[Wealthy Thai] หุ้นอะไรบ้างที่ใช้คริปโท ชำระค่าสินค้าและบริการ กระแสเหรียญคริปโทกำลังเป็นที่นิยมของสังคมอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีทั้งนักลงทุนหน้าใหม่และหน้าเก่าที่กระโดดเข้าไปร่วมวงเล่น บางรายถึงขั้นกู้เงินขอสินเชื่อส่วนบ

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

9 ธ.ค. 2021 เวลา 02:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ

หุ้นอะไรบ้างที่ใช้คริปโท ชำระค่าสินค้าและบริการ

กระแสเหรียญคริปโทกำลังเป็นที่นิยมของสังคมอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีทั้งนักลงทุนหน้าใหม่และหน้าเก่าที่กระโดดเข้าไปร่วมวงเล่น บางรายถึงขั้นกู้เงินขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อมาเทรดคริปโทเพื่อหวังว่าจะได้กำไรเป็นจำนวนมากเอามาโปะยอดวงเงินสินเชื่อที่กู้มาได้แบบทันควัน โดยที่อาจจะไม่ต้องจ่ายค่างวดเสียด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามตราบใดที่ตลาดคริปโทยังคงมีความผันผวน และกฎเกณฑ์ต่างๆจากผู้คุมกฎยังไม่ชัดเจนจึงอาจจะทำให้มีความเสี่ยงที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดได้

อย่างเช่นในกรณีที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ย้ำว่าไม่สนับสนุนการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ เนื่องจากราคาสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูง และยังมีความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล ซึ่งอาจทำให้ร้านค้า ผู้ประกอบธุรกิจรวมถึงประชาชนผู้ใช้บริการให้ได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไป หากมีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการในวงกว้างอย่างแพร่หลาย ความเสี่ยงข้างต้นอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบการชำระเงิน เสถียรภาพระบบการเงินของประเทศ และความเสียหายแก่สาธารณชนทั่วไปได้ ซึ่งเป็นมุมมองที่สอดคล้องกับผู้กำกับดูแลในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ และมาเลเซีย โดยที่ผ่านมา มีบางประเทศจำกัดการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในขอบเขตเพื่อการลงทุนเป็นหลัก เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม ขณะที่หลายประเทศอยู่ระหว่างการพิจารณาการกำกับดูแลที่เหมาะสม

โดยประเด็นดังกล่าวจะส่งผลต่อกลุ่มหุ้นที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศไว้ว่าสามารถนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทเหล่านี้ได้ เบื้องต้นจากการสำรวจข้อมูลมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่ให้ความสนใจที่จะทำธุรกิจนี้ทั้งในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเพื่อความบันเทิง

ได้แก่กลุ่มผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์อย่าง เช่น ORI ที่ประกาศว่าได้ร่วมกับบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ บิทคับ (Bitkub) ด้วยการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคสามารถซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมในเครือออริจิ้นทุกโครงการครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯและเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ผ่านสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)

เบื้องต้น จะรองรับการซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียม ผ่านเหรียญ 3 สกุลที่ได้รับความนิยมจากทั้งสายเทรดและสายฟาร์มและมีโอกาสเติบโตในอนาคต ได้แก่ อีเธอเรียม (Ethereum – ETH) เทเทอร์ (Tether USD – USDT) และบิทคอยน์ (Bitcoin – BTC) โดยผู้ซื้อสามารถชำระผ่าน Wallet จากบัญชี Bitkub

เช่นเดียวกัน ทาง ANAN ที่ก่อนหน้านี้ประกาศร่วมมือกับทาง "บิทคับ" พัฒนาช่องทางการชำระเงินโดยเป็นการนำสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency) มาใช้ชำระเงินสำหรับการซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าของอนันดาฯลูกค้าสามารถใช้เหรียญคริปโทฯ ชำระแทนเงินสดกับทุกโครงการของอนันดาฯ ผ่าน Wallet ของบิทคับ

รวมไปถึงลูกค้าของ MAJOR ที่มีสกุลเงินดิจิทัลสามารถนำมาแลกรับตั๋วหนัง โดยได้ร่วมกับทางซิปเม็กซ์ (ZIPMEX) แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย และแรพิดซ์ (RAPIDZ) ผู้ให้บริการระบบบริหารการรับแลกสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้เริ่มโครงการทดลองรับแลกตั๋วหนังด้วยสกุลเงินดิจิทัลรายแรกของไทย

ขณะที่ทางบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า กระแสการปรามการใช้ Crypto Currency จากธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกประกาศว่า “ธปท.ไม่สนับสนุนการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ เนื่องจาก 1.มีความผันผวนสูง 2.มีความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ และ3.อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน

ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นผลจากช่วงที่ผ่านมากระแสบริษัทต่างในบริษัทจดทะเบียน และนอกตลาดเริ่มทำการตลาด และ ยอมรับให้ใช้ Crypto Currency อาทิ Bitcoin Etheruem ในการชื้อสินค้าและบริการ เช่น Major รับเหรียญซื้อตั๋วหนัง หรือ BCP รับเหรียญในการแลกซื้อเครื่องดื่มร้าน Inthanin ฯลฯ

โดยประเมินว่าปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนในไทยประกอบธุรกิจเกี่ยวข้อง Crypto currency แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ ICO portal , รับชำระค่าสินค้าบริการ , ลงทุนใน Crypto currency และ ขุดเหรียญ Bitcoin Mining ดังรูป

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินว่าการประกาศจาก ธปท. ดังกล่าวข้างต้น จะ Impact หรือสร้าง Sentiment ลบต่อ บริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจประเภทที่ 1คือ ICO portal อาทิ KBANK, SCB, XPG, CGH ฯลฯ เนื่องจากอาจทำให้กระบวนการออกเหรียญ หรือ Token ในตลาดมีอุปสรรค ฯลฯ

ส่วนบริษัทประเภทที่ 2 คือ ผู้ที่รับเหรียญชำระค่าสินค้าบริการ อาทิ กลุ่มอสังหา SIRI ANAN ORI MJD กลุ่มสื่อ อาทิ MAJOR คาดไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากผู้บริโภคยังเป็นส่วนน้อยที่ใช้เหรียญในการซื้อขายสินค้าและบริการอย่างมีนัย ส่วนธุรกิจประเภทที่เข้าไปลงทุนโดยตรงในคริปโทโดยตรงเช่น BROOK และบริษัทที่เข้าไปลงทุนขุด BITCOIN อย่าง JTS

ติดตามอัพเดตความรู้ทางการเงิน-การลงทุนได้ที่

Facebook : Wealthy Thai

Website : www.wealthythai.com

Twitter : www.twitter.com/WealthyThai

YouTube : https://bit.ly/2GoS9Z4

LINE : http://nav.cx/hm9uy1i

Blockdit : https://www.blockdit.com/wealthythai

โฆษณา

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน