26 พ.ย. 2021 เวลา 11:09 • ประวัติศาสตร์
หญิงสาวผู้ทำหน้าที่ “นักชิมอาหาร” ของ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)”
“อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)” เป็นผู้นำพรรคนาซี และทุกคนก็น่าจะรู้ดีว่ามีใครหลายคนอยากที่จะเอาชีวิตของเขา
ภายหลังจากถูกลอบสังหารหลายครั้ง ฮิตเลอร์ก็ตระหนักว่าต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้มากกว่านี้ ฮิตเลอร์จึงได้ทำการจัดตั้งทีมรักษาความปลอดภัยพิเศษ คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้ฮิตเลอร์
หนึ่งในการดูแลความปลอดภัยให้ฮิตเลอร์ นั่นรวมถึง “อาหาร” ด้วย
มีการตั้งหน่วยพิเศษที่ทำหน้าที่ชิมอาหารก่อนที่ฮิตเลอร์จะทาน โดยหน่วยนี้ประกอบด้วยหญิงสาวจำนวน 15 คน และต้องเสี่ยงชีวิต ชิมอาหารที่อาจจะใส่ยาพิษ
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ใช้เวลาอยู่ในฐานที่เปรียบเสมือนเซฟเฮ้าส์ของตน โดยสถานที่นี้เรียกว่า “รังหมาป่า (Wolf’s Lair)” และตั้งอยู่ในโปแลนด์
ที่รังหมาป่า ฮิตเลอร์อาศัยอยู่ในบ้านพักที่เพียบพร้อมไปด้วยเสบียงอาหาร มีสวนผักของตน และฮิตเลอร์ก็กลัวว่าจะมีใครวางยาพิษในอาหารของตน จึงมีการจัดตั้งหน่วยชิมอาหาร
หนึ่งในหญิงสาวที่ต้องทำหน้าที่ชิมอาหารให้ฮิตเลอร์ คือหญิงสาวชาวเยอรมันที่ชื่อ “มาร์ก็อต โวล์ก (Margot Wölk)”
มาร์ก็อต โวล์ก (Margot Wölk)
โวล์กนั้นเคยทำงานเป็นเลขานุการ โดยสามีของเธอเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ในกองทัพ โดยถูกเกณฑ์ไปรบในปีค.ศ.1939 (พ.ศ.2482) และก็ขาดการติดต่อ ทำให้โวล์กคิดว่าสามีของตนคงจะเสียชีวิตในสนามรบ
บ้านของโวล์กถูกระเบิดลงในปีค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) ทำให้ต้องย้ายไปโปแลนด์ และบ้านใหม่ของเธอก็อยู่ไม่ไกลจากรังหมาป่า ทำให้กองกำลัง SS ของนาซี ได้เกณฑ์เธอเข้าไปทำงานเป็นนักชิมอาหารของฮิตเลอร์ โดยในขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 24 ปี
1
ชีวิตประจำวันของโวล์กนั้น ก็ค่อนข้างจะจำเจ
เธอจะถูกพาขึ้นรถไปยังบ้านพักของฮิตเลอร์ และต้องชิมอาหารที่จะนำไปเสิร์ฟให้ฮิตเลอร์ โดยนอกจากตัวเธอแล้ว หญิงสาวอีก 14 คนก็ต้องทำหน้าที่ชิมอาหารด้วยเช่นกัน
งานชิมอาหารนั้นเริ่มตั้งแต่เวลา 11:00 น. และเลิกงานตอนเที่ยงคืน โดยโวล์กและหญิงสาวอีก 14 คนที่ทำหน้าที่ชิมอาหาร จะได้รับการสังเกตอาการเป็นเวลาหลายชั่วโมงหลังชิมอาหาร เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเธอไม่เป็นอะไร และอาหารของฮิตเลอร์ไม่มียาพิษ
โวล์กและหญิงสาวที่เหลือต้องทำหน้าที่เสี่ยงอันตราย ชิมอาหารให้ฮิตเลอร์เป็นเวลากว่าสองปีครึ่ง และในแต่ละวัน ต่างก็ต้องเตรียมใจที่จะตาย หากในอาหารที่ชิมนั้นมียาพิษ
1
เรื่องที่ดูจะโหดร้ายอีกอย่างก็คือ โวล์กนั้นเกลียดฮิตเลอร์ พ่อของเธอก็ถูกจับกุมเนื่องจากไม่สนับสนุน และไม่ยอมเข้าร่วมกับนาซี แต่โวล์กกลับต้องมาชิมอาหารให้คนที่เธอเกลียด
20 กรกฎาคม ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) ฮิตเลอร์ได้ถูกลอบสังหารอีกครั้ง หากแต่การสังหารล้มเหลว ทำให้ฮิตเลอร์ยิ่งหวาดระแวง ส่งผลให้หน่วยชิมอาหารไม่สามารถกลับบ้าน และถูกคุมตัวอยู่ในโรงเรียนร้าง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา
ในค่ำคืนหนึ่ง ได้มีทหารนาซีได้ปีนขึ้นห้อง และข่มขืนเธอ ซึ่งเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และไม่สามารถร้องเรียนอะไรได้เลย
1
ต่อมา เมื่อกองทัพโซเวียตใกล้จะมาถึงรังหมาป่า ฮิตเลอร์ก็หนีไปเยอรมนีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) ส่วนโวล์กก็ได้ขึ้นรถไฟไปเบอร์ลินเช่นกัน
แต่ชีวิตที่เบอร์ลินก็แสนจะเลวร้าย เนื่องจากเมื่อกองทัพโซเวียตบุกถึงเบอร์ลิน โวล์กก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงหลายรายที่ถูกข่มขืนต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่าสิบสี่วัน
ความอัปยศนี้ได้สร้างบาดแผลให้เธอทั้งกายและใจ และยังทำให้เธอไม่สามารถมีลูกได้
แต่แล้วเรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น สามีที่เธอคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว แท้จริงยังไม่เสียชีวิต เขารอดจากสงครามและการจับกุม และมาพบกับโวล์กอีกครั้ง
ภายหลังจากสงครามจบลง แต่บาดแผลในใจของโวล์กยังคงอยู่
การทานอาหารสำหรับเธอกลายเป็นสิ่งที่หลอนและน่ากลัว กว่าเธอจะหายจากอาการหวาดกลัวการทานอาหาร ก็ต้องใช้เวลาหลายปี
สามีของโวล์กเสียชีวิตในปีค.ศ.1980 (พ.ศ.2523) และโวล์กก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ ไม่เคยพูดเรื่องเกี่ยวกับสงคราม จนเมื่อเธออายุได้ 95 ปี เธอจึงเริ่มพูดถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่เจอมา
โวล์กในวัยชรา
โวล์กเสียชีวิตในปีค.ศ.2014 (พ.ศ.2557) ด้วยวัย 96 ปี
โฆษณา