำตานองหน้าในชะตากรรมของพระองค์ จักรพรรดิผู้เป็นหุ่นการเมืองตลอดพระชนม์ชีพ
เขาเองก็น้ำตาไหล ไหลภายในหัวใจ
1
เขาคือฮั่นเหี้ยนเต้ นามเดิมหองจูเหียบ เป็นโอรสของพระเจ้าฮั่นเลนเต้ สืบสายมาจากพระเจ้าฮั่นโกโจ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์ที่ครองแผ่นดินมานานกว่าสี่ร้อยปี
1
ชะตาชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเมื่อแปดขวบ ตั๋งโต๊ะเข้าเมืองหลวง ปลดพระเชษฐาของเขาลงจากบัลลังก์ อัญเชิญเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน การควบคุมเด็กน้อยวัยแปดขวบย่อมง่ายกว่าคุมพระเชษฐาของเขา ตั๋งโต๊ะตั้งตนเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กุมอำนาจทั้งหมดในมือ
ตั้งแต่เล็ก เขาไม่ต้องออกว่าราชการ เขาเป็นเพียงจักรพรรดิหุ่นเชิด เขาอยู่ใต้เงาของขุนศึกเสมอมา
เขารู้ว่าช้าหรือเร็ว บัลลังก์จะถูกล้ม
1
จากจุดที่เขาอยู่ เขามองเห็นการก้าวขึ้นสู่อำนาจและล่มสลายของคนจำนวนมาก เมื่อตั๋งโต๊ะถูกอ้องอุ้นกำจัด เขายังเป็นเด็กสิบเอ็ดขวบ เห็นอำนาจเปลี่ยนมือ หลังจากนั้นลิฉุย กุยกีก็เข้ามาแทน เขาเริ่มเข้าใจ
แล้วโจโฉก็เข้ามาแทนที่ในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มิต่างจากคนก่อนหน้านั้น สร้างสมอำนาจเหนือราชบัลลังก์ จาบจ้วงเขาเป็นอาจิณ แต่เขาก็มิอาจทำสิ่งใดได้นอกจากยอมรับชะตากรรม
ครั้งหนึ่งเขาประพาสป่ากับโจโฉ โจโฉขี่ม้าอยู่เคียงคู่ เขายิงเกาทัณฑ์หมายกวางตัวหนึ่ง แต่ไม่ถูก จึงบอกให้โจโฉลองดู โจโฉขอยืมพระแสงเกาทัณฑ์ทอง เขายื่นให้ โจโฉยิงถูกกวางวิ่งไปล้มลงตาย ผู้ตามเสด็จเห็นดอกเกาทัณฑ์ลายมังกรของฮ่องเต้บนตัวกวาง ก็ส่งเสียงร้องถวายพระพรดังกึกก้อง เมื่อนั้นโจโฉจึงโผล่ออกมารับว่าเป็นฝีมือของตน และไม่คืนพระแสงเกาทัณฑ์
1
เขาเคยสงสัยว่าเหตุใดโจโฉไม่ชิงราชสมบัติจากเขา แต่ภายหลังก็รู้ว่าโจโฉปรารถนาจะโค่นเขาลงตั้งแต่แรก โจโฉเกรงว่าทุกกลุ่มจะรวมหัวกันต่อต้านเขา อีกประการ หากโจโฉตั้งตนเป็นฮ่องเต้ หัวหน้าก๊กอื่นก็จะตั้งตนเป็นฮ่องเต้ด้วย การคุมเขาไว้ในมือเป็นทางออกที่ดีที่สุด ณ ขณะนั้น ใช้สถานะของเขาควบคุมผู้นำก๊กอื่น ๆ
1
โจโฉเพิ่มอำนาจให้ตนเองเรื่อย ๆ ยกลูกสาวนามโจเฮาให้เป็นพระมเหสี และขอตำแหน่งวุยอ๋อง เขาไม่มีทางเลือก ทำตามที่โจโฉปรารถนาทุกประการ เขาเป็นเพียงหุ่น
วันหนึ่งโจโฉก็สั่งการให้สร้างเมืองเงียบกุ๋น หมายเป็นราชธานีสำหรับตน มันคือรัฐซ้อนรัฐ
2
เขารู้ว่าจำเป็นต้องกำจัดโจโฉ ก่อนที่จะสายเกินไป มิเช่นนั้นราชวงศ์ฮั่นอาจถูกทำลายล้าง ทว่าโจโฉรวบอำนาจหมดสิ้น กุมขุนนางน้อยใหญ่ในมืออย่างแน่นหนา
2
พระมเหสีหลวงฮกเฮากล่าวว่า “บิดาข้าฯบอกว่าคนเดียวที่ยังไว้ใจได้คือขุนศึกตังสิน เราควรส่งข่าวให้เขารู้ เพื่อที่จะรวมกำลังโค่นโจโฉ”
เขาใช้เข็มแทงนิ้วตนเอง ใช้เลือดทรงพระอักษรบนผ้าขาว พระนางฮกเฮาทรงซ่อนผ้าขาวไว้ที่ชั้นในของเสื้อคลุมและเย็บปิดไว้ รับสั่งให้ตังสินเข้าเฝ้า กระซิบสั่งตังสินว่า ถึงบ้านแล้วจงเลาะตะเข็บเสื้อคลุมออก
เขารู้จากตังสินในภายหลังว่า เมื่อออกจากวัง ขุนศึกก็พบโจโฉดักรออยู่
โจโฉถามตังสินว่า “ท่านคุยเรื่องใดกับฮ่องเต้?”
ตังสินบอกว่า “เรื่องสุขภาพของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอายุมากแล้ว พระองค์ทรงพระเมตตาให้แพทย์หลวงเกียดเป๋งช่วยตรวจร่างกายข้าพเจ้า”
1
“ท่านเข้าวังไร้เสื้อคลุม ท่านได้รับเสื้อคลุมใหม่จากใคร?”
1
“ฮ่องเต้พระราชทาน พระองค์ทรงให้ใช้คลุมตัวให้อุ่น เนื่องจากระยะหลังนี้ข้าพเจ้าป่วยบ่อย”
“ข้าฯก็มีสุขภาพไม่แข็งแรง ท่านมอบเสื้อคลุมใหม่นี้ให้ข้าฯได้หรือไม่?”
ตังสินใจเต้นระรัว โจโฉอาจระแคะระคายรู้บางสิ่ง จึงมาดักพบเขา ทว่าสีหน้าตังสินไม่เปลี่ยน หัวเราะเบา ๆ กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ในเมื่อท่านโจโฉอยากได้ ข้าฯย่อมมอบให้ท่านได้”
ว่าแล้วก็ถอดเสื้อคลุมตัวใหม่ให้โจโฉ
โจโฉหัวเราะ กล่าวว่า “ข้าฯเพียงล้อเล่น นี่เป็นของพระราชทาน ข้าฯย่อมมิอาจเอื้อม”
คืนนั้นตังสินเลาะตะเข็บออก อ่านอักษรพระโลหิตแล้วชวนคนกลุ่มหนึ่งมาร่วมก่อการ ได้แก่ จูฮก จูลัน ตันอิบ โงห้วน ม้าเท้ง เล่าปี่ และหมอเกียดเป๋ง
1
แผนการที่ทุกคนตกลงคือตังสินแนะนำโจโฉให้รู้จักเกียดเป๋ง วุยอ๋องผู้ชอบจาบจ้วงฮ่องเต้ย่อมดึงตัวเกียดเป๋งเป็นหมอประจำตัว เพื่อแสดงอำนาจว่าสามารถครอบครองทุกสิ่งที่ฮ่องเต้ทรงมี อีกประการ โจโฉเป็นโรคปวดศีรษะ นอนไม่หลับ จำต้องกินยา แพทย์หลวงเกียดเป๋งจะหาโอกาสวางยาพิษในยารักษา
2
ทว่าแผนการโค่นฆ่าโจโฉล้มเหลว ความลับรั่วไหล มีผู้นำความไปบอกโจโฉ ผู้ก่อการทั้งหมดถูกจับและประหาร ยกเว้นเล่าปี่ที่สามารถหนีภัยไปได้ก่อนหน้านั้น โดยหาข้ออ้างอาสาไปรบกับอ้วนสุด
1
หลังจากนั้นฮ่องเต้ก็ถูกคุมขังในกรงทองหนาแน่นกว่าเดิม
1
เขาไม่มีทางเลือกอื่นใด ได้แต่รอวันตายของโจโฉ เขารู้ว่าหลังสิ้นโจโฉ บุตรชายของโจโฉคนใดคนหนึ่งจะขึ้นครองอำนาจต่อจากพ่อ
1
เขาศึกษานิสัยใจคอของบุตรแต่ละคนของโจโฉ โจผี ลูกชายคนโตเชี่ยวชาญการรบ โจเจียงเชี่ยวชาญการทหาร แต่ไม่ฉลาดนัก โจสิดเป็นปราชญ์มีสติปัญญา เชี่ยวชาญด้านกวี นิยมดื่มสุรา โจโฉตั้งใจจะให้โจสิดครองอำนาจต่อจากตน หากเป็นเช่นนั้น สถานการณ์อาจดีขึ้น เขาหวังว่าจะเป็นโจสิดเช่นกัน เพราะโจสิดมีความเป็นศิลปินสูง อาจต่อรองง่ายกว่าคนอื่น
แล้ววันหนึ่งข่าวโจโฉตายก็เดินทางมาถึง การเมืองในราชธานีกำลังเปลี่ยนแปลง การวิ่งเต้นหาขั้วอำนาจใหม่กำลังคึกคัก คนใกล้ชิดบุตรชายทั้งสี่ของโจโฉล้วนพยายามหาทางทำให้เจ้านายของตนขึ้นครองอำนาจ
แต่คนสนิทของเขาบอกว่า กาเซี่ยงและสุมาอี้เลือกสนับสนุนโจผี และวางฐานการเมืองปูทางให้โจผีขึ้นแทนแล้ว การสนับสนุนของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทำให้โจผีบุตรคนโตสืบทอดตำแหน่งวุยอ๋องต่อจากบิดาอย่างง่ายดาย
1
โจผีระแวงญาติพี่น้องว่าจะชิงอำนาจจากตน จึงปลดอำนาจของโจเจียง โจเจียงก็มอบกำลังทัพทั้งปวงให้พี่ชาย หลังจากนั้นก็ส่งโจเจียงไปปกครองเมืองเอียงเหลงที่ห่างไกล
1
น้องชายคนต่อมาคือ โจหิม เมื่อรู้ว่าตนเองตกเป็นเป้าของการทำลายล้าง ก็ชิงผูกคอตาย
เสี้ยนชิ้นถัดไปคือโจสิด โจผีส่งทหารไปจับตัวน้องชายมา ฆ่าทหารคนสนิทของโจสิด จับโจสิดและครอบครัวเข้าเมืองหลวงเพื่อ ‘ชำระความ’
โจผีสั่งให้เคาทู ทหารคนสนิทชักกระบี่ขึ้นเตรียมฆ่าโจสิด
โจสิดมองเห็นวาระสุดท้ายของตน เอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “พี่จะฆ่าข้าฯก็ได้ ก่อนตายข้าฯขอแต่งบทกวีบทหนึ่งให้พี่ฟัง พี่จะอนุญาตหรือไม่?”
โจผีอนุญาต โจสิดจึงก้าวเท้าเดินรอบห้อง เอ่ยเป็นบทกวี
“เถาถั่วคือเชื้อไฟใช้ต้มถั่ว
คนคลั่กทั่วจนเตาเหลือเถ้าเถา
ถั่วแลต้นต่างร่วมรากเหง้าเรา
ไยเร่งเร้าเผาถั่วทั้งต้นเอย”
บทกวีจบเมื่อเดินถึงก้าวที่เจ็ดพอดี
มารดาของสองพี่น้องผู้อยู่ในห้องนั้นด้วยเดินไปหยุดหน้าโจผี กล่าวทั้งน้ำตาว่า “ลูกเอ๋ย จงอย่าฆ่าน้อง เจ้าทั้งสองมาจากท้องเราเช่นเดียวกัน”
โจสิดรอดชีวิต ถูกส่งไปครองเมืองอันเหียนอันห่างไกล
เสี้ยนหนามสายโลหิตถูกขจัดสิ้น เหลือเสี้ยนชิ้นสุดท้ายที่ขวางทางอำนาจสูงสุด
ตั้งแต่นั้นเขาได้ยินคนรอบตัวเอ่ยคำพูดเป็นนัยให้เขาสละราชสมบัติ โหรในวังทำนายว่าราชวงศ์ฮั่นจะสิ้น ขุนนางหลายคนฝันตรงกันว่าเห็นโจผีได้รับลิขิตจากสวรรค์มาช่วยเหลือมนุษย์ เขารู้ว่ารอบตัวเขาคือคนที่หวังได้ดีจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง คนเหล่านี้ก็คือคนที่เขาชุบเลี้ยงมา ลืมบุญคุณคิดโค่นเขาเพื่อรับความชอบ
โลกของการเมืองสามารถเปลี่ยนนิสัยคนได้อย่างง่ายดาย
บางทีคนมิได้เปลี่ยน คนมิเคยเปลี่ยน เพียงแต่การเมืองสามารถเผยธาตุแท้ของคน
วันหนึ่งกาเซี่ยงสั่งให้เจาปิด ผู้รักษาตราหยกพระราชลัญจกรของฮ่องเต้ นำตราหยกออกมาให้โจผี เจาปิดปฏิเสธ หลังจากนั้นเขาไม่ได้เห็นเจาปิดอีกเลย
2
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าบทสุดท้ายของจักรพรรดิมาถึงแล้ว ตราบที่เขาไม่ยอมก้าวลงจากบัลลังก์ ต้องมีคนบริสุทธิ์ถูกฆ่าตายอีกจำนวนมาก
อีกครั้งเขาไม่มีทางเลือก ทรงสละราชสมบัติ ส่งต่ออำนาจสูงสุดให้โจผี
ครั้นโจผีรับหนังสือและตราหยกจักรพรรดิแล้ว ก็ถวายคืนมาที่วัง เขารู้ว่าเป็นคำแนะนำของสุมาอี้เพื่อไม่ให้ประชาราษฎร์ครหาว่าโจผีอยากเป็นฮ่องเต้ เช่นที่โจโฉเคยทำเช่นเดียวกันมาก่อนครั้งรับตำแหน่งวุยอ๋อง
1
โจผีคืนตรากลับมาสองครั้ง และรับ ‘อย่างเสียมิได้’ ในครั้งที่สาม ส่ง ‘ข่าวลับ’ แพร่ไปทั่วแผ่นดินว่า โจผีจำใจรับเป็นฮ่องเต้เพราะเห็นแก่แผ่นดิน และเพราะพระเจ้าฮั่นเหี้ยนเต้ทรงขอร้อง
1
โจผีขึ้นเป็นฮ่องเต้ พระนามพระเจ้าอ้วยโช่ ส่วนเขากลายเป็น ‘ซันเอี๋ยงก๋ง’ ตำแหน่งที่โจผีอุปโลกน์ เขายังคงเป็นหุ่นที่ไร้พิษภัยทางการเมือง
เขาและครอบครัวถูกส่งไปอยู่ที่เมืองซันเอี๋ยง เมืองเล็ก บ้านเล็ก สวนเล็ก เขาใช้ชีวิตสมถะ แต่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกเป็นอิสระ
เขาชอบเข้าสวน เขาชอบคุยกับนก พวกมันดีกว่ามนุษย์
วันหนึ่งอำมาตย์เก่าแอบมารายงานว่า “เล่าปี่เพิ่งสถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ โดยได้รับความเห็นชอบจากขุนนางทั้งปวง เวลานี้ขุนศึกทั้งสามก๊กต่างมองเห็นความชอบธรรมขึ้นเป็นฮ่องเต้ครองบัลลังก์”
“ความชอบธรรมกระนั้นหรือ?”
“เพราะประชาราษฎร์ต่างรู้ว่าโจผีขึ้นสู่บัลลังก์อย่างไม่ชอบธรรม ข้าพระองค์เชื่อว่าขงเบ้งพิเคราะห์สถานการณ์โจผีชิงราชบัลลังก์พระเจ้าฮั่นเหี้ยนเต้แล้ว เห็นเป็นโอกาสดีที่สุดที่เล่าปี่จะก้าวขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ เล่าปี่สืบสายพระโลหิตราชวงศ์ฮั่นย่อมมีความชอบธรรมกว่า และสามารถคานอำนาจกับพระเจ้าโจผี”
เขาแย้มยิ้ม
“แล้วท่านเล่าปี่กระทำอย่างเดียวกับโจผีหรือไม่ ปฏิเสธสองครั้ง...”
“ถูกต้องพระเจ้าข้า เล่าปี่เล่นบทแกล้งตกใจเมื่อได้ยินข้อเสนอของขงเบ้ง ยืนยันไม่ยอมรับการชิงราชบัลลังก์ แต่ในที่สุดก็ทำท่าจำใจรับ เพื่อเห็นแก่แผ่นดินและประโยชน์สุขของชาวประชา เล่าปี่สถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ เขาให้เหตุผลว่าเพื่อสืบสานรื้อฟื้นราชวงศ์ฮั่น...”
1
เขาหัวเราะเบา ๆ คนสนิทกล่าวว่า “ทว่าหากเหตุผลเพื่อฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น เล่าปี่ก็สมควรรบกับโจผีแล้วยึดอำนาจคืนให้พระองค์ แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น ขงเบ้งกับขุนนางทำพิธีใหญ่โต ถวายพระนาม พระเจ้าเจี๋ยงบู๋ ให้เลิกเก็บส่วยอากรจากราษฎรเป็นเวลานานสามปี”
2
“เพื่อซื้อฐานเสียง!”
“ใช่ พระองค์จะทรงทำอย่างไร?”
“ไม่ทำสิ่งใด เราจะไปเล็มพุ่มถั่วในสวน”
เขาตัดเล็มกิ่งไม้ พูดกับนก “เล่าปี่กับเราก็คือต้นถั่วต้นเดียวกัน ต่างกันที่เราเป็นเถา เขาเป็นถั่ว”
จักรพรรดิไร้บัลลังก์หัวเราะ
“เจ้าคงคิดว่าเรายังกระหายอำนาจ หามิได้ เราพอแล้ว โลกภายนอกวุ่นวายเกินไป โจผีขึ้นเป็นฮ่องเต้ เล่าปี่ขึ้นเป็นฮ่องเต้ อีกไม่นานซุนกวนก็จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ สงครามมิมีวันสิ้นสุด แย่งชิงแผ่นดินกว้างใหญ่ไปไย มนุษย์แต่ละคนก็เช่นต้นถั่วที่เรากำลังปลูก ต้องการผืนดินเล็กนิดเดียวเพื่อหยั่งราก”
2
นกเกาะนิ่งบนกิ่งไม้ จ้องดูเขา
“เจ้ามองเราไปไย? เจ้ามิเคยเห็นคนมีความสุขหรือ?”
1
เขายิ้ม แล้วเขาก็เริ่มเล็มพุ่มถั่ว
จากหนังสือ #สามก๊ก ฉบับ วินทร์ เลียววาริณ / https://bit.ly/3tHbyvL
1
โฆษณา