23 ธ.ค. 2021 เวลา 11:37 • หนังสือ
“หนังสือที่ควรค่าแก่การอ่านสักครั้งหนึ่งในชีวิต”
___________________________________
วันหนึ่งในปี ค.ศ. 1965 ขณะที่ Gabriel Garcia Marguez กำลังขับรถพาภรรยาไปเที่ยวที่เมือง Acapulco
...แต่ขับอยู่ดี ๆ เขาก็หันหัวรถกลับ และฝากฝังกับภรรยาของเขาให้ดูเเลเรื่องการเงินของครอบครัวในอีกหลายเดือนข้างหน้า แล้วขับรถพุ่งตรงกลับบ้าน !! ...เพราะอยู่ดีดีเขาก็คิดประโยคเปิดของหนังสือเล่มใหม่ของเขาออก เป็นประโยคที่แล่นเข้ามาในหัวของเขาอย่างกระทันหัน
1
...ประโยคเปิดเรื่องที่เป็นประโยคคลาสสิคตลอดกาล !!
“หลายปีต่อมา ขณะประจันหน้ากับหมู่ทหารยิงเป้า พันเอกเอาเรเลียโน บวนเดีย อดไม่ได้ที่จะหวนรำลึกถึงยามบ่ายเมื่อครั้งกระโน้นตอนที่พ่อพาเขาไปรู้จักน้ำแข็ง”
...สิบเเปดเดือนต่อมา คำเหล่านั้นปรากฏอยู่ในหนังสือ “หนึ่งร้อยปีเเห่งความโดดเดี่ยว” นิยายที่ส่งให้วรรณกรรมลาตินอเมริกา ขึ้นสู่เเนวหน้าจินตนาการระดับโลก ทำให้ Gabriel Garcia Marguez ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ปี 1982
ที่สำคัญ... “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” พิมพ์นี้... เป็นพิมพ์แรกที่ถูกถ่ายทอดโดยตรงจากภาษาสเปนสู่ภาษาไทยอย่างเป็นทางการ !!
___________________________________
อะไรทำให้ “หนึ่งร้อยปีเเห่งความโดดเดี่ยว” เป็นที่น่าจดจำ ? สิ่งนั้นคือการบันทึกเหตุการณ์ทั้งดีเเละร้าย ของครอบครัวบวนเดียตลอดเจ็ดรุ่นด้วยคำบรรยายที่เต็มไปด้วยอรรถรสเเละรายละเอียดตัวละครต่าง ๆ มากมาย เเละการเล่าเรื่องที่ยุ่งเหยิง ด้วยเรื่องราวความรักสุดเข้มข้น สงครามกลางเมือง กลอุบายทางการเมือง ...สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้อาจทำให้หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือที่อ่านง่ายนัก เเต่พูดได้เต็มปากว่าเป็นหนังสือที่คุ้มค่าที่จะอ่าน
เรื่องราวอลหม่านของครอบครัวบวนเดีย นับตั้งแต่รุ่นแรกของตระกูลบวนเดียที่มาตั้งรกรากและสร้างเมืองมาก็อนโด กับการรุกคืบของกาลเวลา กับชีวิตของผู้คนในตระกูลบวนเดียที่ผ่านไปถึง 7 รุ่น ...ผ่านจุดรุ่งเรืองของเมือง ไปจนถึงจุดที่เริ่มตกต่ำและเสื่อมสลายของเมืองมาก็อนโด 🏘
1
...ปริศนาครอบครัวพิสดารที่บันทึกเรื่องราวเจิดจรัสของจินตนาการและความมีชีวิตชีวาแห่งดินแดนแคริบเบียน ผสานกับประวัติศาสตร์โหดร้ายของสงครามกลางเมืองและการสังหารหมู่ ความรุ่งเรืองและเสื่อมโทรม ที่ซึ่งปาฏิหาริย์และความเป็นจริงมาบรรจบกัน ด้วยพลังชีวิตและการทึ้งทำลายที่สอดประสานกันในห้วงเวลาหนึ่งร้อยปี
หนังสือเล่มนี้จะฉายภาพ “ชีวิตของตัวละคร” กับ “ชีวิตของเมืองมาก็อนโด” ที่จะดำเนินไปพร้อม ๆ กัน
…อีกประการคือหนังสือเล่มเป็นตัวอย่างที่รู้จักกันดีของวรรณกรรมประเภทที่เรียกว่า “Magical Realism” ...ซึ่งในห้วงเวลาที่หนังสือเล่มนี้ถูกประพันธ์ขึ้นมาในปี 1967 ที่บัวโนสไอเรสนั้น เเทบจะยังไม่มีใครรู้จักกับวรรณกรรมสไตล์นี้เสียด้วยซ้ำ
เหตุการณ์เเละความสามารถเหนือธรรมชาติต่าง ๆ ถูกอธิบายในลักษณะที่สมจริงเเละเป็นเหตุเป็นผล เเละปกติสามัญ เส้นเเบ่งระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องเหนือจริงค่อย ๆ พร่าเลือน ...นี่คือการดำเนินเรื่องแบบ Magical Realism ในเรื่อง “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” นี้ ...ผ่านนายช่างสุดโรเเมนติกผู้มีผีเสื้อสีเหลืองบินตามไม่เคยห่าง หญิงสาวจู่ ๆ ก็ลอยตัวเเละบินขึ้นฟ้าไป
ปรากฏการณ์เหนือจริงในหมู่บ้านสมมติเเห่งมาค็อนโด ผสานไปอย่างเเนบเนียนกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศโคลัมเบียซึ้งมีอยู่จริง ...ตอนต้น ถิ่นอาศัยนั้นเป็นดินเเดนโดดเดี่ยวพิศวง เเล้วมันก็ค่อย ๆ เปิดสู่โลกภายนอก เผชิญกับภัยพิบัติมากมายหลายครั้ง หลายปีผ่านไป เเม้ว่าตัวละครหลายตัวเเละตายจากไป เเต่พวกเขาก็กลับมาในรูปแบบของวิญญาณ หรือกลับชาติมาเกิดเป็นคนรุ่นถัดไป
 
...เรื่องราวในตระกูลที่พร้อมจะประเคนทุกรสชาติให้กับใครก็ตามที่เปิดอ่าน
...แม้เรื่องราวจะดำเนินต่อไปรุ่นเเล้วรุ่นเล่า เเต่เวลานั้นกลับดำเนินเป็นวัฎจักร ตัวละครมากมายมีชื่อเเละลักษณะที่คล้าย ๆ กับชาติก่อน ๆ ของพวกเขา เเล้วก็มักจะทำเรื่องผิดพลาดซ้ำ ๆ
...เเละสุดท้ายเมืองมาค็อนโดก็ค่อย ๆ เสื่อมไปตามกาลเวลา
___________________________________
Gabriel Garcia Marguez เติบโตท่ามกลางครวามขัดเเย้งในสังคมโคลัมเบีย ระหว่างพรรคอนุรักษ์นิยมเเละพรรคเสรีนิยม เขายังเคยใช้ชีวิตช่างเผด็จการในเม็กซิโก รวมถึงช่วงรัฐประหารเวเนซูเอล่าในปี 1958 ในฐานะนักข่าวด้วย เเต่สิ่งที่มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุดอาจเป็นคุณตาคุณยาย นิโคลาส ริดาโด มาร์เกซ ที่เป็นทหารผ่านศึกในสงครามพันวัน ผู้ทำหน้าที่เป็นกบฏต่อต้านรัฐบาลอนุรักษ์นิยมของโคลัมเบีย ทำให้ Gabriel Garcia Marguez มีทัศนคติเเนวสังคมนิยม ในขณะที่การเชื่อในโชคลางทุกรูปแบบของหมู่บ้านที่เขาเคยอาศัยตอนเด็ก ก่อร่างเป็นแรงบันดาลใจของเมืองมาค็อนโด
สิ่งเหล่านี้ทำให้ Gabriel Garcia Marguez ค้นพบวิธีอันเป็นเอกลักษณ์ในการนำเสนอประวัติศาสตร์ลาติรอเมริกาอันโดดเด่น เขาสามารถบรรยายความเป็นจริงเเปลก ๆ ของชีวิตในสังคมยุคหลังอาณานิคม ที่ชนชั้นปกครองหากินกับความเขลาของคนที่โง่กว่า ไม่ว่าจะเป็นสงครามพันวันหรือการสังหารหมู่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการปลูกกล้วยล้วนเคยเกิดขึ้นจริง
...ถึงจะดำเนินไปเเบบสุดเเต่ชะตาฟ้าลิขิต เเต่นิยายเรื่องนี้ยังคงกุมความหวังเอาไว้
ณ งานรับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม Gabriel Garcia Marguez บรรยายถึงประวัติศาสตร์ลาตินอเมริกาอันยาวนาน ที่ถึงจะเต็มไปด้วยการเเก่งเเย่งกันในสังคมเเละความอยุติธรรมอย่างรุนเเรง เขาก็ยังสรุปการบรรยายด้วยความมั่นใจ ถึงความเป็นไปได้ในการสร้างโลกที่ดีกว่านี้
…โลกที่ไม่มีใครเป็นผู้ตัดสินว่าผู้อื่นต้องจบชีวิตลงอย่างไร โลกที่ความรักจะถูกพิสูจน์ว่าจริงเเท้ เเละความสุขเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ โลกที่ทุกชนชาติที่ต้องอาญาเเห่งหนึ่งร้อยปีเเห่งความโดดเดี่ยว จะมีโอกาสอีกครั้งบนโลกใบนี้ ในที่สุดเเละตลอดไป
___________________________________
เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหมุดหมายของนักอ่านทั่วโลกหลายต่อหลายคน เป็นนวนิยายสำคัญที่เป็นแม่แบบของงานเขียนแนว Magical Realism ที่ยืนยงเหนือกาลเวลาและเป็นที่รักของนักอ่านทั่วโลก เป็นหนึ่งในหนังสือแนะนำจาก Oprah Winfrey ส่วนผู้เขียนก็ไม่ธรรมดา ตอนที่ Marguez เสียชีวิต Barack Obama ถึงกับกล่าวไว้อาลัย
เป็นหนังสือที่ควรค่าแก่การอ่านสักครั้งหนึ่งในชีวิต ผลงานที่แปลไทยแล้วของ Marguez ยังมีอีกสองเล่มคือ รักเมื่อคราวห่าลง (El amor en los tiempos del cólera) และ ว่าด้วยความรักและบรรดาปีศาจ (Del amor y otros demonios) ใครอยากลองลิ้มรสวรรณกรรมจากลุงมาร์เกซก็ไปตำได้ครัช เชียร์เต็มกำลัง ✌️
1
โฆษณา