29 พ.ย. 2021 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
ในยุคที่มนุษย์ทั้งรักและเอาใจแมวจนเอ่ยปากยอมเป็นทาสแมวอย่างปัจจุบัน หลายคนคงนึกไม่ถึงว่าในอดีตมนุษย์เคยทำร้ายแมวได้เจ็บแสบแค่ไหน แมวทั้งถูกใส่ร้าย ใช้เป็นเครื่องมือเอาผิดคนอื่น ถูกทำร้ายสารพัด ถึงขั้นถูกโยนเข้ากองเพลิง ทั้งหมดนี้มีสาเหตุมาจากความมืดบอดทางปัญญาของมนุษย์ล้วน ๆ
ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 13 ซึ่งเป็นช่วงที่คริสตจักรเรืองอำนาจสูงสุด ยุคนั้นใครมีความคิดความเชื่อขัดแย้งกับศาสนจักร ใครเป็นพวกนอกศาสนาถือว่าเป็นเรื่องผิดบาปร้ายแรง ยุโรปก่อนหน้ายุคศาสนาคริสต์เฟื่องฟู ผู้คนนับว่าแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อเช่นนั้นทำให้ศาสนจักรไม่พอใจถึงขั้นที่สมเด็จพระสันตปาปาเกรกอรีที่ 9 ผู้เป็นประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกประกาศว่า แมวคือพาหนะของซาตาน และอริของพระเจ้า
และศัตรูสำคัญที่คริสตจักรเพ่งเล็งคือผู้ที่สืบสานวิถีความเชื่อโบราณ และนับถือเทพอย่างไอซิส หรือเทพีเฮคาที ซึ่งเป็นองค์อุปถัมภ์เรื่องเวทมนตร์ นั่นคือ แม่มด
มีบันทึกบางฉบับถึงกับระบุว่าซาตานปรากฏตัวในวันสะบาโตซึ่งเป็นวันรวมตัวกันทำพิธีกรรมของแม่มดในรูปของแมวตัวผู้ตัวโต ทั้งผู้คนยังเชื่อว่าแมวกับแม่มดมีหลายอย่างที่เชื่อมโยงกัน ทั้งคู่หากินยามค่ำคืน แมวช่วยเหลือแม่มดทำเรื่องต่ำช้า และแม่มดสามารถแปลงร่างเป็นแมวได้ ถึงขั้นมีความเชื่อว่า หากอยากกระชากหน้ากากแม่มด ให้ลองทำร้ายแมวที่ดูมีพิรุธ หากวันต่อมาผู้หญิงคนนั้นได้รับบาดเจ็บที่เดียวกับที่แมวตัวนั้นโดนทำร้าย ก็จะสามารถเปิดโปงสถานะแม่มดของเธอได้
จุดตกต่ำที่สุดของการถูกใส่ร้ายป้ายสีคือปี 1484 เมื่อศาสนาจักรที่กรุงวาติกันประกาศให้แมวมีความผิดเรื่องการใช้มนตร์ดำเท่ากับที่แม่มดมี มีผลทำให้แมวถูกเผาทั้งเป็นในกองเพลิงเดียวกันกับแม่มด นับแต่นั้นแมวตัวใดอาศัยอยู่ในบ้านของหญิงที่ถูกสงสัยว่าเป็นแม่มดก็จะต้องโดนลงทัณฑ์ไปพร้อมกัน ยิ่งไปกว่านั้น หากหญิงผู้ต้องสงสัยไม่มีแมว เธอจะต้องรีบหามาให้ได้ตัวหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคณะผู้สอบสวนจะไม่ยอมรับคำสารภาพของเธอ แมวที่เธอหามาจึงต้องพลอยติดร่างแหโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่บาบาก็เข้าใจผู้หญิงเหล่านั้นดี “ฉันก็ไม่อยากโทษใครก็ตามที่ต้องสารภาพเพราะโดนทรมานจนเพื่อนร่วมสายพันธุ์ของฉันต้องพลอยเอาชีวิตมาทิ้งด้วย ทั้งสองล้วนเป็นเหยื่อของศรัทธาอันบิดเบี้ยว ทำให้ชีวิตของผู้ถูกทรมานมีแต่ความเจ็บปวด”
หลายคงคิดว่าความโหดร้ายวิปริตพิสดารเช่นนี้คงเกิดขึ้นแค่ไม่นาน แต่กว่าการเผาแมวจะจบลงก็กินเวลากว่า 400 ปี บาบาชวนมองย้อนดูความย้อนแย้งที่สุดในเรื่องนี้ หญิงสูงอายุที่ไม่ได้แต่งงานและมองหาเพื่อน มักเป็นคนที่แสดงความรักความเมตตาต่อเหล่าแมว “เธอนึกออกใช่ไหม คนแบบนี้! บางครั้งเธอก็เอามาล้อเลียนว่าเป็นป้าทาสแมวสติไม่ดี แต่สมัยโน้นเรื่องนี้ตลกไม่ออก คนเหล่านี้ถูกกีดกันให้เป็นคนชายขอบของสังคม เพศสภาพและสถานะในสังคมทำให้พวกนางหมดทางสู้เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด กลายเป็นว่าความดีที่พวกนางอนุเคราะห์วิฬาร์แถวนั้นกลับย้อนมาทำร้ายตัวเอง สัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยากและมนุษย์ผู้โดดเดี่ยวต้องมาพบว่า ความรักความเมตตาซึ่งมีให้ผู้อื่นนำไปสู่โทษประหารของทั้งคู่ คงไม่มียุคไหนมืดมนไปกว่ายุคที่ความเมตตานำไปสู่ความตายอีกแล้ว”
1
อ่านเรื่องราวทั้งเศร้าและสุขของคนกับแมวจากบาบา
ได้ใน "A Cat's Tale ประวัติศาสตร์แมวมอง"
เล่าโดยบาบา แมวสลิดผู้ทรงภูมิ
เขียนโดยพอล คูดูนาริส (มนุษย์ของเธอ)
สำนักพิมพ์ Sophia
1
โฆษณา