27 พ.ย. 2021 เวลา 06:00 • กีฬา
ความผิดพลาดของจิ๊กโก๋ : สเตวิน เฮเดก สมิธ เทพแห่ง NCAA ที่ล้มบาสจนอดเข้า NBA | MAIN STAND
"ชีวิตวัยรุ่น" คำนี้สามารถแสดงออกได้ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ เพราะด้านหนึ่งมันคือโอกาสที่เราจะได้แหกกฎเกณฑ์สังคม หรือลองทำอะไรผิด ๆ แบบที่ไม่มีใครว่า แต่หากคุณถลำลึกไปนั้นมากเกินไป ชีวิตห่าม ๆ ก็อาจพาหายนะเข้ามาโดยไม่รู้ตัว
สเตวิน "เฮเดก" สมิธ (Stevin "Hedake" Smith) คือนักบาสเกตบอลระดับมหาวิทยาลัยระดับซูเปอร์สตาร์ที่มีอนาคตอันสดใสใน NBA แต่ด้วยความซ่าที่อยากหาเงินใช้ในวัยเรียน เขาจึงกระทำการ "ล้มบาส" เพื่อแลกกับค่าตอบแทนนัดละหลายแสนบาท
นี่คือเรื่องราวของขบวนการล็อกผลบาสที่อื้อฉาวที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ด้วยเม็ดเงินเกือบ 300 ล้านบาท พร้อมกับผลลัพธ์ที่ตามมาซึ่งการทำให้ใครคนหนึ่งเสียใจไปตลอดชีวิต
เหตุเกิดเพราะความขัดสน
หากจะหาต้นตอสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องราวอื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์วงการบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยครั้งนี้ เราคงต้องมองไปยังสถานที่อันเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมด นั่นคือ มหาวิทยาลัยแอริโซนา สถานศึกษาชื่อดังที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี 1885
เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยหมายเลขหนึ่งของรัฐแอริโซนา สถานศึกษาแห่งนี้จึงเพียบพร้อมไปทุกอย่าง เว้นแต่เพียงทีมบาสเกตบอล หรือที่รู้จักกันในชื่อ แอริโซนาสเตต ซันเดวิลส์ (Arizona State Sun Devils) ที่เป็นที่รวมพลคนสุดห่วยแห่งภาคตะวันตก โดยในช่วงทศวรรษ 80s ถือเป็นยุคมืดของทีมอย่างแท้จริง เมื่อซันเดวิลส์พลาดเข้าแข่งขันในรายการ NCAA มาเป็นเวลาเกือบ 10 ฤดูกาลติดต่อกัน ในช่วงปี 1982-1990
Photo : mgoblue.com
แต่แล้วโชคชะตาของซันเดวิลส์ก็ได้เปลี่ยนไปในปี 1991 เมื่อ บิลล์ ฟรีเดอร์ (Bill Frieder) เจ้าของรางวัลโค้ชแห่งปีที่เคยประสบความสำเร็จกับมหาวิทยาลัยมิชิแกนเข้ามาทำทีม เขาเริ่มต้นสร้างความสำเร็จด้วยการดึงตัวนักกีฬาบาสเกตบอลฝีมือดี ที่อาจจะมีปัญหาเรื่องฐานะทางบ้านหรือไม่มีเกรดมากพอเข้ามาเรียนต่อในมหาวิทยาลัย โดยดึงดูดให้เข้ามาสู่ทีมผ่านทุนการศึกษาบาสเกตบอล
หนึ่งในสุดยอดฝีมือที่ถูกเลือกเข้ามาสู่มหาวิทยาลัยแอริโซนา คือ สเตวิน "เฮเดก" สมิธ เด็กหนุ่มจากเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ผู้เล่นในตำแหน่งการ์ดที่มีฝีมือน่ามหัศจรรย์ และกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของทีมได้ในทันที เพียงปีแรกที่เขาก้าวเข้ามาสู่ทีม สมิธพาซันเดวิลส์เข้าสู่รอบ NCAA ได้สำเร็จในปี 1991 และยังติดทีมยอดเยี่ยมของคอนเฟอเรนซ์ Pac-12 ในปี 1993
Photo : arizonawildcats
เมื่อ สมิธ ก้าวสู่การศึกษาชั้นปีที่ 4 หลายคนคาดหวังว่านี่จะเป็นโฉมหน้าของทีมแอริโซนาสเตต ซันเดวิลส์ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ บางคนฝันถึงการเป็นแชมป์ NCAA เลยด้วยซ้ำ แต่ท่ามกลางความฝันอันหอมหวานที่รออยู่ในอนาคต กลับมีปัญหาบางอย่างซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังทีมแห่งนี้
"เราทำเงินทั้งหมดนั้นให้มหาลัย แต่เราไม่ได้อะไรตอบแทนเลย" สมิธ บอกเล่าความจริงอันน่าเจ็บปวดใจ ตอนเขายังเล่นให้ทีมซันเดวิลส์
ถึงแม้นักกีฬาเหล่านี้จะเริ่มมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากมายจากแฟนบาสเกตบอล แต่ด้วยความจริงที่พวกเขายังมีสถานะเป็นนักศึกษา พวกเขาจึงไม่ได้รับค่าตอบแทนแบบนักกีฬาอาชีพ และได้สิทธิดูแลพื้นฐานไม่ต่างจากนักศึกษาทุนทั่วไป แม้จะทำงานหนักกว่ากันหลายเท่า
บรรดานักบาสเกตบอลที่มาจากครอบครัวยากจนเล่าว่า พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในหอของมหาวิทยาลัย และด้วยเงินสนับสนุนที่มอบให้เพียงเดือนละ 130 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4,000 บาท นักบาสเกตบอลผู้ทุ่มเทเพื่อมหาวิทยาลัยแอริโซนา จึงต้องอดมื้อกินมื้อ และอยู่รอดต่อไปด้วยความฝันว่าสักวันฉันจะประสบความสำเร็จและโกยเงินมหาศาลใน NBA หลังเรียนจบ
แต่บางคนรอได้ไม่นานขนาดนั้น และคน ๆ นั้น คือ สเตวิน สมิธ เมื่อเขาสุมหัวกับกลุ่มนักพนันเพื่อกระทำการล้มบาส ซึ่งจะมีเงินมหาศาลถึง 83 ล้านบาทเข้ามาเกี่ยวข้อง
ล้มหนึ่งนัด รับเงิน 6 แสน
บุคคลที่ชักนำสมิธเข้าสู่หนทางอันดำมืดคือ เบนนี่ ซิลแมน (Benny Silman) เพื่อนในมหาวิทยาลัยแอริโซนาที่คบหากับสมิธ มาตั้งแต่ชั้นปีที่หนึ่ง โดย ซิลแมน มีอาชีพเสริมที่ไม่ขาวสะอาดนัก เขาเป็นคนรับแทงพนันในมหาวิทยาลัย และก็เป็นเรื่องปกติทั่วไปเมื่อคุณสนิทกับคนรับแทงพนัน ... คุณก็จะกลายเป็นเสือพนันเสียเอง
Photo : si.com
สมิธ หลงไปกับความน่าตื่นเต้นของเกมได้เสีย กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็ติดหนี้พนันกับซิลแมนเป็นเงินราว 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 3 แสนบาท ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าสมิธไม่มีปัญญาจ่าย หากเป็นบ่อนพนันอื่นที่โหดกว่านี้สักหน่อย สมิธคงโดนกระทืบสั่งสอนให้รู้สำนึกไปเสียแล้ว แต่คนรับแทงพนันหัวธุรกิจอย่าง ซิลแมน มีแผนที่ใหญ่กว่านั้น
ซิลแมน เลือกใช้งานสมิธในแผนการครั้งใหญ่ที่เขาจะล็อกผลการแข่งขันของทีมซันเดวิลส์ หรือพูดง่าย ๆ คือ ให้สมิธ "ล้มบาส" ตามความต้องการของเขา หลังจากนั้นซิลแมนจะโทรไปหาบรรดานักพนันกระเป๋าหนักที่เขามั่นใจ เพื่อจะหาทุนมาแทงพนันที่ล็อกผลไว้แล้วร่วมกัน หลังจากนั้นก็โกยเงินเข้ากระเป๋ากันทั้งสามฝ่าย คือ นักพนัน คนรับแทงพนัน และคนล้มบาส
ข้อตกลงที่ทำกันไว้ในช่วงแรกระหว่างทั้งสามฝ่ายคือ สมิธ จะล้มบาสเพียง 2 เกม เนื่องจากกลัวว่าหากฟอร์มหลุดมากเกินไป จะส่งผลถึงการดราฟต์เข้าสู่ NBA นอกจากนี้สมิธยังจะเล่นอย่างเต็มที่เพื่อให้ทีมชนะ แต่จะทำแต้มให้ไม่เกินราคาต่อเท่านั้น หรือที่เรียกกันว่า "การลดแต้ม" โดยสมิธจะได้ค่าตอบแทนในการล้มบาสแต่ละครั้งเป็นเงิน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6 แสนกว่าบาทต่อหนึ่งเกม
เงิน 6 แสนบาท นี่คือเงินมหาศาลเกินจินตนาการสำหรับเด็กที่เคยอดมื้อกินมื้อ และได้จับเงินเดือนเดือนละ 4 พันบาท สมิธตกลงรับข้อเสนอและชักชวนให้เพื่อนซี้ในทีมซันเดวิลส์ อย่าง ไอแซค เบอร์ตัน (Isaac Burton) เข้ามาเอี่ยวด้วย โดยเกมแรกที่พวกเขาจะล้มบาส คือการแข่งขันระหว่าง แอริโซนา และ โอเรกอน เมื่อเดือนมกราคม ปี 1994 ซึ่งบรรดาผู้สมรู้ร่วมคิดกลุ่มนี้ลงเงินพนันไปมากกว่า 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 16 ล้านบาท
โจทย์ของสมิธและเบอร์ตันคือทำอย่างไรก็ได้ให้ แอริโซนา ห้ามชนะคู่แข่งในเกมดังกล่าว ด้วยสกอร์ที่ห่างจากคู่แข่งเกิน 6 แต้ม ซึ่งสมิธทำงานของเขาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งในฐานะนักบาสเกตบอลที่โชว์ผลงานโดดเด่นทำ 39 แต้มจนพาทีมคว้าชัยชนะ และนักพนันที่สามารถล็อกผลการแข่งขันได้ตามต้องการ เมื่อ แอริโซนา เอาชนะ โอเรกอน ด้วยสกอร์ 88-82
"อย่าลืมนะ ผมเป็นพอยต์การ์ด และพอยต์การ์ดคือผู้เล่นหลัก เป็นคนที่พาลูกไปสนามฝั่งตรงข้าม พอยต์การ์ดคือควอเตอร์แบ็ค คือพิตเชอร์ ดังนั้นผมจึงเป็นคนคุมเกม" สมิธ เล่าถึงเคล็ดลับที่ช่วยให้เขาล็อกผลการแข่งขันตามต้องการ
Photo : azcentral
"ผมมีเทคนิคหลากหลาย เราไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อนเล่นเกมบุก ผมแค่เดินเลี้ยงลูกไปอีกฝั่งอย่างช้า ๆ เพื่อให้เหลือเวลาชู้ตน้อยลง ผมรู้ว่าสถานการณ์แบบไหนต้องเอาผู้เล่นคนไหนมาเล่น พวกเขาถึงจะทำแต้มไม่ได้"
เงิน 1.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 36 ล้านบาท ไหลเข้ากระเป๋านักพนันจากการล็อกผลการแข่งขันบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยเพียงนัดเดียว งานสบายรายได้ดีขนาดนี้ พวกเขาจึงพร้อมลุยต่อในเกมที่สองซึ่ง แอริโซนา จะเปิดบ้านพบกับ โอเรกอน เหมือนเดิม ด้วยเงื่อนไขเดิมคือ แอริโซนา ห้ามชนะคู่แข่งในเกมดังกล่าวด้วยสกอร์ที่ห่างจากคู่แข่งเกิน 6 แต้ม
เป็นอีกครั้งที่สมิธทำงานของเขาได้สำเร็จ แม้จะเกิดปัญหามากมายในการล้มบาสระหว่างเกม เช่น แอริโซนาที่เล่นดีทั้งทีมจนนำห่าง 15 แต้ม หรืออาการบาดเจ็บของเขาเองจนพลาดการลงสนามไปช่วงหนึ่ง แต่ด้วยทักษะระดับพ่อมดของสมิธ เขากลับมาควบคุมผลการแข่งขัน และพา แอริโซนา เอาชนะ โอเรกอน ด้วยคะแนน 84-78
สรุปแล้วการล็อกผลเกมบาสเกตบอลสองนัดของสมิธ สามารถสร้างรายได้แก่นักพนันที่เขาร่วมมือด้วยเป็นเงิน 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 83 ล้านบาท ส่วน สมิธ ซึ่งเป็นคนสำคัญที่สุดในแผนการนี้ก็ได้รับค่าตอบแทนอย่างคุ้มค่า คือ 4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.3 ล้านบาท
ขบวนการล้มบาสใหญ่โตทั้งหมดควรจะจบลงแค่นี้ และทุกคนควรจะแยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเองตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้นที่ว่า "สองเกมเลิก" แต่ด้วยความโลภของ สมิธ เอง เขาตัดสินใจเดินหน้าบนเส้นทางสีเทานี้ต่อ และกว่าจะรู้ตัวว่าตนถลำลึกเกินไป มันก็สายเสียแล้ว
ถลำลึกสู่ขุมนรก
เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1994 สมิธ ตัดสินใจเล่นพนันด้วยการเดิมพันทีมแอริโซนาสเตต ซันเดวิลส์ ในเกมที่พวกเขาต้องพบกับ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส หรือ UCLA โดยคราวนี้สมิธไม่จำเป็นต้องออมมือเหมือนคราวก่อนแล้ว เนื่องจากแทงทีมตัวเอง เพียงแค่ต้องเล่นให้เต็มที่แล้วเอาชนะคู่แข่งให้ได้ หรือแพ้ด้วยสกอร์ไม่ห่างเกิน 4 แต้ม ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ UCLA เป็นหนึ่งในทีมบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในขณะนั้น และถึงแม้ สมิธ จะมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากเพียงใด เขาก็ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะพาทีมแพ้แบบขาดลอยอยู่ดี และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเมื่อการแข่งขันจบลง UCLA เอาชนะ แอริโซนา ด้วยสกอร์ 76-70 และสมิธเป็นฝ่ายแพ้พนันในเกมที่เขามั่นใจมากที่สุดในชีวิต
Photo : sportshandle
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้จะไม่เป็นปัญหาใหญ่โตเลย หาก สมิธ นำเงิน 2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐไปวางที่บ่อน และหากเดิมพันพลาดก็แค่ถูกกินเงินก้อนนั้นไป แต่ สมิธ ไม่มีเงินก้อนนั้นตั้งแต่แรกแล้ว เขาใช้เงินทั้งหมดที่ได้มาจากการล็อกผลบาสรอบแรกไปกับการซื้อของฟุ่มเฟือยจนหมดเกลี้ยงแล้ว
สมิธ จึงพาตัวเองกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของวงจรทั้งหมดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง นั่นคือ เขาติดหนี้พนัน และต้องหาเงินใช้หนี้ด้วยการล้มบาสในเกมระหว่าง แอริโซนา กับ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย หรือ USC โดยโจทย์ยังคงเหมือนเดิม คือ แอริโซนา ห้ามชนะคู่แข่งในเกมดังกล่าว ด้วยสกอร์ที่ห่างจากคู่แข่งเกิน 6 แต้ม
ผลลัพธ์ที่ออกมาเกินคาดกว่าที่หลายคนคิดไว้ เพราะไม่เพียงแอริโซนาจะไม่ชนะเกิน 6 แต้ม แต่ยังแพ้ให้แก่ USC ขาดลอย ด้วยสกอร์ 68-56 ผลการแข่งขันนัดนี้สร้างเงินให้แก่นักพนันเจ้าเดิมที่สมิธร่วมงานด้วยเป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 166 ล้านบาท ส่วน สมิธ ก็จะหลุดพ้นจากหนี้พนันที่เคยติดไว้เมื่อคราวก่อน และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ทุกอย่างควรจะจบลง ... แต่มันก็ยังไม่เกิดขึ้น
หากจะหาเหตุผลว่าทำไมการล้มบาสครั้งนี้ไม่จบลง นั่นเป็นเพราะทุกคนถลำลึกมากจนเกินไป เมื่อพ่อค้ายาตัวใหญ่ที่ชื่อ "บิ๊กเรด" รู้เรื่องการล้มบาสนี้เข้า เขาจึงอยากร่วมขบวนการด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นคือเงินสะพัดจำนวนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังแทงทีมฝั่งตรงข้ามของ แอริโซนา เรดเดวิลส์ ราวกับรู้ผลการแข่งขันล่วงหน้า นี่คือหลักฐานชัดเจนว่า ความลับรั่วไหลแล้ว และอีกไม่นานทุกอย่างที่ทำมาจะจบเห่
"ปกติแล้วเส้นเดิมพันอาจเปลี่ยนแปลงก่อนการแข่งขันได้มากถึงสิบเท่า แต่ก่อนเริ่มเกมกับวอชิงตัน เส้นเดิมพันเปลี่ยนไป 44 เท่า นั่นทำให้เจ้าหน้าที่ไหวตัว เพราะมีบางอย่างผิดปกติ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ มีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ พวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร แต่มันทำให้เจ้าหน้าที่จับตา" โจ ลอดจ์ (Joe Lodge) อดีตผู้ช่วยอัยการเขตแอริโซนา กล่าว
1
สิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องการมีเพียงอย่างเดียวคือหลักฐานที่ชัดเจน และมันปรากฏให้เห็นในเกมที่ แอริโซนา พบกับ วอชิงตัน ซึ่งปกติแล้ว แอริโซนา สามารถเอาชนะคู่แข่งทีมนี้ได้เกิน 7 แต้มแบบสบาย ๆ แต่ด้วยกลิ่นที่เริ่มจะฉาวโฉ่ออกมา ราคาได้ลดลงเหลือเพียง 3 แต้ม และนั่นกลายเป็นงานยากที่สุดในชีวิตของสมิธ เพราะการควบคุมให้ทีมคว้าชัยชนะโดยแต้มห่างจากคู่แข่งเพียงแค่ 3 คะแนน แทบเป็นไปไม่ได้
ท้ายที่สุด สมิธ จึงเลือกทำในสิ่งที่เขาเคยทำในเกมพบกับ USC คือเล่นให้แย่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งจงใจให้ชู้ตบอลไม่ลง, ส่งบอลให้เพื่อนแบบห่วย ๆ หรือทำฟาวล์คู่แข่งแบบไร้เหตุผล เขาทำทุกอย่างจนทีมตามหลังวอชิงตันตั้งแต่จบครึ่งแรก และผลงานที่น่าอับอายขนาดนี้ มันแย่เสียจนแฟนแอริโซนา เรดเดวิลส์ ทนดูไม่ได้ และเริ่มโห่ใส่ทีมของตัวเอง
Photo : imdb
"แอริโซนาสเตตกำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อจงใจแพ้เกมนี้" นี่คือสิ่งที่นักพากย์พูดหลังจากจบการแข่งขันในครึ่งแรก แต่นั่นยังไม่แย่เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องแต่งตัว เมื่อ บิลล์ ฟรีเดอร์ เฮดโค้ชของทีมบอกกับสมิธว่า มีแมวมองมาดูเกมนี้หลายคน และจะไม่มีสักคนที่เลือกเขาเข้าสู่ NBA และที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือ ฟรีเดอร์ รู้ว่าเกมนี้กำลังถูกสอบสวนโดย FBI และมีลูกทีมคนหนึ่งของเขากำลังล้มบาสอยู่
สมิธ ตาสว่างในวินาทีนั้น และเลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาพอจะทำได้ คือคว้าชัยชนะกลับมาเพื่อทีมและเพื่อแฟนคลับของแอริโซนาสเตต เรดเดวิลส์ ท้ายที่สุด แอริโซนา พลิกกลับมาชนะขาด 18 แต้ม แต่ถึงแม้เขาจะกลับมาทำในสิ่งที่ควรจะทำตั้งแต่ต้นและแก้ไขผลการแข่งขันให้เป็นไปตามที่ควรได้ มันก็สายเกินไปสำหรับสมิธที่จะหลบเลี่ยงกับผลลัพธ์ที่กำลังจะตามมาหลังจากนี้
1
ถึงเวลารับผลกรรม
เนื่องจากชัยชนะที่ขาดลอยของ แอริโซนา เงินหลายล้านดอลลาร์ของขบวนการนักพนันจึงหายวับไปกับตา แต่จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจเรื่องเงินอีกต่อไปแล้ว เพราะข่าวการล็อกผลการแข่งขันระหว่าง แอริโซนา และ วอชิงตัน แพร่กระจายไปตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วประเทศ
Photo : heightzone.com
การสืบสวนดำเนินไปตลอดช่วงปิดฤดูกาล ซึ่งในระหว่างนั้นเอง สมิธ ได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต เมื่อตัวเขาไม่ถูกทีมใดเลือกในการดราฟต์ NBA ปี 1994 แม้จะเป็นผู้เล่นที่เพิ่งทำลายสถิติทำแต้มสูงสุดตลอดกาลของ แอริโซนาสเตต เรดเดวิลส์ ก็ตาม นี่คือสัญญาณที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทุกทีมรู้ว่าสมิธล้มบาส และเขาหมดโอกาสในวงการบาสเกตบอลไปแล้ว
"เมื่อผมไม่ได้รับเลือก หลายอย่างก็ประเดประดังเข้ามาในหัวผม เช่น พวกเขารู้จริง ๆ เหรอว่าเป็นผม พวกเขารู้จริง ๆ เหรอว่าผมพัวพันกับอะไร" สมิธ สำนึกกับการกระทำของตัวเอง หลังรู้ว่าอนาคตของตัวเองสิ้นสุดลงแล้ว
ไม่มีใครหนีกระกระทำของตัวเองในอดีตพ้น เมื่อ FBI ตรวจพบการเดินของเงินจำนวน 8.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 300 ล้านบาทที่เกี่ยวข้องกับการล้มบาส งานนี้ผู้กระทำผิดตัวใหญ่จึงไม่รอด และเมื่อ FBI พบเห็นการโอนเงินจำนวนหนึ่งให้แก่ สเตวิน สมิธ เจ้าหน้าที่จึงรู้ได้ทันทีว่านักบาสเกตบอลคนใดอยู่ในขบวนการนี้
สเตวิน สมิธ ถูกลงโทษจำคุก 1 ปี กับอีก 1 วัน ส่วนเพื่อนร่วมทีมของเขาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการ ไอแซค เบอร์ตัน ถูกทัณฑ์บนสามปี แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่า คือการต้องอยู่กับความฝันที่พังทลายไปตลอดทั้งชีวิต เพราะไม่มีทางที่พวกเขาจะก้าวสู่ NBA ได้อีกแล้ว
ตลอดอาชีพนักบาสเกตบอลของสมิธ เขาเดินทางตระเวนเล่นให้กับ 13 ทีมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สเปน, ฝรั่งเศส, ฟิลิปปินส์, อิตาลี, อิสราเอล, รัสเซีย และ บัลแกเรีย ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทีมไหนเลยที่เขาประสบความสำเร็จด้วย และในปี 2008 เขาก็ประกาศเลิกเล่นบาสเกตบอล โดยที่ไม่มีอะไรติดมือ
Photo : thecinemaholic
นี่คืออุทาหรณ์ที่ย้ำเตือนนักกีฬาทุกคนถึงผลลัพธ์ที่ต้องตามมาหากคุณเดินออกนอกลู่นอกทางและเห็นแก่เงินก้อนโตจนลืมอนาคตข้างหน้า ที่อาจมีอะไรที่ดีกว่ารออยู่ เหมือนกับที่ สเตวิน "เฮเดก" สมิธ ต้องชวดเงินล้านใน NBA เพียงแค่เงินหมื่นจากการพนัน และต้องอยู่กับฝันร้ายไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
"คุณต้องสอนเด็กรุ่นใหม่เสมอ สอนพวกเขาให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง อย่าเข้าไปพัวพันกับสิ่งไม่ดี อย่าทรยศกีฬาที่คุณรัก เพราะถ้าคุณทำแบบนั้น มันเป็นอะไรที่คุณต้องอยู่กับมันไปตลอดทั้งชีวิต" สมิธ กล่าวทิ้งท้ายถึงบทเรียนที่เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง
บทความโดย ณัฐนนท์ จันทร์ขวาง
แหล่งอ้างอิง
สารคดี Bad Sport ตอนที่ 1
โฆษณา