7 ม.ค. 2022 เวลา 12:31 • ข่าวรอบโลก
"I will allow no one to place a dagger at the heart of our democracy."
ผมจะไม่อนุญาติให้ใครเอามีดมาแทงหัวใจของประชาธิปไตยของเราได้
นี่คือคำพูดของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อวานนี้ ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันครบรอบหนึ่งปีเหตุการณ์จลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ
สุนทรพจน์ครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในสุนทรพจน์ที่น่าสนใจที่สุดของไบเดนตั้งแต่ขึ้นดำรงค์ตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว โดยมีข้อสังเกตที่น่าสนใจอยู่สองประการ
หนึ่ง สุนทรพจน์ครั้งนี้เป็นการโจมตีอดีตประธานาธิบดีทรัมป์อย่างชัดเจน
ตลอดช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ไบเดนได้หลีกเลี่ยงการพูดถึงทรัมป์อย่างชัดเจน ถึงขั้นที่ไม่ต้องการแม้แต่จะเอ่ยชื่อ เมื่อนักข่าวถามถึง เขาก็เรียกทรัมป์ว่า "The former guy" (ชายคนก่อน)
ในสุนทรพจน์ครั้งนี้ ไบเดนก็ไม่ได้เอ่ยชื่อทรัมป์เช่นกัน แต่ก็ได้โจมตีทรัมป์อย่างชัดเจนว่า เป็นอดีตประธานาธิบดีผู้แพ้เลือกตั้ง (อีโก้ทรัมป์จะรับคำพูดนี้ได้ไหม?) ที่ไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง และได้สร้างใยแมงมุมของการโกหกขึ้นเพื่อพยายามรักษาไว้ซึ่งอำนาจของตน นอกจากนั้นแล้ว ไบเดนก็ได้โต้แย้งข้อครหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งในปี 2563 ที่ทรัมป์กล่าวหลายประเด็น
มีน้อยครั้งนักที่ประธานาธิบดีอเมริกาจะพูดถึงอดีตประธานาธิบดีด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเช่นนี้ และเป็นอารมณ์ที่แตกต่างไปมากจากสุนทรพจน์เมื่อไบเดนขึ้นดำรงค์ตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ปีที่แล้ว ซึ่งไบเดนได้เน้นเรื่องความสามัคคีแทน
ไบเดนคงได้วิเคราะห์แล้วว่า การทำเป็นว่าทรัมป์ไม่มีตัวตนเป็นยุทธศาสตร์ที่ไม่อาจดำเนินต่อไปได้ โดยเฉพาะถ้าทรัมป์ยังมีบทบาททางการเมืองที่สำคัญในพรรครีพลับลิกัน และผู้ที่ยังศรัทธาในตัวทรัมป์ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมรับความชอบธรรมของไบเดนเช่นกัน
เมื่อบทนางงามมิตรภาพไม่ได้ผล ก็ถึงเวลาต้องเล่นไม้หนัก
สอง สุนทรพจน์ของไบเดนเป็นความพยายามที่จะ "รีเซ็ต" หลังจากครึ่งหลังของปี 2021 ที่เขาบอบช้ำมาก
การพูดของไบเดนมักจะมีความเฉื่อย ๆ ไม่เร้าใจ แต่สุนทรพจน์ครั้งนี้มีความหนักแน่น เร้าใจและทรงพลัง จนนักวิเคราะห์หลาย ๆ คนถามว่า ทำไมไบเดนไม่พูดด้วยสไตล์นี้บ่อย ๆ
หากจะตอบแบบง่าย ๆ ก็คงตอบว่า ไบเดนเป็นผู้ที่เคารพรักในสถาบันประชาธิปไตยของอเมริกาอยู่แล้ว ประเด็นนี้จึงเป็นประเด็นที่เขารู้สึก "ของขึ้น" เป็นพิเศษ
แต่อีกมุมมองหนึ่งก็คือ สุนทรพจน์ของไบเดนครั้งนี้ เป็นเสมือนการย้อนกลับไปที่แก่นของเหตุผลที่เขาได้ตัดสินใจลงแข่งเป็นประธานาธิบดีตั้งแต่แรก คือการ "ต่อสู้เพื่อจิตวิญญาณของชาติ" (A battle for the soul of the nation)
นอกจากนี้ โทนใหม่ของไบเดนเป็นความพยายามที่จะพลิกหน้ากระดาษจากครึ่งหลังของปี 2021 อันโหดร้าย ที่ไบเดนต้องเผชิญกับภาวะโรคระบาดจากเดลต้า ภาวะเงินเฟ้อ ความขัดข้องด้านการออกกฎหมาย และการถอนทหารจากอัฟกานิสถานที่ยุ่งเหยิงผิดคาด จนทำให้คะแนนนิยมของเขาตกต่ำ ดังนั้นไบเดนจึงต้องแสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำของเขาอีกครั้ง เพื่อกอบกู้สถานการณ์
อย่างไรก็ตาม คำถามที่จะต้องตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ แล้วไบเดนจะแปลคำพูดเป็นการกระทำที่จับต้องได้อย่างไร? ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการปกป้องสิทธิการเลือกตั้งของพรรคเดโมแคร็ตก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะผ่าน (และมีโอกาสทื่จะไม่ผ่านเลย) ระหว่างที่รัฐต่าง ๆ ที่มีพรรครีพับลิกันอยู่ในอำนาจ ก็ทะยอยกันออกกฎหมายที่จะทำให้ฐานเสียงของพรรคเดโมแคร็ตใช้สิทธิเลือกตั้งได้ยากขึ้ในอนาคต
ไบเดนได้กล่าวว่า "You can't love a country only when you win."
คุณไม่อาจรักประเทศของคุณเพียงเมื่อคุณชนะ
เป็นประโยคที่น่าจดจำที่สุดของสุนทรพจน์นี้ สุนทรพจน์ที่ไบเดนคงตั้งใจให้ถูกจาริกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นการเปิดบทใหม่ของการเมืองสหรัฐฯ ที่พรรคเดโมแคร็ตจะกอบกู้ประชาธิปไตยอเมริกา
แต่หากพรรครีพับลิกันสร้างระบอบการเมืองที่พวกเขาชนะตลอดสำเร็จ สุนทรพจน์นี้ก็อาจไร้ความหมาย
* * *
ติดตามการเมืองอเมริกากับเพจ 'รัฐศาสตร์สหรัฐ':
โฆษณา