4 ม.ค. 2022 เวลา 04:15 • คริปโทเคอร์เรนซี
NFT Book หนทางสร้างรายได้ของนักเขียน ที่กำลังจะมาแทนที่ e-book ในอนาคตอันใกล้
ปัจจุบันผู้ที่ทำงานด้านงานเขียนนอกจากงานรับจ้างเขียนหรือการเขียนลงบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้ว การผลิตงานเขียนของตนเองออกมาในรูปแบบ e-book เพื่อจำหน่ายก็เป็นช่องทางสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่งที่นิยมทำกัน
แม้ว่าการทำ e-book จะยังคงเป็นตัวทำเงินที่น้อยกว่าการขายงานแบบเป็นรูปเล่มอยู่มาก แต่ยังไงนักเขียนก็ยังคงต้องทำเพราะมีทางเลือกในการสร้างรายได้อยู่เพียงไม่กี่ทาง
ข่าวดีก็คือ เทคโนโลยีบล๊อคเชนที่ถูกใช้ในการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอเรนซี่ กำลังจะช่วยให้นักเขียนมีช่องทางสร้างรายได้ที่มากขึ้น ด้วยการขายหนังสือในรูปแบบ NFT book
ก่อนหน้านี้น่าจะเคยได้ยินคำว่า NFT กันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ
NFT หรือ Non-Fungible Token คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกนำมาซื้อขายกันผ่านระบบบล๊อคเชนแบบเดียวกับคริปโตเคอเรนซี่หรือเงินดิจิทัลพวกบิทคอยด์นั่นเอง
เพียงแต่ NFT จะนิยมนำมาใช้ในการซื้อขายสินทรัพย์อื่นที่ไม่ใช่สกุลเงิน เช่น งานศิลปะ เพลง เกม มีมต่าง ๆ หรือแม้แต่หนังสือหรืองานเขียน
ในส่วนของ NFT งานศิลปะหรือ Crypto Art คืออะไร ? ผมใส่ลิ้งค์บทความเก่าที่เคยเขียนไว้แล้วด้านล่างนี้ 👇สามารถกดเข้าไปอ่านได้เลยนะครับ
ในส่วนของวันนี้จะมาพูดถึงเฉพาะ NFT งานเขียนเช่นหนังสือ นิยาย เรื่องสั้นหรือบทความ
สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจก็คือความแตกต่างระหว่าง NFT book กับ e-book
อย่างที่บอกตอนต้นว่าปัจจุบันนักเขียนสามารถหารายได้จากการขายหนังสือผ่าน e-book ซึ่งก็จะมีรายได้มาจากเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากยอดขายผ่านเว็บไซด์หรือแอปพลิเคชั่นคนกลางที่เป็น e-book ต่าง ๆ
โดยผู้ซื้อ e-book จะได้สิทธิ์เพียงการอ่านหนังสือหรืองานเขียนชิ้นนั้น จนกว่าสัญญาระหว่างนักเขียนกับคนกลางจะหมดลง ผู้ซื้อไม่ได้สิทธิ์การเป็นเจ้าของหนังสือแต่อย่างใด
แต่สำหรับ NFT book นั้นต่างออกไป เพราะการขาย NFT book คือการขายสิทธิ์การเป็นเจ้าของหนังสือนั้น ผ่านระบบการรับรองด้วยเทคโนโลยีบล๊อคเชน
ผู้ซื้อจะได้สิทธิ์การเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนั้นในรูปแบบดิจิทัลไปเลย
ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจนิดนึงว่า สิทธิ์การเป็นเจ้าของหนังสือ มิได้หมายถึงการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของหนังสือนะครับ..
อ้าว...ถ้าผู้ซื้อไม่ได้ลิขสิทธิ์แล้วได้อะไร?
สิ่งที่ผู้ซื้อจะได้ไป ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของหนังสือเขาจะขายอะไร
เช่น คนขาย ขายหนังสือที่ตีพิมพ์ 100 เล่มแรก คนซื้อแต่ละคนก็จะได้สิทธิ์รับรองการเป็นเจ้าของหนังสือ(ดิจิทัล)เล่มที่ 1,2,3...4 เรียงไปจนครบ 100 เล่ม
หรือหากเจ้าของหนังสือขายสิทธิ์การเป็นเจ้าของตอนจบแบบพิเศษที่ไม่เหมือนหนังสือเรื่องเดียวกันเล่มอื่น คนซื้อก็จะได้สิทธิ์รับรองการเป็นเจ้าของหนังสือเล่มเดียวที่มีตอนจบไม่เหมือนใครในโลก
หรือแม้แต่ คนขาย ขายหนังสือแบบทีละหน้า สมมติว่าคุณเป็นคนซื้อ คุณซื้อหน้าที่ 29 ไป คุณก็จะได้สิทธิ์การเป็นเจ้าของหน้าที่ 29 คนเดียวในโลกไปครอง
แต่อย่างที่บอกว่า นี่ไม่ใช่การซื้อลิขสิทธิ์ หมายความว่านักเขียนเจ้าของหนังสือยังสามารถขายในแบบรูปเล่มหรือ e-book ให้คนอื่นได้อีก
ถามว่าแล้วคนซื้อจะซื้อไปทำไม?
การซื้อขายหนังสือ NFT book ก็เหมือนกับการซื้อขาย NFT งานศิลปะ มันมีความหมายไปในทางของการสะสมที่อาจสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคตได้ เมื่อมันกลายเป็นของที่หายากหรือมีชื่อเสียงขึ้นมา
ปัจจุบันการซื้อขาย NFT book จะนิยมซื้อขายกันด้วยเงินดิจิทัลสกุล
ETH หรือ อีเธอเรียม
3
โดยนักเขียนที่ต้องการนำผลงานไปขายในรูปแบบ NFT book ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า Gas fee หรือค่าแก๊ส ซึ่งเป็นศัพท์ในวงการที่หมายถึงการแปลงงานเขียนให้เป็นไฟล์ดิจิทัลที่สามารถซื้อขายแบบ NFT book ผ่านระบบบล๊อคเชนได้
1
ซึ่งก็ต้องบอกว่า มันคือค่าใช้จ่ายที่นักเขียนต้องจ่าย และที่สำคัญมันก็ไม่มีเรตตายตัว เพราะมันขึ้นลงตามตลาดเงินดิจิทัลและจำนวนดีมานด์ ซัพพลายการซื้อขาย ที่จำเป็นต้องใช้พลังงานในระบบจำนวนมหาศาล เขาจึงเรียกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ว่าค่าแก๊ส
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักเขียนอีกอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อคุณนำผลงานไปขายเป็น NFT book แล้ว คุณสามารถตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น คุณขอส่วนแบ่ง 10% ทุกครั้งที่ผู้ซื้อ นำ NFT นั้นไปขายต่อ นั่นเท่ากับว่า หากงานเขียนชิ้นนั้นกลายเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงหรือหายากจนมีการซื้อขายต่อกันไปเรื่อย ๆ ในราคาที่สูงขึ้น นักเขียนผู้เป็นเจ้าของผลงานก็จะมีรายได้ต่อไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด
นักเขียนหรือนักอยากเขียนหลายคนอ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะมีความงุนงงบ้าง ไม่เป็นไรครับ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจไป เดี๋ยวก็เข้าใจเอง
1
แต่ที่แน่ ๆ วันหนึ่ง NFT book อาจสร้างรายได้ให้คุณแบบที่คุณคาดไม่ถึงในอนาคตก็เป็นได้ ถ้างานของคุณมีคุณภาพจริง ๆ
ติดตามอ่านบทความได้ที่
โฆษณา