30 พ.ย. 2021 เวลา 02:25 • ปรัชญา
ทำแล้วก็คือแล้ว จบแล้วก็คือจบ
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
ถ้าหากว่าเราสร้างถาวรวัตถุ ขึ้นมาแล้ว ถ้าจิตใจของเราห่วง มันก็ไปเป็นเปรตเป็นผีเฝ้าอยู่จะเกิดประโยชน์อะไรใช่ไหมล่ะ
เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็คือเสร็จ เราจะห่วงทำไม ก็วัตถุ ขนาดร่างกายตัวเองก็ยังเผาไฟทิ้ง วัตถุเหล่านั้นก็ทำให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด
ถ้าหากว่าไปหวงไปห่วงมันก็อย่างที่ว่านั่นแหละ เหมือนกับว่าเป็นผีหรือเป็นรุกขเทวดา หวงแหน สิ่งวัตถุที่ตนก่อสร้าง มันจะมีประโยชน์อะไร
 
วัตถุในโลกมันมีตั้งมากมาย เพชรนิลจินดาก็เต็มอยู่ในโลกนี้ไปหวงทำไม เงินก็คือกระดาษ วัตถุก็คืออิฐหินปูนทราย ทำยังไงให้มันเกิดประโยชน์ แล้วก็จบที่นี้ ทำให้เกิดประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา
เราไม่ได้มองข้ามประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เราจะทำฝากฝีมือไว้ในแผ่นดิน
แต่เราจะไม่เกี่ยวข้องเราจะไม่ติด อยู่ในแผ่นดิน แต่เราจะฝากฝีมือไว้เท่านั้นล่ะ จิตใจของเราจะไม่เกาะเกี่ยวกับสิ่งทางด้านวัตถุทั้งหลายทั้งปวงนะ
นี่แหละสิ่งเหล่านี้เราต้องคิดไว้ในใจอย่างนั้นเสมอเวลาเราทำอะไร
เราจะไปผูกมัดรัดตรึงสิ่งที่ก่อสร้างที่ตัวเองทำ เดี๋ยวก็ไปเป็นผีเฝ้าล่ะทีนี้
เหมือนกับหลวงปู่จามกับหลวงปู่หนู ไปเห็นผีอยู่เฝ้าพระเจดีย์ ขนาดเจดีย์ผุพังไปแล้ว ตัวเองก็ยังหวงแหน พระพุทธรูปกับแก้วดวงนั้นอยู่ แต่ว่าแจกันคงจะเป็นด้ามทอง แล้วก็มีแก้วอยู่ในนั้น ประมาณสักเกือบเท่าไข่ไก่ท่านว่า อยู่ในยอดแจกันนั้น และก็มีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ก็ไม่ถึงกับใหญ่มากท่านว่า
มันถือไปถือมา ผีมันหวง หลวงปู่จามว่านะ อันนี้หลวงพ่อก็ได้เล่ากล่าวให้ลูกหลานได้ฟังได้ศึกษา
สรุปแล้วก็คือ เราทำอะไรขึ้นมาก็ตาม อย่าไปหวงอย่าไปติด ทำแล้วก็คือแล้ว จบแล้วก็คือจบ
เราชำระใจของเราให้บริสุทธิ์ จะทำยังไงจึงจะยกระดับจิตใจของเราให้สูงส่งขึ้น ไม่ให้ติดอยู่ด้านวัตถุนะ ให้ถึงมรรคผลนิพพาน จะชำระใจยังไง จึงจะหมดจดจากกิเลส
ราคะ โทสะ โมหะ โลภ โกรธ หลง อันนั้นแปลว่าโลภล่ะที่หวงแหนอยู่ในสมบัติคือโลภ คือติดอยู่ในความโลภนะ แล้วก็โกรธคล้าย ๆ กับว่าหวงแหนอีก ไม่ให้ใครมาใกล้อีก หลงก็คือหลงนั่นแหละ หลงว่าเป็นสมบัติของตัวเอง
เป็นของตัวเองได้ยังไง วัตถุมันไม่ใช่เนื้อใช่หนังของเรา เป็นวัตถุเป็นของอาศัยชั่วคราวเท่านั้นเอง เราจะไปถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเนื้อหนัง ตัวของเราได้ยังไง
หลวงพ่อพูดทั้งนี้ทั้งนั้นให้ฟังก็เพื่อไม่ให้พวกเรา ข้องติดในวัตถุที่ตัวเองมี พอตายไปแล้วก็ทิ้งให้ลูกให้หลานให้ใครต่อใครไป จะไปหวงทำไม
นึกถึงบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาเท่าไร ข้าพเจ้าขึ้นไปอยู่กับบุญกุศล นั่นแหละเป็นยานพาหนะของเราไปสู่สัมปรายภพ
ด้วยอานิสงส์ทาน อานิสงส์ศีล อานิสงส์ภาวนา ทั้งนั้นแหละ เราไม่ได้มุ่งหวังอย่างอื่น ส่วนอื่นเอาเถอะในโลกนี้มีอะไรมันก็ต้องทิ้งไป ถ้าเราไม่ทิ้งก็อย่างว่านั่นแหละนะลูกหลานนะ เป็นภุมรุกขเทวดา เป็นผีเฝ้าล่ะทีนี้ มันไม่เป็นผลดีเลยล่ะนะ เสียหายอย่างมากอีกต่างหาก
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “ผีเฮี้ยนเฝ้าเจดีย์”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๔
ทำแล้วก็คือแล้ว จบแล้วก็คือจบ
โฆษณา