21 ม.ค. 2022 เวลา 15:29 • ธุรกิจ
การบริหารร้านข้าวราดแกงคล้ายกับการทำทีมบอลไทยให้เป็นแชมป์บอล
ซูซูกิคัพ 2020 อย่างไร ลองไปอ่านกัน ครับ
Team work & Team spirit
ความเดิมจากโพสต์ที่แล้ว
ที่ปูพื้นนำร่องไปว่า
ผลจากทีมบอลไทยเป็นแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020 ที่สิงคโปร์ นอกจากจะเกิดประโยชน์ต่อวงการฟุตบอลไทยโดยรวมแล้ว
ยังจะเป็นตัวอย่างการทำงานในระบบทีม (Team work) และทีมสปิริต (Team spirit)
ที่นำไปใช้อ้างอิงและประยุกต์ใช้ในการทำงาน ของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ภาคราชการ และการเมือง ต่อไป นั้น
โพสท์นี้ จึงถือโอกาสนำตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงกับธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งเป็นร้านข้าวราดแกง ชื่อ "เจ๊แอ๋วอาหารตามสั่ง" มาบอกเล่ากัน
เดิมขายตามสั่ง ปรับเป็น ขายข้าวราดแกง
โดยร้านนี้ตั้งอยู่ในเขต อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ผมไปฝากท้องเป็นขาประจำเกือบทุกวัน ระหว่างพักอยู่ที่ประจวบ
ทิวทัศน์ตัวเมืองประจวบ
ตั้งแต่ช่วงก่อนการแข่งขันฟุตบอลซูซูกิคัพ 2020 จะเริ่มขึ้นประมาณ 1-2 เดือน จนถึงปัจจุบัน
เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกัน จึงทราบว่า เจ๊แอ๋ว เป็นแฟนฟุตบอลไทยขาประจำมาช้านาน
ตั้งแต่ยุคทีมชาติไทยที่มีนักเตะกองหน้า คนโปรดอย่างพี่ตุ๊ก หรือปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เป็นขวัญใจ
ซึ่งเจ๊แอ๋วลงทุนไปเกาะขอบสนามเชียร์ที่สนามศุภชลาศัย หลายนัด
สนามศุภชลาศัย ภาพจาก https : //www.th.foursquare.com
ดังนั้น เมื่อมีการแข่งขันฟุตบอลซูซูกิคัพ 2020 ที่สิงคโปร์
แฟนบอลเก่าอย่างเจ๊แอ๋ว
(ที่หากขายข้าวแกงอยู่สิงคโปร์ อาจจะนุ่งโจงกระเบนไปตะโกนเชียร์ถึงขอบสนาม)
จึงไม่พลาดติดตามชมทางทีวีแทนในทุกนัดที่แข้งไทยแข่ง
ซึ่งทำให้ผมมีเรื่องคุยแลกเปลี่ยนกับเจ๊แอ๋วถึงผลการแข่งขัน และรูปเกมส์บอลที่ทีมไทยเจอในแต่ละวัน
แล้วโยงไปตั้งข้อสังเกตถึงวิธีการบริหารจัดการร้านขายข้าวแกงของเจ๊แอ๋วที่คล้ายกับการบริหารจัดการทีมฟุตบอล
ซึ่งเจ๊แอ๋วใช้เป็นแนวทางการทำงานประจำวันอยู่แล้ว และไม่ได้คิดว่าจะเป็นแนวทางเดียวกับการทำทีมฟุตบอล
โดยผมขอยกตัวอย่างเท่าที่พอสังเกตเห็นได้ในเบื้องต้น 2-3 เรื่อง
1. การรับมือกับลูกค้าที่มาซื้อข้าวแกงในช่วงเวลาเช้าแต่ละวัน
โดยปกติ เจ๊แอ๋ว และพี่อำนวย สามีสุดที่รัก จะเริ่มทำอาหาร
ทั้งทอด แกง ผัด ยำ รวมกันประมาณ 12-13 อย่างในแต่ละวัน เริ่มตั้งแต่เวลา 02.00 น. เป็นต้นไป
อาหารมีให้เลือกหลายอย่าง
จนถึงเวลา 04.30 น. จึงเริ่มทยอยขายให้ลูกค้าที่มารอซื้อ ทั้งนำไปใส่บาตรพระ รับประทานที่ร้าน
และซื้อไปกินที่บ้าน หรือที่ทำงาน ทั้งแบบข้าวราดใส่กล่อง หรือซื้อใส่ถุง
ช่วงเวลาที่ลูกค้ามารอซื้อมากที่สุด คือ ช่วง 06.00 - 08.00 น. โดยลูกค้าจะจัดคิว เรียงคิวก่อนหลังกันเอง และมีอยู่บ้างที่แซงคิว
ลูกค้ามีหลายกลุ่ม แวะซื้อตั้งแต่เช้า
การรับมือกับลูกค้าที่มากันคราวละหลาย ๆ คน ต่อเนื่องกัน และคนหนึ่งสั่งหลายอย่าง
จึงเหมือนเกมส์บอลที่เจอคู่ต่อสู้เล่นเกมส์รุกกดดันหรือเพรสซิ่งตลอดเวลา
โชคดีที่เจ๊แอ๋ว ผ่านเกมส์แบบนี้มาพอสมควร ตั้งแต่อายุ 16 ปี ทั้งเป็นลูกจ้างและเจ้าของร้าน รวมกันประมาณเกือบ 30 ปี
จึงพอประคองเกมส์ยันตั้งรับไว้ได้
โดยมีอาร์ม ลูกชาย ที่ชอบฟุตบอลเช่นเดียวกัน
ลุกตื่นจากที่นอนตั้งแต่ 05.30 น. มาคอยช่วยตัก ช่วยรัดถุงแกง
รวมทั้งขายขนมและของอื่น ๆ (ที่มีคนมาฝากขายในร้าน) นำมาใส่รวมกันไปในถุงใบใหญ่ส่งให้ลูกค้า
เสริมจังหวะการเล่นบอลแดนหน้าของเจ๊แอ๋ว อย่างชำนิชำนาญ เหมือนกองกลางมืออาชีพ ที่เล่นได้ทั้งจังหวะรุกและรับ
อาร์ม ลูกชาย แขนขาสำคัญ
ส่วนพี่อำนวยของผม จะคอยตักข้าวใส่ถุง ยกถาด ยกหม้อแกงที่เพิ่งสุกมาตั้งขาย
พร้อมทั้งยกจานเสิร์ฟลูกค้าที่นั่งกินในร้าน เก็บจานที่กินแล้ว เช็ดถูโต๊ะ และจัดเก้าอี้อย่างรู้หน้าที่แนวหลังอย่างดี
บุคลิกพี่อำนวย จึงเหมาะสมกับผู้เล่นกองหลังที่นิ่ง เข้าบอลหนัก แต่ไม่มีฟาวส์
🤾บางจังหวะก็ขึ้นไปช่วยเจ๊แอ๋วกับอาร์มในแดนหน้า เหมือนกองหลังขึ้นไปเบียดโหม่งลูกเตะมุมประมาณนั้น (ฮา)
พี่อำนวย กองหลัง กำลัง สวดไหว้เจ้าที่ เจ้าทาง
หากเปรียบเทียบการเจอลูกค้ารุกหนักแบบนี้ให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นจากบอลรายการ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020
จะเหมือนเกมส์ที่ทีมเวียดนามเจอทีมไทย แล้วเวียดนามเล่นบอลสไตล์เพรสซิ่ง ทั้ง 2 นัด (23 และ 26 ธ.ค.64)
กล่าวเฉพาะเกมส์ไทยเจอเวียดนามนัดที่ 2 ในคืนวันที่ 26 ธ.ค.64 ซึ่งทีมไทยเสมอเวียดนาม 0 : 0
 
ในเช้ารุ่งขึ้นวันที่ 27 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 07.00 น. ผมมาถึงร้านเจ๊แอ๋วเพื่อฝากท้องตามปกติ
เห็นลูกค้าทยอยต่อแถวซื้อข้าวราดแกงไม่ขาดสาย จนเกือบถึงเวลา 09.00 น. จึงค่อย ๆ น้อยลง
พอคนเริ่มน้อย ผมจึงพูดแซวเจ๊แอ๋ว ไปว่า
"วันนี้ เจ๊แอ๋วโดนลูกค้าเพรสซิ่งหนักนะ ครองบอล จ่ายบอลออกจากเท้าแทบไม่ทัน เหมือนบอลไทยเจอเวียดนามเมื่อคืน"
เจ๊แอ๋ว ในจังหวะที่ยังยืนขายอยู่ หัวเราะชอบใจ แถมหยอกกลับมาว่า
"ใช่ค่ะ วันนี้ เจอบอลบุกตลอด แต่ดีนะ ยังจ่ายบอลด้านข้างออกไปให้อาร์ม (ลูกชาย) และส่งคืนหลังให้พี่อำนวย (สามี) ช่วยได้"
พูดแล้วก็เดินจับนู่น จัดนี่ พร้อมกับหยิบผ้าขี้ริ้วเช็ดถูพื้นกระดานที่ใช้วางหม้อแกงและถาดใส่ผัดหน้าร้าน ด้วยความเคยชิน และด้วยสไตล์บอลที่ฟิตเปรี๊ยะ เล่นได้ตลอดเกมส์
เช็ดถูพื้นรักษาความสะอาด
จากนั้นก็เทน้ำแกงจืดผักกาดดองที่เหลือแต่น้ำในหม้อลงในถุง แถมฟรีให้ลูกค้าประจำที่โฉบมอเตอร์ไซค์มาจอดแวะซื้อ
เพื่อรักษาฐานลูกค้าที่อุตส่าห์แวะมาซื้อราวกับเอาใจกองเชียร์ในสนามบอลไปด้วย (ฮา)
เหลือแต่น้ำแกง แจกฟรี
รวมทั้งตอบสนองคำพูดลูกค้าที่เริ่มมีอาการหิวว่า
"เหลือแต่น้ำก็เอา เทใส่ข้าวกิน พอกันไม่ให้แสบท้อง"
ช่วงระหว่างที่เจ๊แอ๋วเคลียร์หน้าร้าน พี่อำนวยก็เคลียร์พื้นที่หลังร้าน ภายในครัว และเก็บจาน ชาม ล้างไปด้วย
ส่วนเจ้าอาร์ม ลูกชาย ก็คอยเตรียมตักข้าว ยกถ้วยแกง จานผัด ที่แบ่งเผื่อไว้จากการตักขาย
มาวางบนโต๊ะ เพื่อรอกินข้าวพร้อมกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก 👨‍👩‍👦
ระหว่างกินข้าว มีลูกค้า เพื่อนบ้านแวะทักทาย
พร้อมกับคุยสรุปบทเรียนที่เป็นข้อผิดพลาดประจำวันระหว่างกินข้าวไปด้วยกัน อาทิเช่น ✍
การดูแลลูกค้าไม่ทั่วถึง และการพลาดจังหวะดูแลลูกค้าขาประจำที่ตั้งใจมาซื้อแล้วของหมด
ตลอดจนการแก้ปัญหาลูกค้าบางรายที่แซงคิวทำให้ลูกค้าบางท่านไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าตลอดเกมส์ที่เล่น
เจ๊แอ๋ว กับอาร์ม ที่มีบทบาทหลักในเกมส์รับปะทะ จะดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม
ทั้งเรียกชื่อทักทาย และถามทุกข์สุขลูกค้าปนแซวอย่างเป็นกันเอง (ด้วยคำพูดประมาณว่า "เมื่อวานไปเที่ยวไหนมาล่ะคะ และ "หายหน้าไปหลายวันนะคะ คิดถึงค่ะ")
รอลุ้น พะโล้ มีเหลือหรือไม่
รวมทั้งการให้บริการที่รวดเร็ว และแถมขนมบางชิ้นสำหรับลูกค้าที่ซื้อในปริมาณที่มาก 💕
อย่างไรก็ดี ทุกปัญหาที่เกิดขึ้น เจ๊แอ๋ว ไม่นิ่งนอนใจ ได้นำไปพิจารณาปรับแก้ไขโดยเร็ว เช่น การทำบัตรคิวให้ลูกค้า เพื่อลดปัญหาการแซงคิว
และการแจ้งผู้ขายบางรายที่เอาของมาฝากขายในร้านไม่สม่ำเสมอ ทำให้ลูกค้าที่ตั้งใจมาซื้อ ไม่ได้ของกลับไป เป็นต้น
2. การทำงานเป็นทีม (Team work) และสปิริตภายในทีม (Team spirit)
หัวใจสำคัญของทีมฟุตบอลที่จะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มาครองได้ คือ การเล่นเป็นทีม หรือ มี Team work ที่ดี
รวมทั้งทุกคนภายในทีมจะต้องมี Team spirit ที่รู้สึกถึงความเป็นทีมร่วมกัน หรือรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม และมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ชัยชนะในการแข่งขัน 🏊‍♂️🏊‍♀️🏊
ซึ่งธุรกิจขายข้าวแกงของเจ๊แอ๋ว ก็เดินตามหลักการดังกล่าวเช่นเดียวกัน ต่างกันตรงที่ทีมเจ๊แอ๋ว ใช้คนเล่นเพียง 3 คน ในขณะที่ทีมบอลใช้ผู้เล่น 11 คน
โดยผู้เล่นทั้ง 3 คน ต่างไว้วางใจกันในตำแหน่งที่แต่ละคนเล่นและรับผิดชอบเพราะเล่นบอลในระบบทีม Team work ด้วยกันมานาน
3 ประสาน รับมือลูกค้า
ส่วนเหตุผลหลักที่เจ๊แอ๋วใช้ผู้เล่นเพียง 3 คน และไม่มีผู้เล่นมาเปลี่ยนตัวแทนอาร์ม
ที่ต้องเตรียมไปเรียนช่วงใกล้เวลา 08.00 น. (ยกเว้นช่วงเรียนออนไลน์) คือ การลดต้นทุน ไม่ต้องจ้างแรงงานเพิ่ม
จึงทำให้ขายได้ในราคาที่ถูกแต่คุณภาพและความอร่อยเกินราคา (ข้าวราดแกง 2 อย่าง 30 บาท บริการน้ำดื่มฟรี ถ้าซื้อใส่ถุง จะคิดถุงละ 25 บาท)
และใช้เวลาขายช่วงมื้อเช้าเป็นหลัก จากเดิมที่ขายอาหารตามสั่งในมื้อกลางวันไปด้วย
แล้วตัดสินใจยกเลิกไป เพราะขายข้าวแกงอย่างเดียว ก็ต้องเริ่มทำตั้งแต่ตี 2 🕑
จนกว่าจะเก็บของเรียบร้อย ก็กินเวลาไปเกือบถึง 11 โมงเช้าของแต่ละวัน 🕚
จึงต้องถนอมร่างกาย
นักเตะมิให้ใช้งานหนัก
เกินไปในการขาย 6 วัน ต่อสัปดาห์ หยุดเพียงวันเสาร์ 1 วัน
ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อน Team spirit และการหล่อหลอมความเป็นทีม จะมี
เจ๊แอ๋วเป็นหัวใจหลักสำคัญ
ทั้งการเป็นจุดศูนย์กลางของทีม และความสามารถเฉพาะตัวที่ทำกับข้าวรสชาติอร่อยได้หลากหลายเมนู
บวกกับความเป็นนักการขาย การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การวางแผนงานประจำวัน การมองภาพรวมของทีม และการวางเป้าหมายในอนาคต
อย่างไรก็ดี เจ๊แอ๋ว เองก็รู้ว่า
⚽️ "ฟุตบอลเล่นคนเดียวเป็นไปไม่ได้" ⚽️
จึงสร้างระบบทีมรองรับไปพร้อมกัน
ด้วยการมอบหมายหน้าที่ให้อาร์มช่วยดูแลกองกลาง และช่วยเกมส์แดนหน้าในบางจังหวะ
ในขณะที่พี่อำนวย คอยช่วยอยู่แดนหลัง รับลูกแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากกองกลางและกองหน้า
สมกับชื่อ "อำนวย" ที่ช่วยอำนวยการ อำนวยความสะดวกทุกเรื่องที่ติดขัด
ถ้าจำลองการยืนตามตำแหน่งที่เล่นในสนามบอล
พี่อำนวยน่าจะใส่เสื้อเบอร์ 5 เล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 🖐
และเจ๊แอ๋วใส่เสื้อเบอร์ 9 (เบอร์เดียวกับพี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์)ในตำแหน่งกองหน้า
ที่ลงมาล้วงลูกบอลเป็นบางคราวในแดนกลาง จากอาร์ม ลูกชาย ที่สวมเสื้อเบอร์ 7
อาร์ม สวมเสื้อเบอร์ 7
และสั่งการไปถึงแดนหลังที่มีพี่อำนวย สามี คอยคุมเกมส์
ทุกครั้งที่ผมแวะมาฝากท้อง จะเห็นจังหวะการให้บริการลูกค้าของ พ่อ แม่ ลูก ที่เล่นเข้าขากัน อย่างชำนิชำนาญและรู้ทางบอลกันอย่างดี
แม้จะมีบางจังหวะที่ติดขัดอยู่บ้างแต่ไม่มีผลต่อเกมส์โดยรวม
ทั้งหมด ทั้งปวง ที่เห็นไม่ใช่เรื่องที่จะสร้างกันได้ง่าย ๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น
แต่เป็นเรื่องที่ต้องสะสม พัฒนา ลองผิด ลองถูก แก้ไขมาเป็นลำดับ
ซึ่งต้องชมเชยสไตล์บริหารจัดการของเจ๊แอ๋ว ที่เป็นทั้งผู้จัดการทีม โค้ช และผู้เล่น
หากถามว่า ทีมเวอร์คแบบนี้ มีโอกาสที่ทีมจะแตกหรือพ่ายแพ้หรือไม่
ตอบได้ว่า "มีแน่นอน" เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในฟุตบอลระดับชาติ ระดับสโมสรทั่วโลก ที่ต้องคอยหมั่นสังเกต ติดตาม และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยบางวันผมเห็นเจ๊แอ๋ว ออกอาการหลุดทางสีหน้าและคำพูดอยู่บ้าง เมื่อเกมส์ต่อบอลไม่ไหลลื่น จากกองกลางและกองหลัง
แต่เจ๊แอ๋วก็มีสมาธิกลับมาอยู่ในเกมส์ได้เร็ว และกลับมาช้อนความรู้สึกของลูกทีมในภายหลัง 🥰
โดยเฉพาะกับลูกชายเบอร์ 7 ที่ยังเยาว์วัย และอาจจะอ่อนล้ากับเกมส์เพรสซิ่งหนัก ๆ อยู่บ้าง
ทั้งนี้ วิธีบำรุงกำลังและสร้างขวัญภายในทีม
เจ๊แอ๋วใช้หลายวิธีเพื่อช่วยเสริมสปิริตในทีม เช่น
สั่งอาหารอร่อย ๆ จากร้านอื่นมาลองชิมร่วมกัน อาทิ หมูเส้น/หมูฝอย
การทำอาหารเมนูแปลก ๆ กินเอง หรือทำเมนูตามที่ลูกชายอยากกินในบางวัน ประเภทของทอด อาทิ หมูยอทอด กุ้งทอด 🍤
เพื่อชดเชยความเหนื่อยและเอาใจลูกชายไปด้วยในตัว
รวมทั้งการพากันออกไปท่องเที่ยวในวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา
นอกจากการบำรุงขวัญภายในทีมแล้ว ผมยังเห็นเจ๊แอ๋ว มีน้ำใจแบ่งปันอาหารที่ขายในบางวัน
ให้เพื่อนบ้านละแวกเดียวกันที่ขาดกำลังทรัพย์ไว้ใช้จ่าย 🧚‍♀️
และฝากคนเถ้าคนแก่
รุ่นคุณพ่อคุณแม่ที่แวะมา ไต่ถามทุกข์สุข ให้กำลังใจ และให้คำแนะนำการค้า การขาย คล้าย ๆ เป็นโค้ชให้เจ๊แอ๋วไปในตัว
มีผู้ใหญ่คอยเป็นโค้ช
ทำให้การสร้าง Team spirit เกิดขึ้นทั้งจากข้างในทีม และนอกทีมอย่างธรรมชาติ
รวมทั้งแฝงไว้ถึงการเป็นธุรกิจที่ร่วมรับผิดชอบและคืนกำไรให้สังคม
3. แผนการทำธุรกิจในอนาคต
เมื่อคุยกันต่อถึงความฝันที่ตั้งใจจะทำต่อไปในอนาคตนับจากนี้ (เหมือนกับการฝันพาบอลไทยไปเตะบอลโลก)
นักวางแผน : ซื้อปลามาแกงวันต่อไป
เจ๊แอ๋ว ตอบกลับมาอย่างเร็วเหมือนคิดไว้นานแล้วว่า... อยากทำร้านขายข้าวแกงย่านที่เป็นชุมชน มีคนอยู่อาศัยจำนวนมาก...
เช่น ตามนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่น โดยเล็งไว้ที่ย่านนิคมอุตสาหรรมนวนคร แถบรังสิต คลองหลวง ปทุมธานี
ผมแย้งกึ่งถามกลับไปยังวิสัยทัศน์ของเจ๊แอ๋วด้วยความสงสัย และตกใจว่า... ทำไมไปไกลจัง ?
เจ๊แอ๋ว ตอบว่า... เพื่อหาเงินสักก้อนมาซื้อที่ดินทำสวนมะพร้าว แถบ อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ
สวนในฝัน : สวนมะพร้าว
เอาไว้ขาย "ลูกมะพร้าว" เป็นดอกเบี้ยเก็บกินในอนาคต ไม่ต้องทำมาหากินยามแก่
เหมือนลูกค้าข้าวแกงขาประจำหลายคนที่เป็นข้าราชการบำนาญ มีเงินใช้ยามอายุ 60 ปี
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ต้องคุยกับลูกทีมก่อนว่า จะไปทำตามฝันด้วยกันหรือไม่
ซึ่งอยู่ที่เจ๊แอ๋วผู้มีทั้ง passion vision mission แล้วชำนาญเรื่อง action
จะปลุกขวัญ กระตุ้น โน้มน้าวลูกทีมให้คล้อยตามฝัน แล้วร่วม action ไปกับเจ๊แอ๋ว ได้หรือไม่ เพียงใด
แต่พลันที่ผมเห็นเจ๊แอ๋ว
ซึ่งมีต้นทุนการเรียนภาษาอังกฤษมาไม่มากนัก
กล้าพูดโน้มน้าวฝรั่งชาวอเมริกันที่มาแวะกินแล้วบอกว่าอร่อยมาก ๆ ให้กลับมากินอีกครั้งว่า
1
Tomorrow you come again.
ซึ่งฝรั่งก็ตอบรับสั้น ๆ พร้อมรอยยิ้มว่า...Sure.
เพราะเคยอยู่ภูเก็ตมา จึงคุ้นเคยกับฝรั่งต่างชาติอยู่บ้าง
เท่านี้ ผมก็พอเชื่อมั่นแล้วว่า เจ๊แอ๋ว จะโน้มน้าวลูกทีม อย่างพี่อำนวย เบอร์ 5 และน้องอาร์ม เบอร์ 7 ให้คล้อยตามไปเล่นในลีคใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร
เพื่อนำกำไรมาทำสวนมะพร้าวไว้พึ่งพารายได้
ในบั้นปลายชีวิต ที่เจ๊แอ๋ววางแผนไว้ให้กับทุกคน
🙏ขอบคุณมากครับ
"บอลวัดเบอร์ 5"
(มุมชัย นัยสอิ้ง)
21 ม.ค.65
โฆษณา