7 ธ.ค. 2021 เวลา 04:34 • การศึกษา
พัฒนาการตัวเรา ผ่านตัวหนังสือ
เหตุผลที่คุณควรจดบันทึกเรื่องราวในแต่ละวัน
การจดไดอารี่อาจจะดูเป็นงานอดิเรกที่ล้าสมัยไปแล้วในปัจจุบัน เพราะด้วยยุคสมัยที่เร่งรีบอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่จึงไม่ได้มีเวลาในการจดบันทึกเรื่องรางของตัวเองมากนัก แต่ด้วยเหตุการณ์โควิด-19 ก็ทำให้เรามีเวลากับตัวเราเพิ่มขึ้นมาสักหน่อย แต่ก็มาพร้อมกับความเครียดที่มากกว่าเดิม
ถ้างั้นจะดีกว่าไหม หากเราสามารถระบายความในใจออกไปได้ ไม่ใช่กับผู้อื่นแต่เป็นตัวเราเองนี่แหละ ด้วยวิธีการจดบันทึกในไดอารี่ราวกับว่า ตัวเราในไดอารี่กำลังเฝ้ามองการใช้ชีวิตตลอดทุกทุกวัน
แล้วทำไมถึงต้องเขียนไดอารี่?
เพราะการเขียนไดอารี่เป็นเสมือนพื้นที่ส่วนตัวให้สามารถเขียนเรื่องใดๆ ก็ได้ หลายครั้งที่เราได้เขียนไดอารี่เพียงเพื่อปลดปล่อยความรู้สึก ระบายความในใจออกไป รู้สึกอย่างไรกับตัวเราเองในตอนนี้ คิดอย่างไรกับคนรอบข้าง เราเป็นอย่างไรหลังผ่านเหตุการณ์นั้นในวันนี้ ราวกับว่ากำลังมีคนรับฟังมันอยู่หลังกระดาษที่เราเขียน
ไม่เพียงได้ระบายความในใจเท่านั้น แต่การเขียนไดอารี่ยังทำให้เราเห็นถึงพัฒนาการของตัวเองตลอดการจดไดอารี่ ในช่วงวัยเด็ก เราน่าจะเคยได้เจอกับเหล่าคุณครูที่มาอธิบาย และแนะนำเกี่ยวกับการจดไดอารี่กัน โดยมอบมันเป็นการบ้านให้กับตัวเราในวัยเด็ก แม้จะทำส่งๆ ไป แต่หากใครเขียนแบบจริงจังมาตั้งแต่ตอนนั้นพวกเขาก็จะเห็นถึงพัฒนาการของความคิด บุคลิก และการตัดสินใจของตัวเองได้อย่างชัดเจน
สิ่งเหล่านี้ คือประโยชน์ที่เราจะได้จากการจดไดอารี่ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เราจะได้มันมาภายในวัน สองวัน มันต้องการทั้งเวลาและการใส่ใจเพราะไดอารี่คือกระจกสะท้อนความคิด ความรู้สึกเรา คืออีกตัวตนที่เรากำลังค่อยๆ สร้างมันขึ้นมา
แต่แน่นอนว่า คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจดมันทุกๆ วัน หรือใช้เวลากับมันนานจนเกินไป ในบางครั้ง คุณอาจจะเขียนเฉพาะวันที่มีคุณค่า หรือช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของเราเพื่อให้จดจำมันไว้ได้ ทำให้การเขียนไดอารี่ไม่ใช่เรื่องยาก และจะง่ายยิ่งขึ้นหลังจากอ่านบทความนี้
เรามีเคล็ดลับมาแนะนำในการเขียนไดอารี่ให้กับทุกคน นั่นคือการแบ่งเขียนระหว่างช่วงเช้า และเย็น ในตอนเช้าหลังจากตื่นขึ้นให้หยิบไดอารี่มาเขียนสักหน้า และให้เขียนอะไรก็ได้ที่อยู่ในหัวทันทีหลังตื่นนอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เครียด การงาน สิ่งที่ต้องทำ หรือไอเดียอะไรก็ได้ที่เข้ามาในหัว เพื่อเป็นการวางแผนการใช้ชีวิตของเราในวันนี้ และจึงค่อยลุกออกไปใช้ชีวิต
เมื่อกลับมาจากการทำงาน กินข้าวเย็น อาบน้ำ พักผ่อน ทำกิจกรรมก่อนที่จเข้านอนให้เราหยิบไดอารี่เล่มเดิมมาเขียนต่อว่า ทำอะไรสำเร็จบ้างในวันนี้ คุยกับใครมา กินอะไรบ้าง เครียดเรื่องอะไร ความรู้สึกที่มีต่อวันนี้เป็นยังไง การที่เราแบ่งเวลาจดแบบนี้จะทำให้สามารถประมวลเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ง่าย นอกจากนี้ ยังเป็นการวางแผนการใช้ชีวิตในแต่ละวัน นอกจากจะเป็นเพียงแค่การเขียนระบายความในใจเฉยๆ อีกด้วย
อีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องเขียนในตอนเช้า เพราะว่าอารมณ์ในแต่ละช่วงเวลาของคนเรานั้นไม่เหมือนกัน การเขียนไดอารี่ในตอนเช้าหลังตื่นนอนโดยที่สมองเรายังไม่ได้รับข้อมูลหรือไอเดียใดๆ สิ่งที่เราเขียนใส่ลงไปจึงสดใหม่ และออกมาจากหัวใจเราจริงๆ
สิ่งสำคัญ คือการที่เราต้องซื่อสัตย์ และเป็นตัวของตัวเองในไดอารี่ให้มากที่สุด เพื่อให้ตัวเองรับรู้เสมอว่า นี่คือไดอารี่ของเรา เรื่องราวของเรา ความทุกข์ และความสุข ของเรา ยิ่งในสมัยนี้การเขียนไดอารี่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเขียนลงสมุดอย่างเดียวแล้ว เราอาจจะเขียนมันลงบนมือถือของเรา หรือคอมพิวเตอร์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน
และไม่ว่าคุณจะเขียนลงบนไหน หรือเขียนสั้นอย่างไรก็ไม่สำคัญ เพราะคุณค่าของมันก็ไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย คุณค่าที่แท้จริงมาจากเนื้อหาที่เราเขียนลงไปต่างหาก มันเป็นอีกตัวตนหนึ่งของเราที่ตกตะกอนทางความคิด ความรู้สึกมาเป็นเวลานาน คอยมอง และรับฟังความในใจของเราเสมอ เป็นบทเรียนสำคัญที่คอยบันทึกเรื่องราวในชีวิต และสามารถทำให้เรายิ้มได้ทุกๆ ครั้งที่เรากลับมาอ่านมัน
เรียบเรียงโดย Ditthawat Fuengkajornsak
Sources:
.
.
.
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
.
.
“Knowledge is the only way to success”
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามคอนเทนต์เพื่อพัฒนาตัวเองสู่ความสำเร็จจาก Future Trends ได้ที่
(อย่าลืมกด See First เพื่อไม่ให้พลาดคอนเทนต์ใหม่ในทุก ๆ วัน)
#FutureTrends #KnowledgeforSuccess
โฆษณา