องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก (OPEC) และชาติพันธมิตรจะตัดสินใจในวันนี้ เกี่ยวกับการปล่อยน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มเติม ท่ามกลางความผันผวนของราคาน้ำมันจากแผนการปล่อยน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน
ราคาน้ำมันดิ่งลงจากสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ $86 มาจนเกือบถึงระดับ $70 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และยังกลายเป็นสถิติของราคาที่ลดลงมากที่สุดภายในเวลา 1 เดือนนับตั้งแต่เกิดภาวะวิกฤตของ COVID-19 หลังความกังวลต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่เริ่มแผ่ขยายออกไป
ทางองค์การและชาติพันธมิตร (OPEC+) กำลังมีข้อขัดแย้งกับสหรัฐฯที่ร้องขอให้พวกเขาเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจทั่วโลก หากแต่กลุ่มประเทศผู้ผลิตกลับไม่ต้องการขัดขวางการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมพลังงานที่ยังคงเปราะบางด้วยผลผลิตที่ออกมามากเกินไป
รัสเซียและซาอุดิอาระเบีย 2 แกนนำของกลุ่มประเทศผู้ผลิตได้กล่าวไว้ก่อนการประชุมในสัปดาห์นี้ว่า ไม่มีความจำเป็นต้องสนองอย่างฉับพลันโดยการปรับเปลี่ยนนโยบาย เช่นเดียวกับอิรักที่เผยถึงความคาดหวังในการรักษานโยบายเดิมต่อไปในระยะสั้น
นับตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา OPEC+ ได้เพิ่มผลผลิตเข้าสู่ตลาดโลก 400,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) หลังจากการทยอยลดกำลังการผลิตลงตามข้อตกลงในปี 2020 เมื่อปริมาณความต้องการน้ำมันดิ่งลงจากภาวะวิกฤตของโรคระบาด
ในรายงานก่อนการประชุมวันนี้ของ OPEC+ ได้กล่าวถึงผลกระทบจากโอไมครอนที่มีส่วนเกี่ยวพันไปถึงน้ำมันอากาศยานในขณะนี้ หลังมีหลายประเทศออกมาตรการระงับการเดินทางที่มาจากประเทศในแถบแอฟริกาตอนใต้
ในขณะเดียวกันความต้องการของน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการเดินทางในยุโรปก็น่าจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย หลังมีหลายประเทศในถูมิภาคประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อรับมือกับปัญหาการระบาดในระลอกใหม่
หรือก่อนหน้าจะมีความกังวลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน OPEC+ ก็ยังต้องชั่งน้ำหนักถึงผลกระทบจากคำประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนของสหรัฐฯและกลุ่มประเทศผู้บริโภคที่ทำการปล่อยน้ำมันสำรองออกมาเพื่อลดราคาในตลาดพลังงาน
Goldman Sachs ธนาคารชื่อดังชี้ว่า ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงล่าสุดมาจากการที่ตลาดมองเห็นตัวเลข 7 ล้าน bpd ว่าได้แตะระดับความต้องการ ในขณะที่บริษัทพลังงาน Rystad Energy กล่าวว่า การล็อกดาวน์รอบใหม่อาจทำให้ความต้องการหายไป 3 ล้าน bpd ในช่วงไตรมาสที่ 1
เช่นเดียวกับ OPEC+ ที่คาดการณ์ถึงน้ำมันส่วนเกิน 3 ล้าน bpd ในไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า แต่จากรายงานก็ได้กล่าวว่า ผลกระทบจากการปล่อยน้ำมันสำรองน่าจะมีไม่มากนัก เนื่องจากเป็นการกระทำแบบสมัครใจและไม่ได้มีระยะเวลากำหนดที่แน่นอน
ในขณะเดียวกัน เดวิด เทิร์ก รมช.พลังงานของสหรัฐฯก็ออกมาเปิดเผยกับสำนักข่าว Reuters ไว้เมื่อวานนี้ว่า คณะรัฐบาลอาจปรับเปลี่ยนช่วงเวลาของการปล่อยน้ำมันสำรองในกรณีที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด
จากแผนการลดระดับกำลังการผลิตของ OPEC+ ที่ 10 ล้าน bpd หรือเทียบเท่า 10% ของปริมาณการจัดหาทั่วโลกในปีก่อน ปัจจุบันยังคงมีตัวเลขที่ขาดหายไป3.8 ล้าน bpd ในขณะที่ผลผลิตโดยรวมของเดือนพ.ย.ก็ยังคงไม่ถึงเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้
References :
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
