3 ธ.ค. 2021 เวลา 13:50 • นิยาย เรื่องสั้น
บ้านหลังเก่าของพ่อกับแม่ เป็นเรือนไม้กึ่งปูน สองชั้น ประตูหน้าต่าง ปิดสนิด
 ถึงจะมี กุญแจ ไข เปิดได้ แต่สภาพบ้านไม่มีคนอยุ่มานานนับสิบปี อะไรอะไร
ก็เสื่อมสภาพ  หลังคา ก็อาจต้องเปลี่ยนใหม่  คงใช้เงินไม่น้อยทีเดียว อะไรทําได้คงต้องทําไปก่อน ทีดีหน่อยคือ ไม่มีปลวกขึ้น      
    หมอน้อยเดินดูรอบบ้าน  และหยุดตรงหลังบ้านที่ ติดกับต้นมะม่วงที่แม่เคย
 นั่งทําขนม  ยังจําตัว โม่แป้งตัวใหญ่ที่แม่คอยบังคับให้หมอน้อยตื่นมาโม่แป้งตอนเช้าด้วย  ช่วงนั้นมีความสุขมาก ไร้เงินไร้ ทุกข์   ส่วนต้นไม้ใหญ่น้อยที่ขึ้นรอบบ้าน
ก็แห้งตายเพราะขาดคนดูแล   คงเหลือ แต่ ดงกล้วย ขึ้น เต็มไปหมด ไม่รู้ใครแอบปีนรั้ว เข้ามาปลูกในบ้าน และต้นไม้ใหญ่ อีกต้น ขึ้นข้างๆ ต้นกล้วย
ดูไม่ออกว่าเป็นต้นอะไร แน่   
    บ้านนี้เป็นบ้านที่พ่อ กับแม่เคย อยู่ก่อนที่แม่ของหมอน้อย จะหายตัวไปแบบ
ไร้ร่องรอย
บ้างก็ว่า เสียชิวิต ในเรือล่ม บ่างก็ว่าหนีกลับไป ฝั่งลาว    แต่ความทรงจําในวัยเด็กยังคงอยู่มิเรือนหายไป
ส่วนพ่อของหมอน้อย คือ หมอ นิกร เป็น นักปราบผี หรือ คน เล่นเครื่องรางของขลัง ที่เสียชิวิตตั้งแต่หมอน้อย เรียนจบใหม่ ๆ
น้องของพ่อ คือ   อาสมศักดิ์ ได้เลี้ยงดูหมอน้อยหรือนาย  นรินทร   และดูแลบ้านหลังนี้ในช่วงที่หมอน้อยอยู่ทีกรุงเทพ  บ้านมีเนื้อที่เกือบสามงาน  ถือว่ามากอยู่ ส่วนบ้านของ อาสมศักดิ์ หรือ เรียกสั้นๆว่า อาศักดิ์  นั้นก็อยู่ถัดไปในซอย ระแวกเดียวกันเนื้อที่ก็ใกล้เคียงกัน
    ลุงศักดิ์มีหลาน ที่ขอมาเลี้ยง ชื่อเจ้าทองมี  เรียกสั้นๆ ก็เจ้าทองหรือไอ้ทอง หลังจาก เรียนจบ ปวช ก็ออกมาขับ มอเตอร์ไซค์วินในซอยที่บ้าน  ส่วนตัวเจ้าทองมักออกแนว เงียบเงียบ ไม่พูดมาก  ไม่เกเร ไม่กินเหล้าเมายา ชอบ แบบชิว ชิว  ไม่มีอะไร ก็นอน และนอน ได้ทั้งวัน ...
ส่วนอาศักดิ์ บวชเป็นพระ ได้สี่พรรษาก่อนสึก ออกมาเป็น หมอดูฤกษ์ยาม และ รับงาน
สะเดาะเคราะห์ และงานตั้งศาลพระภูมิ ควบคู่กันไป      
 ในอดีต อาศักดิ์เปรียบเหมือน ผู้ช่วยของ พ่อหมอนิกร ในทุก ภาระกิจ จน ถึงวันที่       หมอนิกร ได้เสียชิวิตลง อาศักดิ์ก็เปลี่ยน ไปเป็นคนละคนเลย
ตระกูลของพ่อของหมอ น้อยเป็นตระกูล หมอเวทย์จาก  เมืองน่าน  คือ มี
ตั้งแต่ทรงเจ้า ทําเส่นหา และปราบผี แต่หมอน้อยกลับไม่เลื่อมใสสิ่งเหล่านี้
จน วันหนึ่งหมอนิคม...  พ่อของหมอน้อย...ได้ เปิดเผยความลับของอีกโลก
ให้หมอน้อยเห็น
( บทเสริม โลกที่มองไม่เห็น)    ความคิดอ่านของหมอน้อยจึงเริมเปลี่ยนไป
 ตั้งแต่นั้น เป็นต้นไป
ในการกลับมาครั้งนี้ หมอน้อย ตั้งใจแน่วแน่ว่า ต้องการศึกษาเกี่ยวกับ
    จิตวิญญาน ให้มาก จําเป็นต้องมีสถานที่มีขนาดไม่ใหญ่และก็ไม่เล็ก ใช้เป็นที่ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม 
     ในกรุงเทพ ที่แค่ฝ่ามือ  4x8 ตารางวา ค่าเช่าก็ล่อเข้าไปเกือบเจ็ดพันเลยที่เดียว  ดังนั้นความคิดที่มีเหตุผลมากที่สุด คือ กลับบ้าน นั้นเอง    อาชีพอาจารย์สอนหนังสือ ก็ทําให้มีรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้พอใช้ แต่ถ้ากลับมาอยู่ที่นครปฐม ก็คงต้องหางานใหม่   ซึ่ง งานสมัยนี้ก็หาไม่ง่ายซะด้วย่
จะเอาอาชีพหมอ เรียก วิญญานมาเป็นตัวเลือกก็ไม่แน่ว่าจะได้เงินทองขนาดไหน  แต่อย่างไร ล่าสุด งาน ไล่จับกุมารทอง ในบ้านเมียน้อย ท่านรอง(นายตำรวจใหญ่) ก็ทําให้มีรายไดีพอเป็น กระสุนสํารอง ได้บ้าง  งานนี้ได้มาเกือบสองหมื่น
เมียท่านรองเอง เต็มใจจะให้มากกว่านี้ด้วย เพียงแต่หมอน้อยกลัวงานจะเลยเถิด เกินไปเลยไม่ยอมไปหาตามที่ตัวของเมียท่านรองเรียกร้อง
........ชอบงานหรือชอบหมอน้อย กันแน่...
เจ้าเอก เป็นเหมือนลูกน้องคนสนิด และผู้ติดตาม ก่อนมาอยู่กับหมอน้อย
  มันเป็นคนขับแท็กซี่ เหลืองเขียว จนมาเจอที่เด็ด ที่แม่ กับพี่สาวที่หากินโดยการ
 ทรงเจ้าถูกผี เจ้าเล่ห์เล่นงานจน แทบเอาตัวไม่รอด ดีที่ไปเจอหมอน้อย
ท่านเลยช่วยเหลือ จน พี่สาวปลอดภัยแต่แม่ ของเจ้าเอก เสียชิวิต กอนที่แม่เจ้าเอก
 จะเสียชีวิต ได้ฝากเจ้าเอกกับหมอน้อยและให้เจ้าเอกติดตามรับใช้หมอน้อย   แล้วบอกว่า หมอน้อยคือของแท้   มันก็เลยตั้งใจแน่วแน่จะติดตามหมอน้อยไปทุกแห่ง
    มีกินบ้างไม่มีบ้าง แต่เจ้าเอก ก็อยู่จนถึงวันนี้อย่างเหนี่ยวแน่น มั่นคง   
  ค่ำแล้ว
ชายหนุ่มนั่งตรงระเบียงหลังบ้าน มองดูดงกล้วย และต้นไม้ขนาด คนโอบ ที่ขึ้นกลางดงกล้วย   
   มันต้นอะไร ชายหนุ่ม  เริ่มสงสัย  จังหวะนั้น อาศักดิ์ เดินเข้ามา
 " ต้นอะไร ไม่รู้ขึ้นกลางดงกล้วย ไม่อยู่นาน อะไรต่ออะไรไม่รู้ขึ้นเพียบเลย"
หมอน้อยเอ่ยกับอาศักดิ์  อาศักดิ์ มองไปทีสวนหลังบ้าน
 " อย่าใส่ใจอะไรมากเลย กลัวพวกจะ ปีนเข้ามาลักขโมยกับ พวกเสพยา มากกว่า
 หลังบ้านอาเลยไม่ได้สนใจ ... "
  อาศักดิ์ยังคงชําเรืองหางตาที่ต้นไม้ปลาดที่ขึ้น กลางดงกล้วย
"   ครับท่านอา " หมอน้อยยิ้ม
  " ว่าแต่...ที่อามานี้จะมาถามว่าจะกินอะไร ดี ที่บ้านไม่ค่อยได้ทํากับข้าว เจ้าทองก็หากินที่ปากซอย  กะว่า จะให้เจ้าทองแวะซื้อเข้ามา"
  " ดีครับ ง่ายดี งั้นเอาเส้นเล็กแล้วกัน    "
" ส่วน ของเจ้าเอก เดี่ยวถามดูครับ"
 หมอน้อย ลุกขึ้น ตะโกนถาม เจ้าเอกที่อยู่ข้างบนบ้าน
 " กินไรดี  ข้าสั่งเส้นเล็กน้ำ มา เอ็งจะเอาอะไร  ของเอ็ง นะ"
 เสียงเจ้าเอก ลอยมา " เส้นหมี่ สองถุงครับ  ครบทุกอย่าง ครับ       "
อาศักดิ์ ยิ้ม "ง่ายดี กินง่ายอยู่ง่าย  แบบเจ้าแท้แท้เลย" พูดพลาง
 มือ ก็ส่งไลน ข้อความให้เจ้าทองที่อยู่ ที่ปากซอย     
ท่านอา ถามเพิ่ม" แล้วจะนอนที่บ้านอาไหมคืนนี้ อามีเสื่อ กับหมอน ครบนะ"
หมอน้อย มองกวาดตาไปรอบบ้าน " ใจอยาก จะนอน ที่นี้ครับ
เมื่อครู่นี้ เจ้าเอกถูพื้นแล้วคงนอนได้ครับ ส่วนไฟ ใช้จาก ไฟฉายไปก่อน ครับ
  เดี่ยวค่อยไปขอหม้อไฟใหม่ คงต้องติดมิเตอร์ ใหม่ ด้วย"
  ท่านอาศักดิ์ยิ้ม แล้ว กล่าว" ก็แล้วแต่นะทําทีเดียวไปเลยก็ดี ขอน้ำด้วย แถวนี้ มีปะปาแล้ว นะเจ้าน้อย  ไม่ต้องหิ้วน้ำแบบตอนที่น้อยยังเด็กๆ   "
ชายหนุ่ม ยิ้ม  " ขอบคุณอามากเลย ที่เป็นธุระ ให้ทุกเรื่อง"
อาศักดิ์ ยิ้ม และเอามือตบไหล่หลานชาย
อาศักดิ์ ชี้ไปที่ตุ่ม ลายมังกร มีอยู่ หลายใบ ที่หลังบ้าน
"หลังบ้าน ตุ่มน้ำมีน้ำเต็มอยู่หลายตุ่ม ก็ใช่อาบน้ำ ไปก่อนได้ ส่วนน้ำกิน เดี่ยว
เอาใส่กระติกมาให้ที่บ้าน อาใช่เครื่องกรองน้ำ นะ สบายกว่า" 
" ขอบคุณ อา มากครับ" เป็น   จังหวะที่เจ้าเอก ลงมาจากชั้นสอง
เดินฉายไฟ ไปมา " เจ้านาย มาดูอะไรนี้ดีกว่า ผมว่าร้านของเก่าคงชอบแน่"
เจ้าเอก พูดขึ้นพร้อมกับกวักมือเรียก ชายหนุ่ม ที่นั่งอยู่กับอาศักดิ์
   " อะไร เหรอ    " หมอน้อยถาม แบบงง งง
 แต่ทั้งอา ทั้งหลานก็เดินตาม เจ้าเอกไปห้องชั้นสอง
ที่ห้องที่ใช้เก็บของ  หมอน้อยจําได้ว่า แม่เคยมานอน เล่นประจําที่ห้องนี้เวลาที่พ่อ
ไม่อยู่ไปต่างจังหวัด   บางที่แม่ก็เข้ามาสวดมนต์ในห้องนี้ ด้วย
ทุกครั้งแม่จะปิดประตู ทุกครั้ง ถามดู แม่ก็จะ  บอกว่า ไม่อยากให้ใครรบกวน      
   ที่ห้องขณะนี้เต็มไปด้วยข้าวของเช่นโต๊ เก้าอี่  วางสุ้มกัน แต่ที่สะดุดตาคือ  เจ้าสิ่งที่เจ้าเอก เอามือจับผ้าคลุม ที่คลุมอยู่  มีขนาดสูงท่วมหัว
"อะไร วะ ตู้หรือ อะไร กัน" หมอน้อยถาม และเดินเข้าไปใกล้
" เจ้านายระวังฝุ่นนะ เดี่ยวผมจะเปิดให้เห็น "
 เจ้าเอก ใช้สองมือจับที่ชายผ้า ที่คลุม แล้ว บอก เจ้านาย  ให้ถอยห่าง
   ผ้าสีขาวเปื่อนฝุ่น ค่อย ค่อย เลื่อนออก ฝุ่นที่ฝุ่งกระจาย  ในความมืด
 ที่มีเพียงแสงไฟ จากไฟฉายช่วยส่องนําทาง ทําให้เห็นฝุ่นทีลอยในอากาศ
เป็นลําแสง ตามแสงจากไฟฉาย        
  " กระจก"หมอน้อย มองดูกระจกบานใหญ่  จําความได้ หมอน้อยไม่เคยสังเกตุ ว่าในห้องนี้มีกระจก บานใหญ่อยู่
  รอบกรอบกระจก มีลวดลาย อักขระและลายกนก สลัก อยู่เต็ม
   " เจ้าเอก ยิ้ม   " ถ้าขาย คงได้หลาย นะเจ้านาย
ณ เวลานี้ เงินทองดูทีจะเป็นความต้องการของหมอน้อยอย่างยิ่ง
ลําพังเงินติดตัว รวบรวม ได้ตอนนี้ก็แค่สามหมื่นกว่า แค่กินอยู่ก็จะได้สักกี่เดือน
กันเชียว อันนี้ยังไม่คิดถึงการซ่อมแซมบ้านหลังนี้ด้วย 
  " เก็บไว้ก่อน แล้วกัน   สมบัติของแม่ ไม่อยากขาย วะ ถ้าไม่จําเป็น" หมอน้อย หันหน้ามองมาที่กระจก พร้อมถอนลมหายใจ 
   เจ้าเอก เข้าใจความรู้สึกนายมันได้ดี มันยิ้ม แล้วกล่าวเสริม
     " นั้นซิ ของเก่าหายาก เก็บไว้ให้ลูกหลาน ดีกว่า  นะ เจ้านาย" 
  หมอน้อยไม่ตอบได้แต่ยิ้มที่มุมปาก  ...กระจกแบบโบราณ หมุนพลิก
บนล่างได้ ลักษณะคงเป็นของเก่าสมัยโบราณ แน่นอน .. หมอน้อยคิดอยู่ในใจ
เสียงแตร มอเตอร์ไซค์ ก็ดังขึ้น จากหน้าประตูบ้าน 
 " ถ้าเจ้าทองจะมาแล้ว ไป ไปกินข้าวกันเถอะ"
ท่านอา บอกแก่ทุกคน   " เจ้ากระจก นี้ก็เอาผ้าคลุมไว้ก่อนก็แล้วกัน " 
     ทั้งหมด ลงมา ข้างล่าง แต่ดูเจ้าทอง ดูไม่ค่อยเต็มใจจะเข้ามาในบ้านสักเท่าไร
เจ้าทองมองซ้าย มองขวาก่อนยกมือ ไหว้ หมอน้อย
"พี่น้อยไม่เจอกันนานเลย สิบกว่าปี ยังหล่อเหมือนเดิม" 
  หมอน้อย ยิ้มให้ พร้อม ส่องไฟฉายไปที่เจ้าทอง
" ตอนเด็ก  เอ็งก็ดํา  ตอนนี้ ยังดําเหมือนเดิมเลย " 
อาศักดิ์หัวเราะ แล้วกล่าว เชิง ขบขัน"  มันดําดีสีไม่ตกนะ "
" เจ้าเอก นี้ น้องข้าเอง เจ้าทอง  "
   "เจ้าทอง นี้เจ้าเอก เป็นสหาย อยู่ทํางานช่วยเหลือข้ามาตลอด" 
 หมอน้อยกล่าวเชิงแนะนําให้ทั้งสองหนุ่ม รู้จักกัน "      เจ้าทอง ยกมือไหว้ " วัดดีครับ พี่เอก มีอะไร ก็เรียกใช้ผมได้ครับ ผม วิ่ง อยู่ในซอยนะครับ ซอยนี้ผม รู้จักดี" 
เจ้าเอก รับไหว้ กลับ "  ขอบใจ  นะ ข้าคงต้องใช้บริการ แน่
" เจ้าเอกกล่าวเสร็จก็หันมายิ้มกับหมอน้อย.   
 " ก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว มีตะเกียบ ด้วย กินกันได้เลย " อาศักดิ์ กล่าวเชิญชวน
  หมอน้อยและเจ้าเอก   " มีน้ำเย็นมาด้วย  สุดยอด เลย"
หมอน้อยกล่าวชมเจ้าทอง  เจ้าทองยิ้ม " มี 711 อยู่ปากซอยครับ เลย
    เตรียมมาด้วย "       
    "งั้นวันหลังแวะซื้อกาแฟเย็นให้เจ้านาย ได้สบาย"
     เจ้าเอก กล่าวพร้อมกับเอามือแตะ บ่าเจ้าทอง
     " สบายมาก พี่เอก  ขอเรียกพี่ แล้วกัน นะครับ"  
       เจ้าเอก กับเจ้าทอง ยิ้ม และหัวเราะ เบาเบา  
                       ************
หมอน้อยสังเกตุอาการเจ้าทอง ที่ดูลุกลี่ลุกลน ตามอง ซ้ายมองขวา ตลอด
  " มีอะไร หรือ วะถึงดู แปลกๆ มอง โน้นมองนี้ ตลอด ตั้งแต่เอ็งเข้ามาแล้ว
เจ้าทอง ตอบ ด้วยเสียง แผ่วเบา  "  เขาว่า บ้านนี้ มีผี
ตรง ระเบียงชั้นสองนะ  เขาเห็นกันหลายคน นะ พี่น้อย "
  ขณะที่เจ้าทองพูดสายตามันยังคงกวาด ไปมาตลอด
หมอน้อยหันมายิ้มและหัวเราะเบาๆ" ผู้หญิง หรือผู้ชาย แล้วมีมากันเยอะไหม"
เจ้าทองดูออกจะจริงจังอย่างมาก" ผู้หญิงครับ พี่น้อย.....
ไม่ใช้ผู้หญิงคนเดียวด้วย เขาว่าเดินเกาะ รั้ว ที่ระเบียงข้างบน ตั้งสาม สี่คน แนะ"
ขณะที่พูดเจ้าทองยังคงหันไปมองที่ระเบียงชั้นบน ตลอดเวลา
"แต่ละคนแต่ง  ชุดไทยห่มสไบ กันทุกคน "  หมอ น้อย นั่งฟัง ด้วยใจจดใจจ่อ     
หมอน้อยถาม กลับไปที่เจ้าทอง
สวยเปล่า สาวห่มสไบที่เจ้าว่านะ " ชายหนุ่มยิ้ม แล้วหันหน้าไปทาง อาศักดิ์
แต่ หน้าตาของ คุณอา ดูเรียบเฉย ก้มหน้าไม่พูดอะไร หมอน้อยเริ่ม สงสัย
จึงถาม " คุณอา ครับ เคยได้ยินเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่าครับ"
คุณอาของหมอน้อย ไม่ตอบ แต่ หันหน้ามาทางหมอน้อยกับเจ้าเอก
" ดึกแล้ว นอนพัก ก่อน พรุ่งนี้กินข้าว แล้ว อาจะเล่าให้ฟัง
แต่ต้องเป็นที่บ้านอา  แล้ว อาจะเล่าให้ฟังว่าความเป็นมาอย่างไร"
อาศักดิ์พูดไป ก็หันหน้ามองไปที่สวนหลังบ้าน
" อากลับก่อนแล้วกัน...มีอะไรก็โทรเรียกแล้วกัน อาทิ้งเบอร์ไว้ที่โต๊ะตรงประตูทางเข้า"
หมอน้อยและเจ้าเอกยกมือไหว้กล่าวลา  อาศักดิ์ ส่วนเจ้าทองออกไปยืนรอด้านนอก
ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
อาศักดิ์กับเจ้าทอง กลับไป ได้ สักพัก ส่วนเจ้าเอก กับหมอน้อย เตรียมตัว
เข้านอน หมอนกับผ้าห่ม เจ้าทองเอามาให้ วางรวมกันตรงพื้นที่เจ้าเอกเพิ่งจะถูไป
เมื่อสักครู่
" เอก เอ็งไม่อาบนําเหรอวะ ไม่เหนียวตัวบ้างเหรอ
"หมอน้อย ส่ายหน้า เมื่อเห็นเจ้าเอก ถอดเสื้อ กางเกง นุ้งผ้าขาวม้านอน
แอ่งแม่ง ตรง ที่ ที่กิน ก๋วยเตี๋ยว เมื่อครู่ นี้
หมอน้อยพลัดผ้าข้าวม้า ถือ สบู่กับขัน เตรียมเดินอ้อมมาที่ด้านหลัง
ที่มีตุ่มน้ำสี่ห้าตุ่มวางเรียงรายกันอยู่
ลมพัดวูบ ผ่านหลังหมอน้อย หมอน้อย ขมวดคิ้วขึ้น นิด เหลือบชายตาดูช้าช้า
ในใจกลัว สัตว์ เช่น งูหรือ สัตว์ ประเภค อื่น ที่อาจจะอยู่แถวตุ่มน้ำ อยู่เหมือนกัน
"ดูแล้วเมื่อตอนหัวคํา ก็ ไม่มีอะไรนี้หว่า" ชายหนุ่มกล่าวกับตัวเอง
ฝาตุ้มเปิดออก  ผ้าขาวม้า ถูกถอดออก วางไว้ บนฝาตุ้มอีกใบ
แล้ว ชายหนุ่มก็ตัก น้ำ ขึ้นมาราด อาบ .... เย็นเอาเรื่องแต่ก็สบายดี....
.หมอน้อยคิดในใจ หลังจากราดน้ำไป สี่ห้าขัน หมอน้อย รู้สึก เย็นที่ใบหน้า
แลดูมีลมแผ่วแผ่ว มากระทบที่แขน ขวา จนรู้สึกเย็น วาบขึนมา
ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกได้ว่า มีสายตาจับจ้องมาที่ตัวเอง ความรู้สึก เริ่มชัดขึ้น แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า มาจากทิศไหน
ชายหนุ่ม หลับตาแล้ว กลั้นลมหายใจ แล้วลืมตาอีกครั้ง ในขณะที่
ยังกลั้นลมหายใจ อยู่  ชายหนุ่มกวาดสายตา ไปรอบรอบ ซ้ายที ขวาที ช้าช้า ให้สายตาชินกับความมืด พลัน ก็เห็นเงา ของใครบางคนหรือบางสิ่ง พาดลงมาจากระเบียง ชั้นสอง ลงมาที่พื้น ที่ไม่ห่างจากที่ชายหนุ่มอาบน้ำ  หมอน้อยเงยหน้าหันกลับไปที่ระเบียง ที่อยู่ ด้านบนเยื้องไปด้านขวา เมื่อมองจากแนวของตุ้มน้ำ ในเวลานี้ ..
เป็นเงาของคนยืนอยู่ กระแสลม ทําให้เห็น เห็น วัตถุคล้ายผ้า ปลิว ไสวตามกระแสลม.. สไบ.. หมอน้อยคิดขึ้นมาทันที่ จังหวะที่ ต้องคลายลมหายใจ .....ภาพ ที่เห็นก็จางหาย
หมอน้อย หยิบผ้าขาวม้า มาสวม อย่างรีบด่วน วางขันลง จังหวะที่เร่งรีบ ทําให้สบู่กับแปรงสีฟันที่วางบนฝาโอ่งอีกใบ ตกลงข้างล่างระหว่างโอ่ง จะหยิบก็ไม่ทันแล้ว ต้องขึ้นไปดู ให้รู้ชัดกับตา จึงเร่งเดินขึ้นบันได โดยมีไฟฉายส่องนําทาง ไปที่ระเบียง ชั้นบน
เมื่อขึ้นไปถึงชายหนุ่มกวาดไฟฉายไปมาหลายครั้ง
ว่างเปล่า ไม่มีอะไร ... หมอน้อย กวาดสายตาเพ่งมองที่จุดที่เห็นใคร
หรืออะไรเมื่อครู่นี้ ชายหนุ่ม สูดลมหายใจเข้า อีกครั้งแล้วกลั้นลมหายใจ  ใช้สมาธิมากขึ้นหลับตาใช้จิตสัมพัส กวาดจิต ไปรอบรอบ ช้าช้า อีกครั้ง ซ้ายที ขวาที ซ่ำแล้วซ่ำเล่า แต่ครั้งนี้ ไม่พบสัมพัส อะไรเลย...หมอน้อย คลายลมหายใจ และหายใจตามปกติ " แปลก หรือว่าเรา คิด ไปเอง คง จะ เหนื่อยมาทั้งวัน เป็นแน่"
หมอน้อยพูดกับตัวเองก่อน จะเดิน เข้ามาข้างในบ้าน
ลมยังพัดเอื่อยเอื่อย ใบไม้ขยับตามจังหวะที่ลมพัด.
. ..สายตาคู่หนึ่งเพ่งลงมาจากเบื้องบน มองดูหมอน้อย ที่กําลัง เดินเข้าไปในบ้าน สายตาคู่นั้น มองลงมา ที่ระเบียง ....
สายลมอ่อน ทําให้ผ้าสไบที่สวมอยู่ปลิวไสว เจ้าของสายตาคู่นั้นลอยตัวสูงจากระเบียงเกือบห้าเมตร ในความมืด ใบหน้างดงาม มีรอยยิ้มที่ริมฝีปาก ปนไปกับคราบน้ำตาทั้งสองข้าง .............. .
เจ้าของสายตาคู่งามเอ่ยเบาๆ....." ท่านพี่ของน้อง กลับ มาแล้ว"
................. เช้าวันรุ้งขึ้น เสียงไก่ขันดังมาจาก สวนกล้วยหลังบ้าน ปลุกให้
ทั้งหมอน้อยและเจ้าเอกต้องตื่น หมอน้อยลุกขึ้นนั่ง สบัดหัว และตัวไปมา
" เอก เอก ตื่นยัง .....นาน นานจะนอนแบบนี้ สักที่ อากาศมันสดชื่น ดี เอ็งว่าไหม"
หมอน้อยสูดลมหายใจเข้า แล้วค่อยค่อย หายใจออก ช้าช้า
หมอน้อย เห็นเจ้าเอก เงียบ ไม่ตื่น จึงเอามือ เขย่าที่ขา เจ้าเอก
" เอก เอก โว้ย ตื่น ได้แล้ว สว่างแล้ว " เจ้าเอก งัวเงีย ลืมตาแล้วลุกขึ้นนั่ง เงียบไปสักครู่ แล้ว กล่าวออกมา
" เมื่อคืน ฝัน แปลกมาก เลยเจ้านาย"
"แปลกอย่างไร วะ เจ้าเอก " หมอน้อย หันมาจ้องหน้า ด้วยความสงสัย
เจ้าเอก หันซ้ายหันขวา มองรอบตัว แล้วเอามือ ทั้งสองขยี้หัว ตัวเองและเกาตามแขนตามขา ร่องรอยยุงกัด มีให้เห็นเป็น ย่อมๆมองเห็น เห็นได้ชัด
" มันเหมือนจริงมาก เลย เจ้านาย ผมยังคิดว่ามันคือความจริง เลย แปลก มาก โคตรเหมือนเลย "
" เหมือนยังไงของเอ็ง แล้วที่ว่าโคตรเหมือน อะไรที่เหมือน วะ"
หมอน้อยนั่งชันเข่า หลังผิงฝาบ้าน ถาม เจ้าเอก ด้วยความสงสัย
เจ้าเอก ขยับมานั่งท่าขัดตะมาต
" ในฝันผมลุกขึ้นนั่ง ไล่ตบยุงที่มากัด แต่ผมเห็น มีผู้หญิงนั่งข้างๆเจ้านาย คอยไล่ยุง ปัดยุงให้เจ้านาย ที่แปลกคือ ผู้หญิงที่ว่า แต่งตัวชุดไทยเดิม นุ้งผ้าสีดำ ห่มสไบ สีแดง
แขนทั้งสองมีกำไลเงินและทองที่แขนทั้งสองข้าง"
 เจ้าเอก ขยับ ท่าจาก นั่งขัดตะมาด มาเป็นพับเพียบ
" ผมมองดูผู้หญิงคนนั้น นางสวยมากเลย สวยแบบนางในวรรณคดีเลยก็ว่าได้
ผมดํายาว นอกจาก นางแล้ว ยังมีอีกสองคน นั่ง ตรง ประตู ทางออกไประเบียงตรงโน้น นะเจ้านาย
" เจ้าเอกชี้ไปที่ประตูที่ออกไประเบียงหลังบ้าน" สองคนนั้น แต่งชุดไทยเหมือนกัน แต่สไบเป็นสีเขียว" เจ้าเอกทําสีหน้าครุ่นคิด ก่อนตอบ
" ความสวย สู้แม่นางที่ใส่สไบแดงไม่ได้แน่นอน นางหันหน้ามาทางผมบอกเลย
งาม มากมาก งามจริงจริง นางสาวไทย ชิดซ้ายเลยครับ
" เจ้าเอกกล่าวเสร็จ พร้อมยกมือ รูปไลค์ ในความงามของหญิงสไบแดง
หมอน้อยเอามือรูปตามเนื้อตามตัว ก็แปลกที่ไม่มีร่องรอยยุงกัด เลย ในใจอาจจะคิดว่า เจ้าเอกดูละครมากไป หรือเปล่า
"สงสัยดูละคร มากเลยเอามาฝัน  "
หมอน้อย พูดแซวลูกน้องคนสนิด "ไม่ถึงขนาดนั้นครับเจ้านาย " เจ้าเอก ตอบพร้อมรอยยิ้ม
"ไอ้ที่แปลกอีกอย่างคือ นาง หันมามองผม แล้วเอานิ้วชี้ แตะที่ปาก นาง
เหมือน บอก ไม่ให้ส่งเสียงนะครับ ตอนนั้นผม ก็รู้สึกหัวหนักอึ้งเลย
หลับไป เลยครับ ตื่นอีกทีก็ตอนเจ้านาย ปลุก นะครับ"
เจ้าเอก กล่าวเสร็จก็มองหน้า หมอน้อย เหมือนจะรอหาคําตอบ
" ล้างหน้า ก่อนดีกว่า แล้วไปหากาแฟ กินที่บ้าน อาศักดิ์"
หมอน้อยกล่าวตัดบท
"ขันของเอ็งกับสบู่อยู่ในกระเป๋า ของข้าวางไว้ ข้างล่าง เมื่อคืนนี้ ลืมเก็บ
วางไว้ข้างตุ่ม"หมอน้อยพูดไปก็พับผ้าห่มกับเก็บหมอน เอาเข้าที่ก่อนลุกขึ้นยื่น
หมอน้อยเอาผ้าเช็ดตัวพาดบ่า ส่วนเจ้าเอก ก็มีผ้าขาวม้าคาดเอวมาด้วย
ทั้งคู่เดิน มาทางด้านหลังของบ้าน ตรงมาที่ตุ่มที่ใช้อาบน้ำ
"เจ้านาย บีบยาสีฟันตั้งแต่เมื่อคืนเลยหรือครับ วางเป็นระเบียบดี สบูก็ด้วย
" เจ้าเอก พูดขึ้นมาแฝงด้วยความแปลกใจ.... เจ้าเอกไม่เคยเห็นหมอน้อย บีบยาสีฟัน และสบู่ เตรียมพร้อมไว้ก่อน ส่วนใหญ่จะเห็นวางกองรวมกัน เจ้าเอกยังคงจ้องมองที่ขันน้ำและแปรงสีฟัน.
หมอน้อยหันมามองตามที่เจ้าเอกพูด ..
หมอน้อยจําได้อย่างดี ว่าสบู่กับแปรงสีฟันหล่น ในช่องว่างระหว่างตุ่มสองใบเมื่อคืนนี้ตอนขึ้นไปที่ระเบียง ด้านบน
แต่ตอนนี้ มันกลับมาวางบนฝาตุ่มทั้งสบู่ทั้งแปรงเป็นระเบียบ ได้อย่างไร.....
.........บ้านอาศักดิ์
อาศักดิ์ ยิ้ม" เป็นไง หลับสบายดีไหม เมื่อคืน"
หมอน้อย ยิ้ม เอามือลูบผม ไปมา" อากาศเย็นสบายดีครับ เดี่ยวสาย สาย
คงต้องไปทําเรื่องขอไฟ กับน้ำ ละครับ "
หมอน้อยหันมาทางเจ้าทองที่กําลังยก ข้าวต้มใส่ชามออกมา
" พี่ น้อย พี่เอก กิน ข้าวต้มครับ ข้าวต้มหมู เสร็จแล้วตามด้วยกาแฟ ครับ
" เจ้าทอง วางชามลง บนโต๊ะ แล้วมองหน้า หมอน้อย ชั่วครู่
แล้วหันไปมอง เจ้าเอก ด้วยกริยา แบบเดียวกัน
หมอน้อยกรอกสายตามาที่อาศักดิ์แล้วกลับมาที่เจ้าทอง
พร้อมกับเอ่ย
" ทําไมต้องมองข้าแบบนี้ด้วยเจ้าทอง" หมอน้อย เอานิ้วชี้แตะที่ขมับ เสมือนครุ่นคิด แล้วถามเจ้าทอง "
ไง เอ็งว่าไง เอ็งมองข้าแบบนี้ เอ็งเห็นอะไร วะ"
เจ้าทอง ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้ม
" เดี่ยวพ่อ คงเล่าให้ฟังนะ ว่าแต่พี่กินข้าวต้มก่อน
ข้าวต้มกับหมู สับ สูตรผมเอง"
เจ้าทองพูดไปก็หยิบน้ำส้ม ในถ้วยกับพริกไทยป่น มาวาง"
" กินก่อนแล้วกัน.... เร็ว เจ้าเอก ,เจ้า น้อย "
อาศักดิ์ หยิบช้อนส่งให้ สองหนุ่ม " ร้อนกําลังดีเลย"
มันเคยช่วยเขาทําครัว ฝีมือมัน ใช่ได้เลย
" น่าอร่อยครับ ตกงานมาเปิดร้านได้เลย ข้าเป็นลูกมือเอง"
เจ้าเอก กล่าวเสริม
มื้อเช้า เสร็จสมบูรณ์
อาศักดิ เดินนําหมอน้อยมาที่สวนย่อมหลังบ้าน ขณะที่เจ้าเอก กําลังลองรถเครื่องของเจ้าทอง อยู่ด้านหน้าบ้าน
" น้อย มากับอา เดี่ยวอามีเรื่องเล่าให้น้อยฟัง "
อาศักดิ์ ชี้นิ้วให้หมอน้อยนั่งลงตรงม้านั่งหิน หมอน้อยสังเกตุ อากับกริยาของ คุณอา ที่มักจะหันหน้ามอง ไปที่บ้านของหมอน้อยอยู่เป็นระยะ
" อารู้ว่าน้อยต้องการจะมาอยู่บ้าน อาเองดีใจ ที่หลานอยากมาอยู่ อาเองรู้มาว่า
น้อยรําเรียน และมีวิชาที่พอตัว เรื่อง ไล่ผีไล่สาง แต่อาอยาก จะบอก ว่าบ้านของน้อยนะ มันไม่ธรรมดา "
"ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาอย่างไรครับ"
หมอน้อย ทําหน้าฉงน ในคําบอกของอาศักดิ์ " อาพอมีวิชา อยู่บ้าง ที่เรียนมากับพ่อของน้อย ไม่เก่งมาก แต่ก็พอเอาตัวรอดได้"
อาศักดิ์ จ้องหน้าหลานชาย
" มีคนหลายคน ในละแวกนี้ เห็น ผู้หญิงแต่งชุดไทย
ในทุกๆ คืนพระจันทรเต็มดวง ตรงระเบียงบ้าน นะ บางที่ก็เห็น มีมาเพิ่ม คนสองคน" หมอน้อยนั่งนิ่ง ตั้งใจฟัง อาศักดิ์สูดหายใจเข้าแล้วลุกขึ้นยืน หันหลัง
แล้วชี้นิ้วไปที่ต้นไม้ต้นเดี่ยวที่ขึ้นระหว่างดงกล้วย ที่สวนหลังบ้าน หมอน้อย
" ลองเดาสิ ว่าต้นอะไร " หมอน้อยมอง มองตามมือ ของคุณอา แล้วหันหน้ามาตอบ
" คงไม่ใช่ไม้สัก นะครับ ขึ้นมาแล้ว ตัด ก็ไม่ได้ ขายก็ไม่ได้ เดี่ยวโดนจับ
ต้องเอาไว้อย่างนั้นจนมันตายหรือ ให้หลวงมาเอา "
"ต้นตะเคียง .." อาศักดิ์ พูดขึ้น
" ตะเคียน แล้วใครเอามาปลูกครับ" เสียงดังมาทางหน้าบ้าน
เจ้าเอก เดินมา พอดีเลยได้ยินเรื่องที่คุณอา เล่าให้หมอน้อยฟัง
" นั้นนะสิครับใครพิเรนเอามาปลูก ในบ้านได้" หมอน้อยกล่าวเสริมคําพูดของ
ของเจ้าเอก
อาศักดิ์ เงียบไป สักครู่ ก่อนตอบ
" ตะเคียนที่ว่าเป็นต้นตะเคียนทอง ไม่มีใครเห็นมันเติบโตในเมือง แปลกมาก เคยมีคนบอกว่า แถวป่าใหญ่ เช่นคงพญาไฟ หรือ ป่าทุ่งใหญ่ ถึงจะมี "
" ไอ้ที่แปลกกว่านั้น มัน.." คุณอา หันหน้ามาทางเจ้าเอก
" เอ็งลองเดาสิ ว่าอายุ ต้นตะเคียนนี้ น่าจะสัก กี่ปี"
เจ้าเอก ขมวดคิ้ว เพ็งพิเคราะห์ แล้วตอบ" สูงอย่างน้อย .. เลยชั้นสองของบ้าน น่าจะ ราว ราว หกเมตร ผมว่าอย่างน้อย สิบปี เป็นอย่างน้อย"
อาศักดิ์ยิ้ม แล้ว หันหน้ามาทาง หมอน้อย " ว่าไง" "
ผมว่า น่าจะ ประมาณที่เจ้าเอก บอก ครับ น่าจะ สิบปี" หมอน้อย หันมายิ้มให้เจ้าเอก อาศักดิ์ เงียบ ก้มหน้า ก่อนตอบ
" สามเดือน .." เจ้าเอกกับหมอน้อยต่างเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเอ่ยถามกลับไป
" อะไรนะ คุณอา " หมอน้อย หันมามองหน้าเจ้าเอก ซึ้งตอนนี้
อ้าปากค้างอยู่ " สามเดือน .. มันจะเป็นไปได้อย่างไร " หมอน้อยเอามือกอดอก มองไปที่ต้นไม้เจ้าปริศนา แล้วเอ่ย
" สงสัย ใครแอบมาแอบใส่ปุ๋ยตอนอาไม่อยู่ หรือใครขุด เอามาปัก หรีอเปล่าครับ"
อาศักดิ์ ไม่ตอบ
" น้อย ต้องดูเองดีกว่า อาก็ไม่เชื่อตาตัวเอง ตอนแรก เลยเข้าไปดู กลางวันแสกๆ เลย เจอเต็มเต็ม เลย"อาศักดิ์เงยหน้ามองยอดต้นตะเคียน ที่ถูกลมพัด โบกสะบัด
"ช่วงเดือนแรก อาเห็นมันเริ่มโตเลยขอบรั้วบ้าน อา เลยสงสัยเข้าไปดู ว่าต้นอะไร แปลกใจตอนแรก คือ ดงกล้วยก็เขียวพรึบไปหมด
เหมือนกันทั้งกล้วยทั้งต้นตะเคียน ไม่รู้มันมาได้อย่างไร"
อาศักดิ์ หันมามองหน้าหมอน้อย
" อาเลยตัดสินใจเดินเข้าไปดู ตอนเดินผ่านประตูรั้ว แล้วอ้อมมาด้านหลัง
ตอนแรก เหมือนได้ยินคนคุยกัน พออาเดินเข้าไปใกล้ๆ อารู้สึก อากาศรอบๆเริ่มเย็น
ลง มีลมพัด มา ทุกสิ่งทุกอย่างดูเงียบ จนอาได้ยินแม้แต่ลมหายใจของตัวเอง "
อาศักดิ์หยุดชั่วครู่ หยิบน้ำขึ้นมาจิบ แล้วมองกลับไปที่รั้วบ้าน อีกครั้ง
" อาเดินเข้าไป ใกล้ๆจนเห็น ต้น ตะเคียน อยู่ข้างหน้า เลย มัน ดูสมบรูณย์มาก
ลําต้นขนาด แขนโอบได้ และที่หน้าแปลก อาได้กลิ่นน้ำอบไทย .
แบบที่เราใช้เล่นสงกรานต์... กลิ่นลอยมาเลย ตอนนั้น บอกเลย
ขนลุก เลยวะเจ้าน้อย"
"กลิ่นน้ำหอม แล้วไงต่อครับ" หมอน้อย เขยิบเข้าใกล้ ส่วนเจ้าเอก ยืนกอดอก อยูู่่หลังหมอน้อย
" อารู้ว่ามันต้องไม่ปกติแน่แน่ เลย อา เลยกลับออกมา
อามีความรู้สึกเหมือนมีคนมอง อา อยู่ตลอดเวลา
ขนลุก วูบวาบเลย"
อาศักดิ์เล่าเสร็จ ก็หันไปมองต้นตะเคียนที่รั้วบ้านของหมอน้อยที่กิ่งก้านโอนไปมา
ตามกระแสลม  อาศักดิ์หันมามองหมอน้อยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"คืนนั้น ช่วงที่อากําลังหลับ มันแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นนะ
อาได้ยินเสียง คนเรียก จากข้างล่าง ดังขึ้นมา เป็นเสียงผู้หญิง ร้องว่า ....
ท่านอาเจ้าคะ ขอข้าเข้าไปกราบท่านอาได้หรือไม่เจ้าคะ..".
.อาศักดิ์พูด แล้วขยับตัวเอาแขนทั้งสองวางที่โต๊ะ .... ขณะที่หมอน้อย
ก็ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ เจ้าเอก อยู่ด้านหลังก็ต้องเอี่ยวหู
เขยิบเข้ามาแทบจะแนบหลังหมอน้อย
"ตอนแรก อาคิดว่า แฟนเจ้าทองมัน " อาศักดิ์ ค่อยค่อยพูด
" แต่ เสียง ยายนุ่ช อาจําเสียงได้"
เจ้าเอก ถามขึ้น "ใช่ที่เจ้าทองบอก อยู่ร้าน711 เปล่าครับ" เจ้าเอก หันมายิ้มกับหมอน้อย
"ใช่ คนนั้นแระ " อาศักดิ์หันมาตอบเจ้าเอก "
เจ้าเอกพูดไปยิ้มไป
"เจ้าทองยังมีแฟน แล้ว พ่อหมอ ของกระผม
ทําไม หาไม่ได้ ละครับ ว่าไหม ท่านอา"
เจ้าเอก แอบแซวนายของ มัน แล้วยิ้มกับท่านอา อย่างอารมณ์ดี
" อย่านอกเรื่อง เจ้าเอก ฟังอา เล่าต่อ เนื้อ คู่ ของข้า อะไร
แบบนั้นนะ พระ เคยบอกว่า ยังไม่เกิด"
หมอน้อย เน้น เสียงคํา ว่า ..ยังไม่เกิด ด้วยเสียงสูง .
.พูดจบยังไม่ขาดคํา ลมแรงโถม ใส่ ที่ ทั้งสามคนนั่ง แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
เสียงขันน้ำตก กลิ้ง ผ้าที่ตาก ปลิวไปมา ทั้งสามคน นั่งเงียบ ชั่วครู่ จนลมสงบ
หมอน้อยหันมายิ้ม แล้วเอ่ย
" ใกล้เมษา ลม เพลมพัด นะครับ คุณอา เล่าต่อ เถอะครับ"
 อาศักดิ์ เอามือลูบผมที่ลมพัดใส่ " เอ่อ ในฝันที่ว่านะ พอ อา ลุกขึ้นนั่ง
ตอนที่เสียงผู้หญิง เรียก มาจาก ข้างล่าง ตอนนี้ มันเงียบไปแล้ว ในใจคิดว่า ถ้า ไม่ใช้คน ยังไงก็เข้ามาไม่ได้ " อาศักดิ์ จ้องหน้า หมอน้อย
" บ้านอา นะมี ควายธนู ผูกอยู่สองตัวสมัยพ่อเจ้า ปลุกเสก ให้นะ
อาเองก็บูชาอยู่ประจํา ในใจ ไม่มีภูตผีที่ไหนกล้าเข้ามาหรอก"
หมอน้อย ดีดนิ้ว "ใช้ จําได้ตรงโคนศาลพระภูมิ มีอยู่สองตัว
ทาสีดํากับสีขาว พ่อผม เศกให้เอง ตอนเด็ก เด็ก เคยโขมยไปเล่น
โดนดุแถบตาย จําได้ จําได้"
หมอน้อยยิ้ม ระลึกถึงเหตุการณ์ในวัยเด็ก อาศักดิ์ พยักหน้า ก่อนจะ กล่าว
" อาเห็นเสียงเงียบ ก็เลย เดินไปดูที่หน้าต่าง มองลงไป ที่หน้าประตู
อาแทบ หัวใจหยุดเต้นเลย"
หมอน้อย หันไปมองหน้าเจ้าเอก ก่อนกลับมาถามคุณอา
" อะไรครับ เกิดอะไรขึ้น" อาศักดิ์ ยัง นั่งอยู่แต่ยืดตัวตรง แล้วหันไป
1
มองตรงรั้วบ้าน ที่ต้นตะเคียน ยืนต้นอยู่ พลางเอามือลูบต้นแขน ไปมา
" อาเห็น ผู้หญิง สามคน นุ่ง ผ้าซิ่น ห่มสไบ สองคน ยืนตรง ประตูรั้ว
แต่อีกคน ยืน ตรง ศาลพระภูมิ นาง หันหน้าขึ้นมา มองอา มือซ้ายนาง
เหมือนถือพัด ส่วนมือขวา นาง... "
" มือขวานางทําอะไรครับ " หมอน้อย เอามือ เขย่าแขนของ อาศักดิ์
ท่านอา เงยหน้ามองเจ้าเอก ที่ยืนอยู่หลังหมอน้อย แล้ว มองลงมาที่หมอน้อยที่ ยังจ้องหน้า อยู่
" มือขวานาง ลูบหัว กระทิงสองตัว สีดํากับสีขาว ที่นอน พับเพียบ หมอบอยู่ "
หมอน้อยเบิกตา กว้าง แล้ว หมอน้อยลุกขึ้นยืน ในใจไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
" เอามือลูบหัว ควายเศก ... อาละเมอ เปล่าครับ ถ้าจริง ไม่มีภูติตนใด ต้าน ควายเศก ได้ แน่นอน"
" อาศักดิ์ ก้มหน้า เอามือดึงแขนหลานที่ยืน ให้นั่งลง
" ที่แปลกกว่านั้น นาง บอก ว่า ... นางจะมาอยู่รอ ท่านพี่ ของนาง อีก
สองวัน ท่านพี่จะมา ..นางจะดูแลเอง ตัวอาไม่ต้องกังวลใดใด
แล้วนางก็ยกมือไหว้อา ตอนนั้น อา ก็สะดุ้งตื่นเลย
แต่ กลิ่น นําหอม แปลกมาก ยังอบอวน อยู่ ตอนอาตื่น
อายังได้กลิ่นอยู่เลย เป็นกลิ่นเดียวกับ กลิ่นในสวนหลังบ้านหลาน ."
" แล้วตัวหลาน ก็โทรมาบอก อาว่าจะมาอยู่ ที่นี้ เมื่อสองวันก่อน"
อาศักดิ์มองหน้า หลาน รัก ด้วยความสงสัย "แล้วผู้หญิงที่ว่า สวยมากใช่ไหมครับ ท่านอา " เจ้าเอก นั่งลงที่ม้าหินข้างๆ ถามขึ้น อาศักดิ์ พยักหน้าแล้ว หันมาตอบ
" ใช่สวยมาก ทั้งผิวพรรณ เหมือนหลุดมาจาก นางในละครเลย " .
..... เจ้าเอกทําหน้าครุ่นคิด "คนที่ยืนลูบหัวควายธนูที่อาพูด ห่มสไบสีแดง
ส่วนอีกสองคนห่มสไบเขียว ใช่ไหมครับ ท่านอา"
อาศักดิ์หันมาจ้องหน้าเจ้าเอก " ใช้เลยวะ เจ้า รู้ได้ไง " อาศักดิ์ ตอบด้วยเสียงอันดัง
ขณะนั้นหมอน้อยนั่งเงียบ ในตาไม่กระพริบ คิดในใจ
.....ต้องหาความจริงให้ได้ ตัวของหมอน้อยในส่วนลึก
ก็รู้สึกได้ มันเป็นคําถาม ที่หมอน้อยเคยสงสัย มานาน .
.... เย็นคล้อย ใกล้ค่ำ หมอน้อยกับเจ้าเอก กลับมาถึงบ้านจาก ปะปาเขต
และ ไฟฟ้า
" กว่าจะทําเรืองขอใช้ไฟ กับประปา ข้าว่าข้าเขียนใบคําร้อง เกือบห้าสิบใบเลย แต่ก็ยังดี ที่เขาจะจัดคนมาด่วนในวันพรุ่งนี้"
หมอน้อย ยกกะเป๋าเป๋คู่ใจมาวาง เตรียมจะขับรถออกไปตลาด ที่ผ่านมา เห็นมีเครื่องใช้ไฟฟ้าขายที่ตลาด มีพัดลมขาย เอามาสัก สองตัว สําหรับเอก กับตัวของหมอน้อย ส่วน มุ่งเอามาจากบ้านเก่า แล้ว พอ สําหรับคนสองคน " หมอน้อยเดินลงบันได มีเจ้าเอกเดินตาม
"น้อย น้อย " เสียงดังมาจากบ้านอาศักดิ์ " ห้องน้ำท่าจะทํา เอาพ่อเพื่อนเจ้าทอง
ชื่อ ตาแดง แก คิดราคาไม่แพง เรียกง่าย ถ้า น้อย จะทําเดี่ยว
อาตามให้" อาศักดิ์แนะนํา
"ขอบคุณครับ ดีที่เดียว คงจะเปลี่ยนเป็นโถนั่ง กับ ทําประตูใหม่"
หมอน้อยยิ้มหลังจากกล่าวเสร็จ
" เดี่ยวไปตลาด ครับ ไปหาซี้อของ ครับ"
............. เกือบสาม ทุ่ม " กว่าจะเลี้ยวออก เดี่ยวนี้เป็นวันเวย กันหมด
บ้านเมือง เดี่ยวนี้ เปลี่ยนไปเยอะ "
หมอน้อยบ่นก่อนเอารถเข้าจอด ในบ้าน
" เจ้านายประตู รั้วก็ พัง ....สงสัย ล้อสนิมกิน"
เจ้าเอกบ่นไป พลัก รั้ว ที่ล้อเป็นสนิม จนประตูรั้วค่อยๆเลื่อนเข้าจนปิดเป็นที่เรียบร้อย
 " กว่าจะปิด กล้ามขึ้นแน่เลย"
หมอน้อย ยิ้ม" เดี่ยวมีตัง ข้าจะทําใหม่หมด เลย"
ทั้งสองหนุ่ม ขนของที่ซื้อมา เข้าไปในบ้าน ตอนนี้อาศัย ไฟจาก ไฟฉายแบบมีไฟฉุกเฉิน ช่วยให้สว่างพอมองเห็น
" เอกเอาพัดลม มา แกะกล่อง ไม่มีไฟ คงต้องรอพรุ่งนี้ ละ"
หมอน้อย กล่าวพลางแกะกล่องไปพลาง
" เห็นเอ็งซื้อ ขนม อะไรมา" หมอน้อยถามเจ้าเอก
" ว่าจะไหว้ เจ้าที่ ครับ เข้ามายังไม่ได้ไหว้เลย"
เจ้าเอก หยิบขนม ฝอยทอง ทองหยิบ จาก ถุงมาแกะดู หมอน้อย ยิ้ม
เจ้าเอก เอา ขนมที่ซื้อมา วางใส่จาน วางบน โต๊ะ เก่าเก่า ที่หลังครัว
" ท่านเจ้าที่ และแม่บ้าน ข้าไหว้ นะ ไม่ต้องมา กวนข้าเวลานอน นะ ท่านเจ้าที่"
เจ้าเอก พูดแล้วยกมือท่วมหัว "หมอน้อยนั่งหัวเราะ
" มีแต่เขาไหว้ตอนเช้า นี้ ดันมาไหว้เจ้าที่ตอนกลางคืน เดี่ยวเจ้าที่ก็มา
ขอบใจ ตอนนอนหรอก "
" ม้นอยู่ที่ใจครับนาย ถ้าคิดว่าเหมาะ ก็ทําเลย ครับ"
เจ้าเอก หันมายิ้ม ......... หมอน้อยนั่ง พิงฝาบ้าน มองไปทางถนน ทางเข้าบ้าน
หวนคิดถึงความหลังสมัยเด็ก เวลา นี้คงกินข้าว หรือนั่งดูทีวี กับพ่อกับแม่ ..คิดถึงแม่คราใด น้ำตาแทบจะไหลออกมา ทุกครั้งไป .ชายหนุ่มหลับตาก้มหน้า
.". แม่ อยู่ไหนครับ ทําไมแม่ทิ้งผมไป ผมคิดถึงแม่มาก .."
1
เจ้าเอก นั่งดูอยู่ ด้านหลัง และรู้โดย หัวใจว่าหมอน้อยนายของมันคิดอะไรอยู่
" เจ้านายเดี่ยวจุดยากันยุง ดีกว่า ยุงเยอะแถวนี้"
เจ้าเอกลุกขึ้นไปเตรียมยากันยุงที่ซื้อมา จุดไว้สองขด
ที่เจ้าเอกขด และที่หมอน้อย อีกขด หมอน้อยเอามือ ปาดน้ำตา
ก่อนหันมายิ้มและพูด " ขอบใจวะ เอก"
เจ้าเอกยิ้ม วางยากันยุงใกล้ๆกับที่หมอน้อยนั่ง
"เดี่ยวผมนอนก่อนครับ เจ้านายนอน ก็ปิดประตูด้วย"
เจ้าเอก ขยับตัว ลุก เสื่อสองพื้น ปูคนละมุมห้อง เจ้าเอกเลือกเอามุม ใกล้ประตู
ออกด้านหน้า หมอนสองใบที่ซี้อมาวันนี้ได้ใช้งาน เจ้าเอก มี แถมคือ
ต้องมีหมอนข้าง เวลานอน เพียงครู่เสียงกรนเบาเบา ก็เริ่ม
หมอน้อยเดินมาที่ประตูด้านหลังทาง ออกไปสวนหลังบ้าน ตอนนี้ ดงกล้วย
มันปกคลุมเขียว ไปหมด เดื่อนนี้เป็นเดือน ปลายข้างขึ้น
แสงจาก ท้องฟ้า สว่าง สลัว ทําให้ดูมืดครึ่มไปหมด ถ้าไม่ใช้หมอน้อยผู้ที่คร่ำหวอด กับจิตวิญญาน คงมองเห็นดงกล้วยที่มีใบกล้วย เคลื่อนไหวตามกระแสลมเป็นอย่างอื่นแน่นอน
หมอน้อยนั่งลง ตรงประตู หลับตา พักสายตา เอนหลังพิงขอบประตู ในท่านั่งขวางประตู คิดถึงเรื่องสัพเพเหระ ของตัวเอง ในวัน ที่ผ่านมา พลันความรู้สึก แปลก พุ้งเข้ามาในหัว เสียงลมพัด มาแรง ใบตองต้นกล้วยเอนลู่ลมไปมา
เหมือนฝนกําลังจะมา แต่เพียงแค่ครู่เดี่ยว ลมก็สงบนิ่งเหมื่อนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หมอน้อยลืมตา ขยับตัวนั่งหันหน้าออกไปยังหลังบ้านท่ามกลางความมืด มีแสงจันทร์สว่าง สลัว สลัว ปรากฏ เงาสองเงา ในลักษณะนั่งหมอบกราบอยู่ข้างหน้า
หมอน้อยเพ่งสายตา ..
ทั้งสองเป็นผู้หญิง นุ่งชุด แบบคนสมัยโบราณ นุ่ง ห่มสไบ หมอบอยู่ข้างหน้า
หมอน้อย เพ่งสายตา จิตสัมพัสได้ นางสองนางมิใช้คนแต่มีพลังชิวิตสูงในระดับ
รุกขเทวา หรือ เจ้าที่ แต่ไม่สูงมาก
นางทั้งสอง เงยหน้า แล้วนั่งตัวตรง จากสายตาที่มอง นางคนทางซ้ายมีผมสั้น มีหน้าออกแนว อ้วนถ้วม อายุราว ต้น ยี่สิบ ผิวขาว
แต่คนถัดมา มีผมยาว หน้าเรียวงาม อายุน่าจะมากกว่านางคนแรก
ถ้าแก่กว่าก็คงไม่เกินสอง หรือสามปี
นางทั้งสองหันหน้ามองกันแล้วยิ้ม หัวเราะเบาๆ
"เจ้าทั้งสอง เป็นวิญญานมาจากที่ใด ทําไมถึงมาอยู่ในขอบเขต บ้านข้าได้"
หมอน้อยพูด พร้อมกับมือซ้ายกําตะกรุด ที่ห้อยคอ
นางคนซ้ายที่มีหน้ากลมอ้วน ยิ้มแล้วตอบ
" ข้า เป็น จิตวิญญานอาศัยสืบทอดชิวิตในต้นกล้วย ในสวนนี้ละเจ้าคะ คนทั่วไปเรียกข้า ว่า นางตานี เจ้าคะ "
" ส่วนข้า เรียกขานทั่วไปว่านาง ตะเคียน เจ้าคะ
" นางคนที่สอง ตอบ พร้อมกับยิ้มปนหัวเราะ กับ นางที่เรียกตนว่านางตานี
หมอน้อยถามกลับ
" ดี ทีเดียวข้ามีเรื่องถามเจ้าอีกมาก เกี่ยวกับดงกล้วยกับต้นตะเคียน แต่
เจ้าทั้งสอง มองหน้าข้าแล้วหัวเราะ มันหมายความว่า อะไร" สองนาง หันหน้า เข้าหากันแล้วหัวเราะเบาเบา ก่อนนางตะเคียน จะตอบ
" นายท่าน หล่อ งามเหมือนที่แม่นางกล่าวเลยเจ้าคะ
" หมอน้อย ขมวดคิ้ว " แม่นาง ใครกัน นี้พวกเจ้ามีกันกี่คน กันแน่ที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ตอบมาเดี่ยวนี้นะ"
นางตะเคียน ตอบ" ปกติมีเราสองคน นี้ละเจ้าคะ ยกเว้น คืนจันทรเต็มดวง
แม่นาย ก็จะมา บ้าง เป็นบางครั้ง เจ้าคะ"
" นายท่าน เคยเจอเมื่อ สองวันก่อน ไงเจ้าคะ"
นางตะเคียน ยิ้ม หมอน้อย คิดถึงวันก่อนที่มาอาบน้ำ ทีตุ่ม เห็นเงา อยู่บน ระเบียงชั้นบน
"วันที่นายท่านอาบน้ำที่ข้างตุ่มไงละเจ้าคะ"
นางตานี พูดพร้อมก้มหน้า ยิ้ม
" ข้าทั้งสองต้องหลบไปอยู่ที่อื่น เพราะนายท่านไม่ให้ข้าทั้งสองดูเจ้าคะ"
นางตะเคียนชําเรือง ตามองมาที่หมอน้อย แล้วหันไปยิ้มกับนางตานี .
หมอน้อยเริ่มหน้าแดงเพราะคืนนั้น ท่านหมอ เล่นนุ่งลมออกมาอาบน้ำ
" เออ เข้าใจ ....ทั้งสอง เล่าเรื่องอื่น แล้วกัน"
หมอน้อยชวนเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากคุยเรื่องที่ แก้ผ้าอาบน้ำคืนนั้น
" เจ้ามาปรากฏตัว ให้ข้าเห็น เจ้าต้องการอะไร " หมอน้อยมองนางทั้งสอง
"มิได้นายท่าน ข้าทั้งสอง แค่มาแนะนําตัว เพราะข้าเป็นเสมือนบ่าวคนสนิด
ที่ติดตามนายหญิง มา นายหญิงปราถนา ให้นายท่าน มาอยู่ที่นี้นานมาแล้ว
จนเมื่อสองเดือนก่อน นายหญิงมั่นใจว่านายท่านมาแน่จึงมาเตรียมตัว โดยให้ข้าทั้งสอง มาในรูปจิตวิญญานที่อยู่ในภพภูมิ นี้ได้ เช่นสิ่งมีชิวิตทั่วไป"
ตอนนี้ตัวชายหนุ่มยังแปลกใจในคำกล่าวของทั้งสองสาว
"...สิ่งมีชิวิตทั่วไป...อย่างนั้นหรือ....เจ้าทั้งสองหมายถึง
ต้นไม้ หรือสัตว์บางชนิด " หมอน้อยตอบออกมาจาก ความรู้ของตัวเอง
สิ่งเหล่านี้ หมอน้อยให้ความสนใจอย่างมาก และมันก็เข้าประเด็น
ในเรื่องของสองสาว ที่นั่งข้างหน้า
..นางตานีและนางตะเคียน.. "แล้วทําไมต้องต้นกล้วย และตะเคียน" หมอน้อย ถามต่อ นางตานีหันมามองหน้านางตะเคียนและ ยิ้ม
" นางตะเคียน เอามือเสยผม แล้วมองหน้าหมอน้อย " ตามจริง จะเป็นต้นไม่อะไรก็ย่อมได้ แต่ที่มาของตะเคียนเพราะ เป็นต้นไม้ใหญ่อายุยืน มีรากยั่งลึก สามารถ เป็นที่พัก และ หล่อเลี้ยงจิตวิญญาน ของวิญญานตนนั้นได้ และที่สําคัญอีกอย่างคือความแข็งของเนื้อไม้ ที่แข็งแรงเปรียบ บ้านที่แข็งแรง เจ้าคะ "
นางตะเคียน พูดอธิบาย จนหมอน้อย ต้องพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
..
....หมอน้อยให้ความสนใจเกี่ยวกับเรือ่งชิวิตหลังความตาย
เคยมีคําถามมากมายอะไรคือแหล่งพลังงาน และวิญญาน
อยู่ได้อย่างไร ในสถานะที่ไม่มีตัวตน .มีแค่วิญญาน... . ชายหนุ่มมองมาที่สองสาว เป้นโอกาศดีที่ตัวของชายหนุ่มจะได้เรียนรู้ เรื่องเหนือธรรมชาติจาก นางทั้งสอง
นางตานีและนางตะเคียน ทั้งสองหันมายิ้มให้กันและกัน และ แอบชื่นชมในความสนใจ รายละเอียด ของหมอน้อย
 ************end*******
ตอนต่อไป บ้านหมอน้อยภาค2
โฆษณา