[ #ก็อดฟาเธอร์ของยูไนเต็ด ]
หากไม่มีอะไรผิดพลาดคลาดเคลื่อน การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกำลังจะเกิดขึ้นกับแมนฯยูไนเต็ดอีกครั้งในเร็ววันนี้
ราล์ฟ รังนิก กำลังจะกลายเป็นผู้จัดการทีมรักษาการณ์ ทำงานจนจบฤดูกาลตามกรอบเวลาที่กำหนดกันไว้
จากนั้นเมื่อครบเทอมลงจากเก้าอี้แล้ว มีตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ซึ่งตามเงื่อนไขได้รับอำนาจสิทธิ์ขาดเรื่องดูแลนักเตะอีกต่างหาก ไม่ใช่แค่ตั้งขึ้นมาแบบลอยๆ
ขั้นตอนล่าสุดคือต้องรอไฟเขียวอย่างเป็นทางการจากโลโคโมทีฟ มอสโกก่อน เพราะนี่คือต้นสังกัดปัจจุบันของ รังนิก โดยทำหน้าที่ผู้อำนวยการกีฬาและพัฒนานักเตะ
แล้วโลโคโมทีฟมีโปรแกรมลงทำศึกยูฟ่า ยูโรปาลีกกับลาซิโอในคืนวันพฤหัสบดีด้วย ฉะนั้นจึงไม่ใช่ช่วงเวลาเหมาะสมเท่าไรนัก หากต้องมีการแถลงการณ์หรือประกาศบางอย่าง
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคำนึงถึงโลโคโมทีฟด้วย อีกทั้งยังควรให้เกียรติ นั่นเป็นสิ่งที่ทั้ง รังนิก และแมนฯยูไนเต็ดสมควรต้องทำ
หลายคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์ของ รังนิก มาบ้างแล้ว อาจพอจะรู้ด้วยซ้ำว่าบทบาทอันโดดเด่น ไม่ได้มาจาการเป็นเทรนเนอร์คอยคุมทีมอย่างเดียว แต่ยังเลื่องชื่อด้านบริหารจัดการอีกด้วย
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เชลซีที่กำลังต้องการผู้จัดการทีมไปทำงานแทน แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้จัดการทาบทาม รังนิก โดยเงื่อนไขทำงานจนจบฤดูกาล จากนั้นค่อยลุกจากเก้าอี้
ปรากฏว่า รังนิก ปฏิเสธทันควัน ด้วยเหตุผลว่าเขาไม่ใช่กุนซือรักษาการณ์มีเวลาแค่ 4 เดือน แล้วในสายตาของสื่อหรือแฟนบอล เขาจะกลายเป็นแค่ "ผู้จัดการทีม 4 เดือน" เท่านั้นเอง เหมือนเป็ดง่อยไร้สภาพไม่มีผิด
มันทั้งทำลายภาพลักษณ์และลดทอนคุณค่าอย่างแท้จริง ก่อนจะย้ำด้วยว่า -- "ผมอยากทำงานกับพวกคุณนะ แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้"
นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีนักข่าวบางคนได้รับข้อมูลในทำนองว่า รังนิก บินมาเจรจากับแมนฯยูไนเต็ดตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว แต่ไม่อาจตกลงกันได้ จึงต้องชะลอทุกอย่างไว้ก่อน
รังนิก ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการคุมทีมจนจบซีซั่น แต่หลังจากนั้นเขาต้องได้รับตำแหน่งอื่นรองรับ ไม่ใช่แยกทางใครทางมันอย่างที่เสนอมา
บอร์ดบริหารแมนฯยูไนเต็ดจึงต้องกลับมาทบทวนกันใหม่อีกรอบ เอ็ด วู้ดเวิร์ด และ ริชาร์ด อาร์โนลด์ ซึ่งกำลังตกอยู่ในสถานการณ์บีบคั้น จึงไม่ได้บินไปสเปนเพื่อชมเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกับบียาร์เรอัลเมื่อวันอังคาร
ทั้งคู่ต้องจัดการสะสางเคลียร์กุนซือคนใหม่ให้เรียบร้อย เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้าไว้ใจ ไมเคิ่ล คาร์ริค ให้คุมยาวๆอีกเด็ดขาด ต่อให้ผลงานดีแค่ไหน ประสบการณ์จาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ผ่านมา ย่อมเป็นบทเรียนอย่างดี
ในขณะเดียวกันรายงานจากเดลี่ เมลนับว่าน่าสนใจมากๆ นั่นคือก่อนจะเลือก หลุยส์ ฟานกัล มาเป็นผู้จัดการทีมทดแทน เดวิด มอยส์ ซึ่งล้มเหลว รังนิก ได้เปิดฉากคุยกับแมนฯยูไนเต็ด เพียงแต่ไม่ถึงขั้นตกลงปลงใจกันได้
ด้วยความที่มีชื่อเสียงเรื่องการทำและสร้างทีมอย่างชัดเจน นั่นคือเหตุผลสำคัญของ รังนิก จำต้องเรียกร้องเงื่อนไขให้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
นอกจากนี้เอฟเวอร์ตันก็ให้ความสนใจ รังนิก มากๆเช่นเดียวกัน ย้อนกลับไปเมื่อซัมเมอร์ 2020 ก่อนจะได้ คาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามากุมบังเหียน เคยกางโต๊ะเจรจา รังนิก ด้วยเช่นกัน แต่ปรากฏว่าล้มเหลว
ดังนั้นเชื่อว่าหากดีลสำเร็จเรียบร้อย แมนฯยูไนเต็ดคงต้องใช้พลังไม่น้อย ทั้งเรื่องงบประมาณต่างๆ รวมทั้งยินยอมให้กุนซือเยอรมันมีอำนาจมากที่สุดสำหรับจัดการผู้เล่นด้วยตัวเอง
สื่อหลายสำนักคาดว่าหากแผนงานเป็นไปตามกรอบเวลา เมื่อจบฤดูกาล รังนิก จะถอยจากผู้จัดการทีม มานั่งที่ปรึกษาพิเศษ กุนซือคนใหม่น่าจะเป็น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่
แม้จะต้องการเซ็นสัญญาถาวรกับ พอช เลยในเวลานี้ แต่แทบเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเขาคือเทรนเนอร์ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ต่อให้ไปเจรจาขอกันดีๆก็ไม่มีทาง สถานการณ์ไม่ได้แย่จนถึงขั้นต้องเปลี่ยนแปลง
ฉะนั้นคงต้องรอให้จบฤดูกาลก่อน ความเป็นไปได้จะมีมากกว่า นั่นหมายถึง พอช จะมาทำงานร่วมกับ รังนิก ในรูปแบบของเฮดโค้ชกับผู้อำนวยการกีฬา ตามระบบฟุตบอลสมัยใหม่
ประเมินจากแนวทางและผลงานที่ผ่านมา คู่นี้เคมีน่าจะตรงกัน อีกทั้งตอนคุมสเปอร์สหรือปัจจุบบันกับเปแอสเช พอช ต้องทำงานในลักษณะนี้อยู่แล้ว คือมีผู้อำนวยการคอยสนับสนุน
ส่วนวิธีการเล่นก็ไปในทิศทางเดียวกันด้วย ย้อนไปยังปี 2009 โปเช็ตติโน่ ได้รับงานกุนซือครั้งแรกคุมเอสปันญ่อล ซึ่งสมัยเป็นผู้เล่นเคยค้าแข้งที่นี่มาด้วย
เขาเข้าไปพร้อมกับระบบการเล่นใหม่ในสูตร 4-2-3-1 โดยให้ใช้ในทีมเยาวชนทุกชุดด้วย เพื่อการปูรากฐานให้แข็งแรง เวลาที่ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่จะได้ไม่ต้องเรียนรู้กันใหม่ มีความเข้าใจรูปแบบอย่างดี
นอกจากนี้ยังปลูกฝังการใช้เพรสซิ่งแดนหน้ากดดันแนวรับคู่แข่งอีกต่างหาก นักวิจารณ์ไม่น้อยต่างชื่นชม พอช ว่าเป็นกุนซือรุ่นใหม่เปี่ยมไปด้วยไฟแห่งจินตนาการและความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง
จากเหตุผลนี้ทำให้เรามโนกันได้เลยว่า หากไม่มีปัญหาอื่นมาติดขัด รังนิก กับ โปเช็ตติโน่ จะกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวเลยทีเดียว
แต่นั่นเป็นเรื่องอนาคต ที่หลายคนได้แต่คาดการณ์เท่านั้นเอง
---------------
ราล์ฟ รังนิก ที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "Godfather of German football" แปลแบบตรงก็คือเจ้าพ่อวงการลูกหนังเยอรมันนั่นแหล่ะ
เขาเป็นตัวแทนโค้ชรุ่นใหม่ ที่มุ่งเน้นการทำงานหนัก ควบคู่ไปกับเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง พร้อมสอดใส่ไอเดียสำคัญเข้าไป จนพัฒนากลายเป็นแท็คติกที่ได้รับความนิยม
อย่างเช่นเกเก้นเพรสซิ่ง (Gegenpressing) ที่หลายคนเคยได้ยินชื่อกันและรู้มาว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ นำมาปรับใช้กับลิเวอร์พูลจนทำผลงานอย่างน่าพอใจ ต้นตำรับที่แท้จริงคือ รังนิก นี่แหล่ะ
ผลงานชิ้นโบว์แดงคือการนำฮอฟเฟ่นไฮม์ทีมระดับหมู่บ้าน ก้าวขึ้นสู่บุนเดสลีกาพร้อมเขย่าด้วยความแรงระดับสิบริคเตอร์
จากนั้นนำชาลเก้ที่ไม่อยู่ในสายตาใครผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาล 2010/11 แต่ไปแพ้แมนฯยูไนเต็ดด้วยผลรวม 2 เลกถึง 1-6
พอโยกมารับงานเป็นผู้อำนวยการกีฬาฝ่ายพัฒนานักเตะของเครือข่ายเร้ดบูลล์ ซึ่งดูแลโดยตรงทั้งแอร์เบ ไลป์ซิกและซัลซ์บวร์ก เร้ดบูลล์ ก็ฝากผลงานอันยอดเยี่ยมไว้อย่างประทับใจ
ช่วงไลป์ซิกก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วจากลีกดิวิชั่น 5 ขึ้นมาลีกา 2 รังนิก ถอยมานั่งเป็นเทรนเนอร์แทนและภายในปีเดียวก็สร้างประวัติศาสตร์เลื่อนสู่บุนเดสลีกาได้สำเร็จ
เขาไม่ได้สร้างนักเตะอย่าง เอมิล ฟอสเบิร์ก , นาบี เกอิต้า , ดาโยต์ อูปาเมโกน่า , คอนลาด ไลเมอร์ , มาร์แซล ซาบิตเซอร์ หรือ ยุสซูฟ โพลเซ่น เท่านั้น
แต่ในกลุ่มกุนซือดังๆคนปัจจุบันยังผ่านการประสิทธิ์ประสาทวิชา รวมทั้งได้รับโอกาสจาก รังนิก ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น โธมัส ทูเคิ่ล ที่สตุ๊กการ์ทซึ่งเวลานั้นเป็นโค้ชเยาวชน เดวิด ว้ากเนอร์ และ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ที่ฮอฟฟ่นไฮม์ รวมถึง ราล์ฟ ราเซ่นฮึทเทิ่ล กับ เจสซี่ มาร์ช ที่แอร์เบ ไลป์ซิก
ที่เอ่ยชื่อมาเป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้นเอง
ไม่ผิดนักหากจะบอกว่า รังนิก คือ "นักสร้าง" อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะในวงการกุนซือหรือนักเตะ
ถ้าเขาเซ็นสัญญากับแมนฯยูไนเต็ดจริงๆและมีเวลาทั้งสิ้น 2 ปีครึ่งตามที่ระบุไว้ เราอาจได้เห็นผลงานการสร้างครั้งสำคัญของ รังนิก
การซ้อมหนักหน่วง เพรสซิ่งเข้มข้น โอกาสผู้เล่นดาวรุ่ง ล้วนแต่น่าจับตาทั้งสิ้น
เชื่อว่าแฟนผีทั้งหลายถูมือรอด้วยความตื่นเต้นแล้ว
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
Facebook : www.facebook.com/cheerball
Twitter : www.twitter.com/cheerballth
Website : www.cheerball.com
Youtube : www.youtube.com/cheerballth
ขอบคุณครับ
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
