เมื่อเดือนพฤจิกายนปลายปีที่ผ่านมา Hybe ต้นสังกัดศิลปินบอยแบนด์เกาหลีใต้ BTS
ได้ออกมาประกาศว่าจะมี NFT ในนามวง BTS ภายในต้นปี 2022 นี้
โดยทาง Hybe ได้ร่วมมือกับบริษัท Dunamu บริษัทเทรดคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้
ซึ่งจะทำออกมาเป็นโฟโต้การ์ดของศิลปินวง BTS ในรูปแบบ NFT ตัวชิ้นงานแต่ละตัวจะระบุโค้ดของการ์ดดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน มีมูลค่าน่าสะสม มีการคาดการณ์ว่าทันทีที่ทำออกขายการ์ดน่าจะขายหมดและหายากทำให้ราคาน่าจะพุ่งขึ้นไปสูงแน่ ๆ
ทันทีที่ข่าวนี้ถูกประกาศออกมาก็มีแฟนคลับ BTS หลายรายออกมาต่อต้าน โดยให้ความเห็นว่าวง BTS มีจุดยืนในเรื่องการเคลื่อนไหวเพื่อสภาพภูมิอากาศของโลกมาโดยตลอด และยังเคยไปร่วมปรากฏตัวในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปี 2018 มาด้วย
การที่ทางค่ายจะเอาวง BTS มาออกสินค้าเป็น NFT ที่สิ้นเปลืองพลังงานในการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลจึงเป็นเรื่องขัดกับอุดมการณ์ของวงที่เคยมีมา จนเกินแฮชแท็กว่า #BoycottHybeNFT และ #ARMYsAgainstNFT
ล่าสุดทางด้าน John Kim ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจในโครงการร่วมมือของ Hype และ Dunamu ได้บอกกับนักข่าว Wall Street Journal ว่า NFT มันมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาก ๆ ค่า Carbon footprint ของมันแทบไม่มีนัยสำคัญ ทางเราเชื่อว่า NFT มีศักยภาพในการขยายธุรกิจและสามารถมอบประสอบการณ์และโอกาสในแสดงออกที่หลากหลายให้กับแฟน ๆ ได้มากยิ่งขึ้น จึงเป็นเรื่องดีที่จะทำ NFT ออกมา
การตัดสินใจของทางค่ายในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ด้วยเพราะสินค้าวง BTS สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทสูงถึง 200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2564 ที่ผ่านมา หาก NFT ของทางวง BTS ออกมาวางขายจริง ๆ เหล่าแฟนคลับนับล้านคนทั่วโลกจะมีรีแอคชั่นกับมันยังไง เพราะหากการซื้อขาย NFT ใช้ Ethereum ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบเป็น Proof of work มันก็ยังมีการใช้พลังงานที่มากอยู่ดี นอกจากทางค่ายจะเลือกใช้การทำธุรกรรมกับเหรียญที่มีระบบตรวจสอบเป็น Proof of stake ที่ใช้พลังงานน้อยกว่า
ต้องติดตามในตอนท้ายสุดว่าจะเป็นเช่นไรกันครับ
หากคุณอ่านแล้วชื่นชอบบทความกรุณาฝากกดไลก์ กดแชร์ กดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
และหากใครอยากติดตามอ่านบทความอื่น ๆ สามารถกดเข้าไปติดตามผลงานได้ที่เพจ
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
