1 ธ.ค. 2021 เวลา 09:36 • การตลาด
ความท้าทายของ Volvo
ในวันที่พลังงานทางเลือกกำลังมาแรง
ในปัจจุบัน Volvo เป็นค่ายรถยนต์ที่ขายแต่รถ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) หรือรถยนต์ ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินที่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถ EV หรือรถ พลังงานไฟฟ้า 100% โดยไม่มีจำหน่ายรถเครื่องยนต์สันดาปภายในแล้ว แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ Volvo ต้องใช้ เวลาในการเตรียมความพร้อมกว่า 3-4 ปี ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง Wall Box, การเข้าไปร่วมมือกับโรงเรียนเทคนิค 3 แห่ง เพื่อเตรียมคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดยานยนต์ในอนาคต ที่ต้องใช้สกิลใหม่ซึ่งเรียกว่า ช่างไฟฟ้ายานยนต์ รวมถึงวางแผนที่จะถอดรถเครื่องยนต์สันดาปออกจากท้องตลาด
ทั้งหมดที่ทำไปนี้ คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายว่า เพื่อบรรลุเป้าหมาย “เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน”
เป้าหมายของ Volvo นั้น ต้องการเป็นผู้เล่นในตลาดรถ SUV Premium ของไทย ซึ่งเป็นเซ็กเม้นต์ที่ Volvo มองเห็นโอกาส เริ่มจากการเปิดตัวรถยนต์รถรุ่น XC40 ซึ่งเป็นรถ Pure EV ในเดือนมีนาคม และได้รับ การตอบรับที่ดีมาก แม้ว่าประเทศไทยจะต้องเจอกับวิกฤต COVID-19 ก็ตาม
“ปีนี้เป็นปีที่เกินคาดเดา เพราะนอกจาก COVID-19 แล้ว ยังมีเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ กระทบภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั่วโลก แต่ยอดขายของเราก็ยังไปได้ดี เรามีการทำ Live Chat ใช้คนในการคุยกับลูกค้าแบบใช้เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลจริงๆ เราเพิ่มแผนกดูแลลูกค้าแบบ 24 ชม. เพื่อ รองรับการเจริญเติบโต เราดึงช่องทางขายออนไลน์เข้ามาเสริมกับออฟไลน์ ใช้ได้ดีมากในช่วงล็อก ดาวน์ แม้ว่าตอนนี้เหตุการณ์จะกลับมาเกือบเป็นปกติ แต่ช่องทางออนไลน์ก็ยังใช้งานได้ดี และเรายัง คงให้ความสำคัญต่อไป”
ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทางผู้บริหารของ Volvo คาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้ ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน
คริส ย้ำว่าจากนี้ต่อไป Volvo จะไม่ได้เร่งเรื่องของยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่จะมุ่งเน้นการเติบโต อย่างยั่งยืน ซึ่งไม่ได้หมายถึงเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงเน็ตเวิร์ค พาร์ทเนอร์ของ Volvo ต้องอยู่ได้ย่างยั่งยืนและมีกำไร
สำหรับแผนงานในปี 2022 Volvo มองว่าตลาด SUV ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นไฮไลท์ใน พอร์ตสินค้าของบริษัท ทั้งนี้ Volvo จะโฟกัสไปที่ภารกิจหลัก 4 ด้านคือ
1. Sustainable Growth เน้นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งวอลโว่ และพาร์ทเนอร์
2. Electrification วางกลยุทธ์และโพซิชันนิ่งเพื่อความเป็นผู้นำในตลาด Premium EV ด้วยการเติม โมเดลรถรุ่นใหม่ๆ เข้ามาในพอร์ต อาทิ Volvo C40
3. Used Cars เดินกลยุทธ์เพื่อให้คนเข้าถึงแบรนด์มากขึ้นผ่านการทำตลาดรถมือสอง Volvo Selected Used Car ที่จะเริ่มทำตลาดอย่างเป็นทางการในปี 2022 โดยจะเริ่มต้นในเขตกทม. และปริมณฑล ก่อน
4. Mobile Service เน้นให้บริการแบบหน่วยรถเคลื่อนที่เร็วมากขึ้น เพราะ Volvo มองว่าสิ่งที่จะ เปลี่ยนแปลงไปหลังจาก EV เริ่มเข้ามามีบทบาท คือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการหลังการขาย โดยเน้น การเดินทางไปหาลูกค้า เพื่อสร้าง Customer Experience
“ข้อดีของรถไฟฟ้า อะไหล่ส่วนใหญ่เราสามารถให้บริการได้ข้างนอก ไม่ต้องเข้ามาในศูนย์ เพราะว่าไม่มีของเหลวที่ต้องเปลี่ยนเยอะเหมือนเครื่องสันดาป เราจะฝึกอบรมช่างโดยเน้นความรู้เรื่อง คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ที่สามารถอัพเดทและแก้ไขบางส่วนได้
Volvo มองว่า Mobile Service จะเป็น Customer Touchpoint ในการเข้าถึงลูกค้าเหมือนโชว์รูม เคลื่อนที่ซึ่งสามารถลิงค์กับการขายออนไลน์ได้มากขึ้นและจะทำให้เราเข้าไปในพื้นที่ที่ยังไม่คุ้มค่าที่จะสร้างโชว์รูม แต่จะสามารถแก้ไขเรื่องความสะดวกของลูกค้าได้”
โฆษณา