2 ธ.ค. 2021 เวลา 14:39 • ข่าว
นิค ชมงาม เปิดใจทำไมต้องจับ งูจงอางบางพระ
จากปฏิบัติการจับงูจงอางขนาดใหญ่ ที่บางพระ จังหวัดชลบุรี ก็มีเสียงแบ่งออกเป็นสองฝั่งทั้งคนที่เข้าใจกับคนที่ไม่เห็นด้วย ล่าสุด นิค ชมงาม ได้ออกมาเปิดใจผ่านเฟซบุ๊ก
จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีประชาชนพบเห็นงูจงอางขนาดใหญ่ ในพื้นที่บางพระ จ.ชลบุรี แถวเส้นทางวิ่งและทางปั่นจักรยาน ทำให้เกิดความกลัวจะเป็นอันตราย จึงได้แจ้งเพจดังให้ช่วยจัดการ
โดยล่าสุดสามารถจับงูจงอางตัวดังกล่าวได้แล้ว แต่ก็มีประชาชนบางส่วนคิดว่าทำไมต้องไปยุ่งกับงู ไม่ปล่อยให้มันอยู่ตามธรรมชาติของมัน แต่ก็บอกก็ว่ารู้สึกโล่งไปที่มีคนมาจับ เพราะแถวที่เจองูนั้นเป็นเส้นทางวิ่งและทางปั่นจักรยานที่มีประชาชนใช้งานหวั่นเกิดอันตราย
2
โดยล่าสุด นิค ชมงาม ก็ได้ออกมาชี้แจ้งทางเฟซบุ๊ก Nick Wildlife ถึงเรื่องราวที่เป็นประเด็นดังกล่าวว่า
ทำไมต้องจับจงอางที่บางพระ ในเมื่อมันก็อยู่ในที่ของมัน?
ผมตั้งใจเขียนโพสนี้ขึ้นมาเพื่อทำการอธิบายประเด็นความไม่เข้าใจ เกี่ยวกับกรณีการเข้าจับงูจงอางที่อ่างเก็บน้ำบางพระ ว่าจะเข้าไปจับทำไม ในเมื่อมันอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์อยู่แล้ว พูดง่ายๆก็คือมันอยู่ในบ้านของมัน ผมอยากรบกวนให้เพจต่างๆหรือทุกๆท่าน รบกวนช่วยแชร์ไปตรงกลุ่มหรือจุดอื่นๆที่ยังไม่เข้าใจ ถึงเหตุผลในการตัดสินใจในการเข้าจับงูจงอาง จนมีประเด็นความเห็นต่างเกิดขึ้นมาในเวลานี้
ในการทำงานครั้งนี้ เราประสานงานร่วมกับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำบางพระ และอบต.บางพระ และมีการขออนุญาตในการดำเนินการตามลำดับขั้นตอนทางกฏหมายทุกอย่าง เนื่องจากงูจงอางเป็นสัตว์คุ้มครอง และอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ ภายใต้การดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
มุมมองของเราครั้งแรก ทางทีมอสรพิษวิทยาและทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำบางพระ เห็นตรงกันว่างูไม่ได้มีพฤติกรรมที่จะทำร้ายคน และอยู่ในเขตอนุรักษ์ และตัดสินใจว่าจะไม่จับ เพราะเราต่างก็อยู่ในสายอนุรักษ์เหมือนกัน ยิ่งมีประเด็นความเห็นต่างทางสังคม เรายิ่งไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว
...นั่นคือแนวคิดเบื้องต้น ก่อนที่เราจะเห็นสภาพแวดล้อมจริงๆของพื้นที่ และพอเข้าไปดูพื้นที่จริงๆเราก็พบในสิ่งที่เราๆทางบ้านอาจจะมองไม่เห็น
บริเวณป่าที่เรามองแล้วรู้สึกว่านั่นคือบ้านของมัน ในเวลานี้น้ำในอ่างเก็บน้ำ ได้ท่วมขึ้นมาเกือบถึงถนนแล้ว นั่นหมายความ ถ้าน้ำขึ้นมาอีกหน่อย งูก็จะไม่สามารถอยู่ตรงนี้ได้ และอาจจะข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม
บนถนนก็จะมีรถสัญจรไปมาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากเจ้างูเลื้อยขึ้นไป ก็มีโอกาสถูกรถทับได้ เหมือนที่เราเคยเห็นอยู่ทั่วๆไป และหากเจ้าจงอางเลื้อยข้ามถนนผ่านไปได้ ในระยะทางประมาณ 20-30 เมตร ก็จะถึงบ้านคนที่มีอยู่ตลอดแนวในพื้นที่ตรงนั้น คนพื้นที่เขาก็มีความกังวล คือเขาไม่ได้เกลียดมัน แต่เราต้องลองนึกว่า ถ้ามีงูจงอางมาชูคออยู่หน้าบ้านเราทุกๆวัน เราจะสบายใจไหม? จะปล่อยไว้หรือเรียกจนท.มาจับไปไว้ที่อื่น? ใจเขาใจเรานั่นเองครับ บางที่เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น เราอาจไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร
2
ความจริงงูจงอางไม่ได้ก้าวร้าวหรือดุร้ายแบบเรื่องเล่า หากไม่ไปยุ่งกับเขา เขาก็ไม่อยากจะยุ่งกับเรา แต่ถ้าเขาตกใจ หรือรู้สึกว่าถูกคุกคาม พฤติกรรมเขาก็จะเป็นคนละเรื่อง อาจกัดเราเพื่อป้องกันตัว แบบที่เห็นในคลิปตอนเราจับครับ (คลิปจับงูจงอางบางพระ)
1
ตลอดจนในเรื่องสุขภาพ เบื้องต้นเราเห็นแต่แรกว่ามันบาดเจ็บ แต่ไม่ได้ผอมแบบที่คิดตอนแรก(ประเมิณผิดจากการเห็นแค่ส่วนหัว) สาเหตุเนื่องจาก คนพื้นที่บอกมาว่ามีสุนัขในพื้นที่ รุมไล่กัดงูตัวนี้อยู่ ซึ่งเราก็เห็นได้ชัดเจนจากบาดแผลที่หาง นอกจากนั้นช่วงหัวยังมีลักษณะที่ดูเหมือนได้รับบาดเจ็บจากอะไรมาสักอย่าง ในประเด็นนี้เราสามารถทำได้ทั้งจับมาเพื่อรักษา หรือปล่อยให้เป็นกลไกของธรรมชาติ เหมือนเราเห็นกวางถูกรถชนบาดเจ็บ เราก็สามารถเลือกได้ ว่าจะปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรม หรือจะจับเพื่อช่วยเหลือมันก็สามารถทำได้ ไม่มีอะไรผิด ผมคิดว่ามันก็ไม่ต่างกัน
3
การอนุรักษ์ที่ดี มักจะมีแนวทางที่เป็นบรรทัดฐานสำหรับการยึดถือปฏิบัติ แต่ในบางกรณี ก็อาจมีบริบทแวดล้อมที่แตกต่างกันไป "ไปจับทำไม ในเมื่อมันอยู่ในบ้านของมันอยู่แล้ว" ถ้าจะอธิบายง่ายๆ ก็เหมือนเพื่อนเรา ที่กำลังอยู่บ้านที่น้ำกำลังจะท่วมหลังคา เราจะปล่อยให้เขาอยู่ตรงนั้นต่อไปหรือเปล่า เพราะเขากำลังอยู่บ้านเขา
1
สิ่งที่เราตัดสินใจทำจึงเป็นสิ่งที่เราเห็นว่าเหมาะสม แต่อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับใจของทุกคน ตรงนี้ก็ต้องขออภัยครับ
จริงๆตอนแรกทีมงานก็ตัดสินใจว่าจะยุติการทำงาน เพราะไม่อยากเข้าไปอยู่ในความขัดแย้ง และกำลังจะเดินทางกลับ แต่ก็มีชาวบ้านบางพระหลายๆท่าน ที่เข้ามาให้กำลังใจเรา เอาน้ำมาให้บ้าง เอาข้าวมาให้บ้าง และร้องขอให้เราช่วยนำเจ้าจงอางไปไว้ที่เหมาะสมกว่านี้เขาไม่อยากให้ใครมาทำร้ายมัน เราถึงมีกำลังใจและเดินหน้ากันต่อ
ตลอดจนท่านหัวหน้าเขตที่เข้าใจการทำงานและดูแลเราเป็นอย่างดี หัวหน้าโบว์ที่ดูแลเรื่องที่พักของเรา และทีมเขตห้ามล่า ทีมดับเพลิงที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจนงานสำเร็จ ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านเป็นอย่างสูง
สำหรับท่านที่ยังไม่เข้าใจ ผมก็ขอบอกว่าเราหัวใจสีเขียวเหมือนกันครับ เราเคารพในความเห็นของท่าน แต่บางทีวิธีการอาจแตกต่าง ในเวลานี้เจ้าจงอางก็ได้กลับสู่ธรรมชาติบริเวณผืนป่าเขาเขียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาจจะไม่ใช่บ้านที่เราคิด แต่มันจะเป็นบ้านที่ปลอดภัยกว่าเดิมครับ
โฆษณา