Health Link จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ Pain Point เหล่านี้ให้กับประชาชน โดยเหล่านักพัฒนารุ่นใหม่ไฟแรงจาก GBDi ที่อยากผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศของเรา
“เป้าหมายของ Health Link คือ การสร้างแพลทฟอร์มที่จะเชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษาของคนไข้ระหว่างโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทำให้ไม่ว่าเราจะเข้ารักษาที่โรงพยาบาลใดก็ตาม คุณหมอที่โรงพยาบาลนั้นจะสามารถดูข้อมูลสุขภาพที่ผ่านมาของเราจากโรงพยาบาลอื่น ๆ ที่เคยเข้ารับการรักษาได้”
ซึ่งถ้าถามว่าแล้วมาตรฐานกลางที่ใช้ใน Health Link ได้มาจากไหน ตอนช่วงเริ่มต้นโครงการ เราได้นัดประชุมเพื่อกำหนดมาตรฐานข้อมูลสุขภาพกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จากโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ให้มาหารือและกำหนดมาตรฐานและประเภทข้อมูลสุขภาพที่จะนำส่งเข้าระบบในระยะแรกร่วมกัน
2. ความปลอดภัยของระบบ
หลังจากที่โรงพยาบาลแปลงข้อมูลให้เป็นไปตามมาตรฐานกลางของ Health Link แล้ว ข้อมูลของผู้ป่วยที่ให้ความยินยอมจะถูกนำไปเก็บไว้ที่ถังกลาง พอผู้ป่วยไปหาคุณหมอ ระบบก็จะไปดึงข้อมูลของผู้ป่วยคนนั้นมาแสดงให้คุณหมอดูเพื่อใช้ประกอบในการรักษาต่อไป ฟังดูแล้วเหมือนง่าย แต่ในความเป็นจริง “การออกแบบในทุก ๆ จุดของระบบนั้นเต็มไปด้วยความระมัดระวังขั้นสูงสุด เพื่อให้การทำงานของระบบราบรื่นมากที่สุด ปลอดภัยที่สุดเท่าที่เราทำได้ ข้อมูลของผู้ป่วยเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับที่หนึ่ง”
เรามีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญมากมายทั้งด้านความปลอดภัยของระบบและด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีการทดสอบการเจาะระบบ การตรวจติดตาม (Audit) การใช้ระบบคลาวด์ที่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐานโลก ที่สำคัญข้อมูลสุขภาพทั้งหมดในระบบจะถูกเข้ารหัส นั่นคือถ้ามีผู้ไม่ประสงค์ดีมาเจาะข้อมูลไปได้จริง ข้อมูลที่เขาเอาไปได้ก็ไม่สามารถอ่านออกได้อยู่ดีเพราะข้อมูลได้ถูกเข้ารหัสไว้ อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า “There are no unhackable systems.” ไม่มีระบบไหนในโลกที่คนเจาะไม่ได้ เราป้องกันอย่างดีที่สุดตามมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้กัน
“มีหลายคนนะที่บอกว่าไม่กล้าใช้ Health Link เพราะกลัวข้อมูลรั่วเหมือนข่าวที่เคยอ่าน ถ้ามีแต่คนคิดแบบนี้ ระบบดี ๆ ที่พวกเราตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อทุกคนมันก็ไปต่อไม่ได้ ประเทศก็จะพัฒนาต่อยาก”