19 ธ.ค. 2021 เวลา 06:35 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Rick Guerin บุคคลที่วอร์เรน บัฟเฟตต์เคยยกย่อง วันนี้เขาหายไปไหน?
มีใครเคยรู้บ้างไหมว่าจริงๆแล้ววอร์เรน บัฟเฟตต์และชาร์ลี มังเกอร์มีสหายอีกท่านหนึ่งที่ชื่อ Rick Guerin ทั้งสามคนเคยช่วยกันบริหาร Berkshire Hathaway ในปี 1970 ร่วมกันซื้อกิจการอย่าง Blue Chip Stamps และ See’s Candies
นาย Rick ไม่ได้เรียนทางด้านธุรกิจโดยตรง เขาจบด้านคณิตศาสตร์จาก University of Southern California (USC) และเคยทำงานเป็นพนักงานขายที่ IBM เขาถูกชาร์ลี มังเกอร์ชวนให้มาทำงานด้วยร่วมกันกับวอร์เรน
ในช่วงที่ทำงานกับวอร์เรน Rick ก็ได้บริหารจัดการกองทุนของตัวเองที่ชื่อว่า Pacific Partners สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 22,200% ในช่วงปี 1965-1983 หรือปีละ 32.9% แบบทบต้น
ในช่วงที่บริหารจัดการกองทุน นาย Rick ได้มีโอกาสมาช่วยวอร์เรนในการซื้อกิจการอย่าง See’s Candies และ Blue Chip Stamps โดยเฉพาะ See’s Candies ที่ทั้งคู่ช่วยกันสัมภาษณ์นาย Chuck Huggins ในตำแหน่งซีอีโอ
แต่แล้วทำไมชื่อเขาถึงหายไป หลงเหลือแค่วอร์เรนกับชาร์ลี?
เรื่องมันเกิดขึ้นในช่วงปี 1973 ที่ผลตอบแทนกองทุนของ Rick ติดลบไป 42% และติดลบอีก 34% ในปี 1974 ลดลงไปเกือบ 65% ในสองปี เนื่องจากช่วงนั้นตลาดปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ดัชนี S&P 500 ลดลงไปกว่า 37%
แต่สิ่งที่เลวร้ายสุดๆของนาย Rick ก็คือการที่เขาใช้ Margin Loans หรือกู้เงินมาลงทุนเพื่อเร่งผลตอบแทนให้ได้สูงๆ
Margin Loans คือการที่เรายืมเงินโบรกเกอร์เพื่อมาลงทุนในช่วงระยะเวลาที่กำหนด โดยจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ย ในช่วงตลาดขาขึ้น กำไรจะมีอัตราเร่งหรือ Gearing แบบสุดยอด
1
ยกตัวอย่างเช่น เรามีเงินจริงแค่ 1 ล้านบาท ถ้าทำได้ 50% ในปีนั้น เราก็จะได้ 5 แสนบาท แต่ถ้าเราใช้การกู้มาอีก 5 แสนบาท รวมเงินลงทุนเป็น 1.5 ล้านบาท ผลตอบแทนจะกระโดดขึ้นไปเป็น 7.5 แสนบาท
แต่ในช่วงที่ตลาดไม่เป็นใจปรับลงอย่างหนักอย่างที่ใน Rick เจอในปี 1973-1974 พอหุ้นลงหนักๆ เขาถูกโบรกบังคับให้ขายหุ้น (Forced sells) ทั้งที่ยังขาดทุนอยู่ เสียหายอย่างหนัก
ที่น่าเสียดายสุดๆสำหรับนาย Rick คือในช่วงที่โดนบังคับขายหุ้น เขาได้ขายหุ้น Berkshire Hathaway ที่ราคา $40 ให้กับวอร์เรน ถ้าเขาถือต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ เงินจะเพิ่มขึ้นถึง 10,000 เท่าเลยทีเดียว
วอร์เรนพูดเลยว่า เขายกย่องให้นาย Rick เป็น Super investor เก่งพอๆกับเขากับชาร์ลี แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือทั้งวอร์เรนแล้วชาร์ลีต่างมีความเชื่อมั่นว่าทั้งคู่จะร่ำรวยในอนาคต จึงไม่ได้รีบร้อนลงทุน ค่อยๆสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอในระยะเวลาหลายสิบปี แล้วค่อยประสบความสำเร็จ
1
ซึ่งไม่เหมือนกับนาย Rick ที่พยายามเร่งเครื่องให้ได้ผลตอบแทนเยอะๆในระยะเวลาสั้นๆด้วยการกู้มาลงทุน จึงทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก
สุดท้ายนาย Rick ไม่ได้หายไปไหน หลังจากที่เขาเสียหายอย่างหนักเขาก็ยังบริหารจัดการกองทุนต่อไปโดยในช่วงปีแรกๆก็ยังสร้างผลตอบแทนได้ดี แต่วอร์เรนกับชาร์ลีขาดความเชื่อมั่นในตัวเขา Rick เลยไม่ได้บริหาร Berkshire อีกต่อไป
เรื่องนี้สอนให้นักลงทุนรู้ว่าการจะประสบความสำเร็จในการลงทุน เราอาจจะไม่ต้องรีบร้อน สร้างผลตอบแทนได้ปีละ 50-100% ทุกๆปี เพราะบางครั้งความโลภของเราจะนำไปสู่หายนะ ไม่ว่าจะกล้าเสี่ยงเกินไปลงทุนในหุ้นตัวเดียวทั้งพอร์ตแบบ All In หรือการกู้มาลงทุนเพื่อเร่งผลตอบแทน
อย่างที่วอร์เรนสอนพวกเราตลอดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการลงทุนคือการบริหารจัดการพอร์ตไม่ให้ขาดทุน ผมคิดว่าเป็นประโยคที่คลาสสิคมาก แนะนำให้นักลงทุนทุกคนตระหนักถึงคำสอนนี้ในทุกๆครั้งที่เราเลือกซื้อหุ้น
ขอทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ผมชอบของคุณปู่วอร์เรนครับ
“Even a slightly above-average investor who spends less than they earn, over a lifetime, you cannot help but get rich if you are patient.”
แม้ว่าคุณจะสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของนักลงทุนทั่วๆไปเล็กน้อย แต่ถ้าคุณใช้เงินน้อยกว่าที่หามาได้ รู้จักอดออม ในช่วงชีวิต คุณจะร่ำรวยแน่นอนถ้ามีความอดทน
#ผมทำกลุ่มปิดใน Facebook สำหรับการลงทุนหุ้นอเมริกาและจีนโดยมีค่าสมาชิกรายปีอยู่ที่ 2,999 บาทต่อคน
สมัครเข้าร่วมกันได้ที่ www.billionairevi.com/registration
โดยค่าสมาชิกจะถูกนำไปซื้อบทวิเคราะห์จากต่างประเทศในเวปชื่อดัง เช่น SeekingAlpha, The Motley Fool, Morningstar รวมทั้งข่าวจาก CNBC, Bloomberg, Businessinsider, The Economist รวมทั้งหาคนมาช่วยเขียนบทความครอบคลุมตลาดจีนมากขึ้น
โฆษณา