29 พ.ย. 2021 เวลา 05:00 • กีฬา
[ SPECIAL SCOOP : เหตุไฉนจึงเรียกมา!? ]
"วิเคราะห์รายบุคคลขุนพลช้างศึกชุด ซูซูกิ คัพ 2020"
นี่คือบทวิเคราะห์ของทีมงาน 'Cheerball' ที่จะเขียนเหตุผลว่าทำไมนักเตะทีมชาติไทย ทั้ง 30 คน ชุดลุย ซูซูกิ คัพ 2020 นั้นคู่ควรแก่การรับธงไตรรงค์สามสี
ทว่าเรา 'ขอย้ำ' ไว้นิดนึงว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นของ 'Cheerball' เท่านั้น หากบทความนี้ไม่ตรงใจผู้อ่านท่านใด เราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
#ผู้รักษาประตู
ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
นับตั้งแต่ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ย้ายไปเล่นที่เบลเยียม ก็เกือบ 3 ปี แล้วที่มือหนึ่งของทีมชาติเป็นของผู้รักษาประตูวัย 37 ปี ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในยุทธภพลูกหนังไทย มาอย่างยาวนาน แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีลูกเซฟมหัศจรรย์ให้เห็นบ่อยๆ แต่มันถูกแทนที่ด้วยความสม่ำเสมอและเป็นที่พักพิงใจให้กองหลังได้ทุกครั้งเมื่อมี ศิวรักษ์ ยืนตระหง่านระหว่างเสา
ฉัตรชัย บุตรพรม (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด)
จริงๆ แล้วฝีมือของเขาไม่ได้เป็นรองใครในปฐพี หากแต่ดันมีทั้ง ศิวรักษ์ และ กวินทร์ รวมไปถึงคนอื่นๆ ขึ้นมาท้าทายตำแหน่งเบอร์ 1 ของประเทศ อย่างไรก็ตาม วันเวลาที่ผันผ่าน ความเก่งกาจของ ฉัตรชัย ก็เพิ่มมากตาม โดยเฉพาะการเปิดบอลที่แม่นยำ ซึ่งเป็นทีเด็ดที่ใช้สำหรับโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยเกมสวนกลับ
กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ (โอเอช ลูเวิน, เบลเยียม)
แม้จะถูกตั้งคำถามว่าทำไมจึงได้รับเลือกให้ติดทีมชุดนี้ ทั้งๆ ที่แทบไม่ได้เล่นเลยนับตั้งแต่ย้ายออกจาก เมืองทอง ทว่าสิ่งที่ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ตอบคำถามนั่นคือการที่จอมหนึบคนนี้มีประสบการณ์ที่สามารถสร้างความอุ่นใจให้เพื่อนๆ ได้ อีกทั้งการมี กวินทร์ ในทีมก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะความที่เขาเป็นคนน่ารัก แถมมีความเป็นซีเนียร์นี่แหละจะทำให้เป็นผู้ประสานความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวระหว่างผู้เล่นต่างสโมสร โดยเฉพาะกลุ่มนักเตะลูกครึ่งที่มักจะแยกตัวยามอยู่ในแคมป์
 
----
#กองหลัง
ธีราทร บุญมาทัน (โยโกฮามะ มะรินอส, ญี่ปุ่น)
นี่คือนักเตะไทย ที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ฝีเท้าของเขาได้รับการยอมรับว่าอยู่ในระดับท็อปของทวีป หากว่าไม่เรียกมาติดทีมนี่สิ โพลกิ้ง คงจะโดนละเลงด้วยพายุโซเชียลแน่นอน
โจนาธาน เข็มดี (โอบี โอเดนเซ่, เดนมาร์ก)
ผลงานในทัวร์นาเมนต์ยู-23 นั้นตอบคำถามทุกข้อเป็นอย่างดี แม้จะมีเสียงทัดทานมาบ้างว่าเจอแต่ทีมที่มาตรฐานต่ำกว่า แต่ถ้าเกิด ซูซูกิ คัพ โจนาธาน ดันฟอร์มเทพขึ้นมา ทีมชาติไทย จะได้ประโยชน์ในอีกระยะยาวเลยทีเดียว
นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
กัปตันทีม บุรีรัมย์ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้มีดีแค่พละกำลัง หากแต่ยังพัฒนาตนเองในด้านอื่นอยู่เสมอ ทั้งเรื่องการเปิดบอลจากด้านข้างและเติมไปยิงประตูที่มักจะเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง
มานูเอล ทอม บีร์ห (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
แม้ว่าผลงานตอนเล่นระดับเอเชีย ของ ทอม บีร์ห จะสอบตก แต่ถ้าในอาเซียน รับประกันได้เลยว่าหมอนี่เก็บกวาดได้สบาย แข็งแกร่ง, ดุดันและพร้อมปะทะทุกจังหวะ นี่แหละเซนเตอร์ฮาล์ฟเบอร์หนึ่งของทัพช้างศึกชุดนี้
ทริสต็อง โด (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
ผลงานตกลงไปในช่วง 2-3 ฤดูกาลหลังสุด ก่อนจะกลับมาอยู่ในห้วงเวลาที่ยอดเยี่ยมอีกหน หลังจากได้ร่วมงานกับ ธชตวัน ศรีปาน ที่ แบงค็อก ยูไนเต็ด แถมน่าจะเบียด นฤบดินทร์ เป็นตัวจริงได้ด้วย โทษฐานที่เป็นศิษย์เก่าที่ โพลกิ้ง รู้ดีว่าควรจะใช้งานอย่างไร
เอเลียส ดอเลาะ (การท่าเรือ เอฟซี)
การเจอกับแนวรุกร่างใหญ่ของฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ในรอบแรกของ ซูซูกิ คัพ จำจะต้องใช้ปราการหลังที่สัดส่วนไม่เป็นรอง ดังนั้นส่วนสูง 1.96 เมตร ของ ดอเลาะ น่าจะช่วยทีมได้ไม่น้อยเลย
ฟิลิป โรลเลอร์ (การท่าเรือ เอฟซี)
หมอนี่เล่นได้สารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นแบ็กขวา, แบ็กซ้ายหรือปีกขวา และก็มีผลงานที่ไม่แตกต่างกันมาก ความเร็วของ โรลเลอร์ นี่แหละที่จะสร้างปัญหาให้คู่ต่อสู้ยามที่เริ่มอ่อนแรง
สุริยา สิงห์มุ้ย (เชียงราย ยูไนเต็ด)
ถูกเรียกมาแทน พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา แบบเซอร์ไพรส์เล็กน้อย และจะได้ลงแน่ๆ ในเกมแรกกับ ติมอร์ เลสเต ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ เพราะเรื่องประสบการณ์ในทีมชาติอาจจะน้อยนิด แต่ฝีเท้าของหมอนี่ก็จัดว่าอยู่ในลำดับต้นๆ ของประเทศในตำแหน่งแบ็กซ้าย
ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์ (ราชบุรี เอฟซี)
อีกคนที่ถูกเรียกมาใหม่ เนื่องจาก พรรษา เหมวิบูลย์ ขอถอนตัว หมอนี่มีลูกเก่งที่ความดิบเถื่อน พร้อมปะทะกับทุกคนแบบไม่เกรงกลัว จนหลายครั้งตัวเองก็ได้รับใบเหลืองหรือไปถึงแดงก็เห็นได้บ่อย ทว่าการมีนักเตะประเภทนี้ในทีมนี่แหละจะเป็นเครื่องกระตุ้นชั้นดีทีเดียว
 
----
#กองกลาง
ชนาธิป สรงกระสินธ์ (คอนซาโดเล ซัปโปโร, ญี่ปุ่น)
เพลย์เมกเกอร์คนนี้สร้างความแตกต่างได้เพียงชั่วพริบตาและถูกคนญี่ปุ่น ยกย่องอย่างสูงในเรื่องของฝีเท้า หากเขาร่างกายสมบูรณ์และไม่ติดโทษแบน ยังไงเสีย ชนาธิป ก็จองหนึ่งที่นั่งใน 11 ตัวจริงๆ แน่
ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร (เลสเตอร์ ซิตี้)
โชคดีที่ เลสเตอร์ ยอมปล่อยตัวเขาออกมาแข่งขันนอกอังกฤษ เพราะจริงๆ แล้ว ธนวัฒน์ ยังคงต้องฝึกซ้อมอยู่กับทีมชุดใหญ่ของสโมสรเพื่อรอโอกาสต่อไป ทว่าการนำไทย คืนความยิ่งใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ก็เป็นภารกิจสำคัญเช่นกัน หมอนี่เป็นนักเตะที่มีเซ้นส์ฟุตบอลสูง ซึ่งจุดนี้แหละจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ผู้เล่นคนอื่นๆ พัฒนาตาม
สุภโชค สารชาติ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
นี่คือ 'อาวุธลับ' ของทีมชาติไทย อย่างแท้จริง ความคล่องแคล่วว่องไวของ สุภโชค สามารถทำลายแนวรับคู่แข่งได้ด้วยการสัมผัสบอลไม่กี่จังหวะ ระดับอาเซียน เขาผ่านสบาย และน่าจะเป็นคนที่นำทัพช้างศึกไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ
วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (ชลบุรี เอฟซี)
2021-22 เป็นซีซั่นที่ วริชิต เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว เขากลายเป็นคีย์แมนที่ ชลบุรี จะขาดไม่ได้ การออกบอลแต่ละครั้งหวังผลได้เสมอ อีกทั้งยังมีทีเด็ดกับการอยู่ถูกที่ถูกเวลาในกรอบเขตโทษอยู่เป็นประจำ
กฤษดา กาแมน (ชลบุรี เอฟซี)
หากมองหามิดฟิลด์ตัวตัดเกม ให้มองมาที่ กฤษดา เพราะนี่คือกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดของประเทศในตอนนี้ ในสนามอาจจะไม่ค่อยเห็นบทบาทของหมอนี่เท่าไหร่ เพราะดักบอลได้ พี่แกก็จ่ายทันที ซึ่งสไตล์แบบนี้แหละที่โค้ชทุกคนต่างชื่นชอบ
สารัช อยู่เย็น (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด)
การจ่ายบอลสั้น-ยาว ต้องยอมรับว่า สารัช คือมือหนึ่งในเรื่องนี้ แม้รูปร่างจะเล็กและบอบบาง แต่มันถูกแทนที่โดยมันสมองที่เล่นอย่างชาญฉลาด แถมเรื่องการอ่านเกมหมอนี่ก็ทำได้ดีเสียด้วย เพราะมักจะดักทางบอลของฝั่งตรงข้ามให้เห็นอยู่เป็นประจำ
ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด)
นี่คือนักเตะพรสวรรค์สูง แต่ด้วยปัญหาบาดเจ็บที่คอยเล่นงานในช่วงวัยรุ่นนั้นทำให้ชื่อของเขาหายไปเป็นพักๆ ทว่าเวลานี้ ปฐมพล ฟิตสมบูรณ์พร้อมกับบทบาท 'หน้าต่ำ' ที่ช่วยสนับสนุนหัวหอกตัวเป้า ซึ่งก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมจนต้องถูก โพลกิ้ง เรียกมาติดทีมชาติชุดล่าสุด
บดินทร์ ผาลา (การท่าเรือ เอฟซี)
เป็นอีกคนที่ได้โอกาสลงสนามในนามทีมชาติไทย ในชุดก่อนๆ ค่อนข้างน้อย ทว่าสไตล์บอลบุกแบบ โพลกิ้ง น่าจะมีพื้นที่ให้ บดินทร์ ได้สอดแทรกเข้าไปเช่นกัน ด้วยจังหวะทะลุทะลวงที่สามารถสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน บวกกับเซ้นส์ฟุตบอลที่น่าจะทันกับบรรดาแนวรุกคนอื่นๆ บางทีทัวร์นาเมนต์นี้อาจจะยกระดับเขาให้ก้าวเป็นตัวหลักสักที
ปกรณ์ เปรมภักดิ์ (การท่าเรือ เอฟซี )
น่าเสียดายที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมล่าสุดที่ การท่าเรือ บุกชนะ หนองบัว พิชญ เอฟซี 1-0 จนทำให้มีโอกาสจะถอนตัวสูง เพราะไม่เช่นนั้นเราจะได้เห็นลูกเซ็ตพีซหรือการครอสบอลจากด้านข้างแบบหวังผลได้แน่ๆ
ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
ชั่วโมงนี้เขาคือมิดฟิลด์ บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ ที่ดีที่สุดของประเทศแบบหาคนเทียบเคียงได้ยาก การเล่นของ ฐิติพันธ์ ช่วยให้กองกลางตัวรับงานเบาลง ขณะที่แดนบนก็มีออปชั่นในการเข้าทำเพิ่มขึ้น ดังนั้นหมอนี่น่าจะจองหนึ่งตำแหน่งในทีมแน่นอน
ปกเกล้า อนันต์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
นี่เป็นการกลับมามีชื่ออยู่ในทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้ง และถ้าได้โอกาสลงเล่น ปกเกล้า ก็จะมีการจ่ายบอลที่แม่นยำเป็นเครื่องหมายการค้า แถมด้วยคิลเลอร์พาสให้กองหน้าทำประตู หรือแม้แต่เจ้าตัวที่ชอบสอดไปใส่สกอร์อยู่เป็นประจำ
พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล (เชียงราย ยูไนเต็ด)
แจ้งเกิดกับทีมชาติยุค อากิระ นิชิโนะ ก่อนจะยกระดับตัวเองสู่การเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดของเมืองไทย การมี พิธิวัตต์ อยู่ในทีมนั้นช่วยสร้างสมดุลระหว่างแผงหลัง-มิดฟิลด์และแดนหน้า
ศิวกรณ์ เตียตระกูล (เชียงราย ยูไนเต็ด)
จริงๆ แล้วตำแหน่งที่เข้าถนัดที่สุดคือกองกลางตัวรุก แต่ระยะหลังมักจะถูกถอยลงต่ำหน่อย แต่ก็ไม่ได้ลดทอนประสิทธิภาพของ ศิวกรณ์ ลงเท่าไหร่ เพราะหมอนี่มีวิสัยทัศน์ในการจ่ายบอลที่หลักแหลม แถมยังมีลูกยิงอันเฉียบคมเป็นอาวุธเด็ดอีกด้วย
วีระเทพ ป้อมพันธุ์ (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
นี่คือผู้เล่นมหัศจรรย์ของวงการลูกหนังไทย เพราะพี่แกเพิ่งจะเริ่มเล่นฟุตบอลจริงๆ จังๆ ตอนอายุ 20 นี่เอง (ก่อนหน้านี้เป็นนักฟุตซอล) เท่ากับว่า 5 ปี เท่านั้นที่ วีระเทพ โลดแล่นบนฟลอร์หญ้า แต่ฟอร์มเด็ดสะระตี่ในเรื่องการผ่านบอลและทักษะการเอาตัวรอดทำให้ชนะใจ โพลกิ้ง จนเข้ามาเป็น 1 ใน 30 คน สุดท้าย
พิชา อุทรา (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
รายนี้ถือว่าพลิกโผไม่น้อย แต่ด้วยความที่เล่นได้ทั้งตัวริมเส้นและกำลังเจิดจรัสกับบทบาทมิดฟิลด์ตัวกลางกับ เมืองทอง นี่แหละที่น่าจะทำให้ถูกรับเลือกเข้ามาด้วยสไตล์ของ พิชา ที่เล่นแบบคลาสสิก ดูเหมือนง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพสูง
 
----
#กองหน้า
ธีรศิลป์ แดงดา (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด)
ผลงานในฤดูกาล 2021-22 พิสูจน์แล้วว่าในวัย 33 ยังเป็นศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของประเทศ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่เขาได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอจนสามารถจับจังหวะของตนเองได้ การมี ธีรศิลป์ ในแดนบนนั้นมีประโยชน์มหาศาล เพราะนอกจากจะพึ่งได้ในเรื่องการจบสกอร์ หมอนี่ยังเป็นนักสร้างสรรค์โอกาสอีกต่างหาก
ศุภชัย ใจเด็ด (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
หัวหอกชาวปัตตานี พัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกระดับแล้ว กับการยิงให้ บุรีรัมย์ ในลีกไป 7 ลูก และไม่ใช่ว่าจะรออยู่หน้าปากประตูเท่านั้น หากแต่ ศุภชัย ก็มีส่วนร่วมกับเกมอยู่ตลอดด้วย ซูซูกิ คัพ หนนี้ จับตาให้ดี บางทีหมอนี่อาจจะเบียดรุ่นพี่ขึ้นไปเป็นตัวเลือกแรกก็เป็นได้
อดิศักดิ์ ไกรษร (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
มีเสียงวิจารณ์มากมายกับการที่เรียกศูนย์หน้า เมืองทอง มาติดทีมชุดนี้ แต่ถ้ามองให้ลึก เขานี่แหละจะเป็นอีกหนึ่งอาวุธลับให้กับทัพช้างศึก โทษฐานที่เป็นเพชฌฆาตในกรอบเขตโทษเบอร์แรกๆ ของประเทศ และประตูแรกมาเมื่อไหร่ รับประกันเลยว่าลูกต่อๆ ไปจะตามมาอีกเพียบ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา