9 ม.ค. 2022 เวลา 03:48
เรียนรู้อดีต เพื่อเข้าใจอนาคต
📚 เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี รีวิว #22
Rating
⭐️⭐️⭐️⭐️ ดีอะ ชอบ อยากให้ได้ลองอ่านครับ
อย่างที่ลงทุนแมนจั่วหัวเลยครับ เรียนรู้อดีต เพื่อเข้าใจอนาคต ส่วนตัว ผมคิดว่าแม้เวลาจะเปลี่ยน วิธีคิด การใช้ชีวิตเราจะเปลี่ยน แต่ก็มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างคนเรายังคงไม่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะฟองสบู่ที่เกิดในอดีตจนปัจจุบัน แค่เพียงเปลี่ยนเรื่องราวเท่านั้น หรือสงคราม ความขัดแย้ง ผลประโยชน์ ก็ยังเห็นได้อยู่ในปัจจุบัน
ผมคิดว่าถ้าเรารู้อดีตที่ผ่านมา จะทำให้เรามีมุมองที่กว้างขึ้น เข้าใจอะไรได้ลึกซึ้งขึ้นครับ
✍️✍️✍️ เข้าเนื้อหากันเลยครับ ยาวหน่อย แต่ลงทุนแมนเขียนได้อ่านง่าย อ่านสนุก เรียง timeline มาให้เป็นอย่างดี เชื่อมโยงได้ดี สนุกจนวางไม่ลงเลยครับ
ผมหยิบมาแค่บางส่วน เลือกเฉพาะสิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจ เอามาพูดมาเล่าครับ เนื้อหาอื่นดีๆมีอีกเยอะเลยครับในหนังสือ ใครสนใจลองไปตามอ่านเพิ่มกันได้ครับ
1
🗓 ยุคกลาง : ค.ศ. 1100 - 1299
👉 โลกเรามีประชากรอยู่ประมาณ 400 ล้านคน
👉 จักรวรรดิของชาวจีน 100 ล้านคน
👉 อินเดีย 90 ล้านคน
👉 ตะวันออกกลาง 40 ล้านคน
👉 ทวีปยุโรป 60 ล้านคน
หลังโรมันล่มสลาย ยุโรปก็เข้าสู่ยุคมืด หรือยุคกลาง
👉 มีการปกครอง “ระบบศักดินาสวามิภักดิ์” (Feudalism)
🤴 กษัตริย์มอบหมายที่ดินให้ขุนนางที่ไว้ใจไปดูแล ชาวนาก็มาทำกินบนที่ดินขุนนาง และต้องแบ่งผลผลิตให้ขุนนางตามแต่จะตกลง
มีอัศวินคอยดูแลรับใช้ขุนนาง มีการสู้รบระหว่างขุนนางเกิดขึ้นบ่อย ทำให้ชาวนาต้องเข้าร่วมสงครามด้วย
คนหมดหวังในชีวิต และมีศรัทธาในศาสนาเป็นที่พึ่งสุดท้าย ต่อมาจึงเกิดสงครามครูเสด ยืดเยื้อราว 200 ปี ระหว่างคริสต์และอิสลาม
🐎 เกิดการเดินทาง มีการขยายตัวทางการค้า เกิดชนชั้นใหม่ คือชนชั้นพ่อค้า
1088 เกิดมหาวิทยาลัยแรกของโลก คือมหาวิทยาลัยโบโลนญา ในอิตาลี 🇮🇹
1096 เกิดมหาวิทยาลัย Oxford ในอังกฤษ 🏴󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿
1156 เกิดธนาคารแห่งแรกในเมืองเวนิส 🇮🇹
1271 ผู้นำชาวมองโกล กุบไลข่าน โค่นราชวงศ์ซ่ง และตั้งราชวงศ์หยวน ปกครองจักรวรรดิมองโกลซึ่งรวมจีนเดิมด้วย 🇨🇳
และการมาของ Macopolo นักเดินทาง ได้นำเรื่องราวต่างๆกลับไปเล่าในเวนิส จึงนำมาสู่การค้าขายระหว่างจีนและยุโรป และการค้าขายที่มากขึ้นนำกาฬโรคมาสู่ยุโรป
🗓 Black Death : ค.ศ. 1300 - 1399
1066 ขุนนางแคว้นนอร์มังดี ในฝรั่งเศสบุกพิชิตอังกฤษ และขึ้นเป็นกษัตริย์ William ที่ 1 🇫🇷🏴󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿
1324 บัลลังก์ฝรั่งเศสว่างลง กษัตริย์อังกฤษ พระเจ้า Edward ที่ 3 จะอ้างสิทธิ์เข้าปกครอง
จึงเกิดสงครามร้อยปีขึ้น 🇫🇷 vs 🏴󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿
1347-1353 เกิด Black Death คาดเสียชีวิตถึง 75 ล้านคน ทำให้ประชากรโลกเหลือเพียง 350 ล้านคน
ใช้เวลากว่า 500 ปีกว่าจะพบทางรักษา
1368 เกิดธนบัตรครั้งแรกในจีน เนื่องจากเหรียญทองแดงขาดแคลน 🇨🇳
เนื่องจาก Venice คนตายเยอะ เมือง Florence จึงก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าแทนที่ 🇮🇹
🗓 Renaissance : ค.ศ. 1400-1499
1453 Constantinople ถูกยึดโดยชาวเติร์กที่เป็นอิสลาม และเปลี่ยนชื่อเป็น Ottoman Empire หรือเมือง Istanbul ในปัจจุบัน 🇹🇷
โดยสุลต่าน Mehmed II บังคับให้มานับถืออิสลาม ทำให้คริสต์บางส่วนที่เป็นนักปราชญ์ กวี ศิลปิน หนี อพยพ มาในยุโรป และเกิด Renaissance ขึ้น
1
🗓 อินเดียและคนละทวีป : ค.ศ. 1400-1499
1493 Columbus ค้นพบ America ซึ่งตอนแรกนึกว่าเป็นอินเดีย และเรียกว่าอินดิสตะวันตก
ถัดมา อเมริโก เวสปุสชี สำรวจพบว่ามันเป็นทวีปที่กั้นยุโรปกับเอเชีย
1498 Vasco da Gama อ้อมแหลม Good hope จนเจอ India 🇮🇳
🇪🇸 สเปน ได้ตะวันตกของเส้นทวีปอเมริกา
🇵🇹 โปรตุเกส ได้ฝั่งตะวันออก
นั่นคือรวมบราซิลด้วย 🇧🇷 เป็นที่มาว่าทำไมบราซิลถึงพูดภาษาโปรตุเกส ทั้งๆที่เพื่อนบ้านพูดภาษาสเปน
ในยุโรปเองเกิดศูนย์กลางการค้าใหม่ที่เมือง Antwerp ปัจจุบันอยู่ใน Belgium 🇧🇪
1531 ตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของโลกเกิดขึ้นที่ Antwerp ชื่อ Flanders Van de Bourse 🇧🇪
ถัดมาเมืองที่เป็นศูนย์การค้าแห่งใหม่คือ Amsterdam ใน Netherland 🇳🇱
🗓 ฟองสบู่แรกของมนุษยชาติ : ค.ศ. 1600-1699
ศตวรรษที่ 17 Netherland 🇳🇱 รุ่งเรืองสุดๆ จะเรียกว่าชาว Dutch หรือ ฮอลันดา ก็ได้
ชาว Dutch เป็นพ่อค้าเดินเรือไปค้าขายรอบโลกทำให้ร่ำรวยเอามากๆ
แต่การเดินเรือมีความเสี่ยงถูกปล้นโดยโจรสลัด และการเดินเรือต้องใช้ทุนมหาศาล
เลยมีการแก้ปัญหาด้วย 💵 ตลาดหุ้น
1602 ตลาดหุ้น Amsterdam ถูกตั้งขึ้น และบริษัท VOC ก็กำเนิดขึ้น หรือที่เรารู้จักคือ บริษัทดัตซ์ อีสต์ อินเดีย 🇳🇱
โดยได้รับอนุญาตให้มีกองกำลังของตัวเองเพื่อไปทำการค้า มีอำนาจเบ็ดเสร็จในตัวเอง
1
มีการนำสินค้าจากที่ต่างๆนำเข้ามาขายในยุโรป รวมถึงดอกทิวลิป 🌷 ที่มาจากจักรวรรดิออตโตมัน 🇹🇷
ยิ่งมีลวดลายบนดอกไม้ ยิ่งทำให้ทิวลิปดอกนั้นมีราคาแพง 🌷
ผู้คน นักลงทุนเริ่มเข้ามาเก็งว่าราคาน่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆเพราะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก 📈
1636 นักลงทุนบางคนถึงกับนำที่ดินพื้นที่ 49,000 ตารางเมตร มาแลกกับหัวทิวลิปแตกสีเพียง 1-2 หัว (รู้สึกคุ้นๆ คล้ายกับบ้านเรามั้ยครับ 😂)
พอถึงขีดสุด ไม่มีใครยอมซื้อในราคาที่สูงขึ้นอีกแล้ว ราคาหัวทิวลิปได้ตกลงอย่างรวดเร็ว และแทบจะหมดค่าไปในระยะเวลาเพียง 3 เดือนหลังจากนั้น 📉
เรียกได้ว่า Tulip mania เป็นบทเรียนฟองสบู่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์การลงทุนของมนุษย์กันเลย 💸📉
แต่สำหรับ VOC ยังคงทำกำไรได้อย่างงาม สามารถจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นเฉลี่ยปีละ 18% ต่อเนื่องเกือบ 200 ปี!!! 💰🤩
ถัดมาอังกฤษขึ้นมามีอำนาจทางทะเล 🏴󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿 และขยายอำนาจของบริษัทบริติช อีสต์ อินเดีย ไปทั่วโลก และทำให้อังกฤษเจริญรุ่งเรืองและเป็นมหาอำนาจในตอนนั้น
1776 Thomas Jefferson ร่างคำประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ และถือกำเนิดประเทศสหรัฐอเมริกา 🇺🇸
ใช้เวลาต่อสู้เกือบ 7 ปี
1783 อังกฤษสูญเสียมากมายจนในที่สุดยอมรับเอกราชนี้
โดย George Washington ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนแรก 🤵‍♂️🇺🇸
อังกฤษยังคงทำสงครามและก่อหนี้จำนวนมาก จึงมีการจัดตั้งบริษัท South Sea Company เพื่อแก้ปัญหาหนี้สิน 💳
ไอเดียคือ ให้เจ้าหนี้ของรัฐบาลอังกฤษ สามารถเปลี่ยนหนี้เป็นทุนโดยการถือหุ้นบริษัทนี้
โดยรัฐบาลมอบสัมปทานการผูกขาดการค้าทั้งหมดในแถบทะเลใต้นั่นคือ มหาสมุทรแอตแลนติกในแถบทวีปอเมริกาใต้ให้กับบริษัท
ซึ่งหลักๆคือการค้าทาสและการค้าฝ้าย 🥺
การค้าไม่ได้สำเร็จเท่าที่ควร แต่ราคาหุ้นกลับทะยาน จากระดับไม่กี่ 10 ปอนด์ ไปจนถึงระดับ 1,000 ปอนด์ในเวลาเพียงไม่กี่ปี
โดยความบ้าคลั่งนี้มีนักลงทุนเข้ามาร่วมมากมาย รวมถึง 🧙 เซอร์ไอแซก นิวตัน อัจฉริยะผู้โด่งดัง
สุดท้ายผู้บริหารของบริษัทเริ่มเห็นแล้วว่ารายได้ของบริษัทไม่ได้สมดุลกับราคาหุ้นที่บริษัทออกไป คนวงในจึงเริ่มขายหุ้นทั้งหมดออก 💸
เมื่อข่าวนี้รั่วไหลออกไปสู่คนภายนอก ทำให้เกิดการแย่งกันขายหุ้น 📉
ต่อมาเมื่อมีการเปิดเผยผลขาดทุนมหาศาลที่ซ่อนอยู่ของบริษัท ในที่สุด…
1720 บริษัท South Sea ก็ล้มละลาย หรือภายใน 9 ปีเท่านั้น ❌
ซึ่งก็มีวิกฤติการเงินคล้ายๆกันถัดมาที่ฝรั่งเศส เรียกว่า ฟองสบู่มิสซิสซิปปี 🇫🇷
ซึ่งเกิดจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก่อหนี้ไว้มหาศาล สุดท้ายรัฐบาลก็ตั้งบริษัทมิสซิสซิปปี เพื่อแปลงหนี้เป็นทุน ปลดหนี้ให้กับรัฐบาล
เหตุการณ์คล้ายเดิมที่อังกฤษ ราคาหุ้นขึ้นสวนทางกับการขุดทองในดินแดนลุยเซียนาในอเมริกา ⛏
ซึ่งเป็นเพียงที่ดินลุ่มน้ำขัง ไม่ได้มีทองให้ขุดมากเหมือนตอนที่ประกาศตอนตั้งบริษัท
1720 อัตราเงินเฟ้อพุ่ง 23% ต่อเดือน ราคาหุ้นเริ่มร่วง จากพีคๆ 10,000 livres เหลือ 500 livres ในอีก 1 ปีต่อมา 📉
เมื่อรัฐบาลไม่มีเงิน เพราะใช้จ่ายไปกับสงครามมากมาย พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จึงขึ้นภาษี 💸
ซึ่งชนชั้นที่เสียภาษีคือ สามัญชนทั่วไป รวมถึงพ่อค้า คหบดี นักกฏหมาย หมอ นายธนาคาร เกษตกร 🕵️‍♀️
แต่ไม่รวมอีก 2 ชนชั้นนั่นคือ นักบวชและขุนนาง 🧝‍♂️
จนท้ายที่สุด ประชาชนหมดความอดทน…
1789 ประชาชนในกรุงปารีสบุกยึดคุกบาสตีล ซึ่งเป็นคุกขังนักโทษการเมืองและเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ฝรั่งเศส และเป็นการถือกำเนิดการปฏิวัติฝรั่งเศส 🇫🇷
1793 กลุ่มนักการเมืองหัวรุนแรงตัดสินประหารชีวิตพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ด้วยกิโยตีน 🥺
Message ❤️ ผมขอจบตรงนี้ครับ หน้าที่ 85 จากทั้งหมด 215 หน้า ใครสนใจเพิ่มไปตามอ่านกันได้เลยครับ จบตรงนี้เพราะถัดมาจะเริ่มเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้ว
ส่วนตัวผมชอบไปตามอ่าน ตามดูทั้ง youtube netflix เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง อัศวินของยุโรปในช่วงนี้ครับ มีหนังและ Series หลายเรื่องทำมาได้น่าสนใจมากครับ เลยอินมากหน่อยในช่วงแรกๆของเล่ม
และอีกเรื่องที่อยากพูดถึงคือ เรื่องความบ้าคลั่งของตลาดหุ้น ของการลงทุนต่างๆ จะเห็นได้ว่ามีมาตั้งแต่อดีตแล้ว เหตุการณ์เกิดซ้ำรอยอยู่ตลอดที่ผ่านมา มนุษย์เราก็ยังคงคิดและทำแบบเดิม อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปในบริบทและเรื่องราวที่เกิดขึ้นบ้าง
สุดท้ายคือเรียนรู้ไม่ใช่เพื่อกลัวมัน เรามา
“เรียนรู้อดีต เพื่อเข้าใจอนาคต” กันนะครับ ☺️
#เศรษฐกิจโลก1000ปี
#GolferoReview
โฆษณา