3 ธ.ค. 2021 เวลา 15:50 • ปรัชญา
ก่อนอื่นผมจะขออธิบายความหมายของคําว่า ความทุกข์ในมุมของศาสนาพุทธ ซึ่งตอนแรกผมก็เข้าใจความหมายในเชิงสามัญทั่วๆไปเช่นตามที่คนอื่นเข้าใจ เมื่อเราไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการก็เกิดทุกข์ เราสูญเสียอะไรไปก็ทุกข์ นั่นคือทุกข์ มีสาเหตุมาจากอะไรซักอย่าง ดังนั้นในอริยสัจ4 ตามคําสอนของพระพุทธเจ้า ควรจะเรียง สมุทัย ทุกข์ นิโรธ มรรค ไม่ใช่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ตามที่เราๆเข้าใจและเรียนมา
สมัยก่อน ผมก็เคยเห็นพระอาจารย์ ท่านหนึ่ง ก็เคยถามคําถามนี้เหมือนกัน ว่า ทําไมไม่เรียงแบบเอาสาเหตุขึ้นก่อน ทุกข์ ( สมุทัย ทุกข์ นิโรธ มรรค) ท่านบอกว่า พระพุทธเจ้าท่านตั้งใจเรียงแบบ
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค น่ะถูกแล้ว นั่นแสดงว่า ทุกข์มีมาก่อน สมุทัย ซึ่งดูแล้วขัดกับสามัญสํานึกและความเข้าใจของเรา ผมก็คิดเช่นกันว่าฟังดูเพี้ยน แต่เก็บความสงสัยไว้จน เมื่อมีอายุมากขึ้น ผมก็เริ่มมาสงสัยมากยิ่งขึ้น ทุกข์คืออะไรแน่ ? ทําไมเราต้องรู้ทุกข์ และทุกข์มีประโยชน์เช่นไร
พระพุทธเจ้า ท่านเคยกล่าวเรื่อง ไตรลักษณ์ ( อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ) ในนั้นมีคําว่าทุกข์ และกฎไตรลักษณ์ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง นั่นหมายความว่า ทุกสรรพสิ่ง ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป นั้นเป็นทุกข์ทั้งสิ้น ถ้าใช้ความเข้าใจทุกข์แบบพื้นๆ จะยิ่งงง และไม่เข้าใจ ทุกสิ่งบนโลกหรือในจักรวาล กําลังเป็นทุกข์อยู่หรือ และเป็นตลอดเวลาด้วย เป็นได้อย่างไร แล้วมีสมุทัยเป็นเช่นไร
ความเข้าใจเช่นนี้ เป็นอวิชชา อย่างหนึ่ง ซึ่งพระพุทธเจ้าท่าน มองเห็นทะลุปรุโปร่ง ความจริงที่ท่านกล่าวในกฏไตรลักษณ์ นั้นถูกต้อง ตรงเผ๋งเลย นั่นคือ ทุกข์คือ สภาพที่ทนไม่ได้ จนตัวมันย่อมเปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปเป็นอีกสภาพหนึ่ง มันไม่คงที่ ( วัตถุสิ่งของที่ไม่แปรสภาพหรือสามารถคงสภาพเดิมได้ไม่เกิดทุกข์ ซึ่งไม่มีอยู่จริงในโลกหรือจักรวาลใด) ทุกๆสิ่งในจักรวาล เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่คงที่ เปลี่ยนสภาพไปเรื่อยๆ ไม่สามารถควบคุมได้ จึงไม่มีตัวตนที่แน่นอนให้ยึดถือ เมื่อเราเข้าใจความหมายของทุกข์แล้ว จะเห็นว่า ตัวทุกข์ เช่น ก้อนหิน ดินทราย เมฆกลายเป็นฝน ไฟฟ้า แม่นํ้า ลําคลอง หรือ ก้อนหินแปรสภาพเป็นดิน ทุกวันถนนโล่งวันนี้รถติด เพื่อนรักกันอยู่ๆมาด่ากัน แม่ให้เงินมากผิดปรกติ ที่บรรยายมาเป็นตัวทุกข์ทั้งสิ้น ซึ่งตามสามัญสํานึกแล้วมันไม่ใช่เลย
เเล้วทําไมเราทุกข์กับตัวทุกข์บางตัว เราไม่ทุกข์กับตัวทุกข์บางตัว นั่นเป็นเพราะสมุทัย ตามหลังตัวทุกข์ตัวใด ตัวนั้นก็จะเป็นทุกข์สําหรับเรา อีกนัยหนึ่งก็คือเราให้ความสําคัญกับตัวทุกข์ ตัวใด ตัวนั้นก็เกิดสมุทัย ( ตามหลังทุกข์ ) จิตที่ให้ความสําคัญกับตัวทุกข์ ก็จะปรุงแต่งตัวทุกข์ให้เด่นชัด หรือปรุงแต่งสมุทัยขึ้นมา ดังนั้น ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เรียงถูกต้องดีแล้ว
ผู้ตั้งกระทู้ถามว่าแล้วข้อดีของ ทุกข์คืออะไร ถ้าตอบตามที่อธิบาย ข้อดีคือมีไว้ให้เรารู้ เพื่อที่จะละสมุทัย ก่อนที่จะใช้ยาแรงคือ นิโรธและมรรค เพื่อดับทุกข์ โดยนัยคือการดับสมุทัย เพราะตัวทุกข์ จริงๆซักวันมันก็จะดับไปเองตามธรรมชาติ แต่สมุทัยจะอยู่กับเราตลอดกาลซึ่งตัวสมุทัยนี่มันดับยาก เป็นเรื่องของจิตและเจตสิก มีตัวทุกข์ซ้อนอยู่ในตัวทุกข์อีกชั้น ซึ่งเราไม่มีวันมองเห็นตัวทุกข์ในจิตหลังเกิดสมุทัยขึ้นมาแล้ว นอกจากการทําวิปัสสนาที่จะเห็น ไตรลักษณ์หรือการเกิด ดับ ของตัวทุกข์ หรือเจตสิกที่ไม่ดีประกอบจิต
มีเกจิอาจารย์ ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า "รู้ทุกข์ ละสมุทัย นิโรธทําให้แจ้ง มรรคให้เจริญ"
โฆษณา