ภูฏาน สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย
หลายคนคงเคยได้ยินนะคะว่า ภูฏาน เป็นประเทศที่จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว โดยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพียงปีละ 20,000 คนเท่านั้นเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมดั้งเดิมของภูฏาน
รัฐบาลอนุญาตให้มีสายการบินที่สามารถบินเข้าประเทศภูฏานได้เพียง 2 สายการบิน คือ Bhutan Airlines และ Drukair ทำให้การเดินทางไปภูฏานมีเพียงจากไม่กี่ประเทศที่สายการบินนี้บิน เช่น ไทย กรุงเทพฯ, อินเดีย เดลี / กัลป์กาตาร์ / คยา, เนปาล, สิงคโปร์ เป็นต้น จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างพากันจับจองที่นั่งว่างที่มีอยู่อย่างจำกัด อย่างไรก็ตามนี่ก็คือการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไปอย่างกลายๆ และสนามบินของที่นี่ก็ยากแก่การบินเข้าถึง เนื่องจากอยู่บนเขาสูงชันที่ต้องใช้ทักษะในการบินอย่างมาก
ณ ดินแดนที่ถูกขนานนามว่า สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย
ภูฏานคืออาณาจักรโบราณแห่งหิมาลัยตะวันออก ในอดีตการเข้าถึงดินแดนนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ มีเพียงเส้นทางเดินเท้าเล็กๆ ของกองคาราวานค้าขายลัดเลาะไปตามหุบเขาและโตรกผาชัน เชื่อมจากดินแดนหนึ่งสู่อีกดินแดนหนึ่ง ภายใต้เงื้อมเงาของเทือกเขาที่สูงกว่า 6,000-7000 เมตร ประเทศภูฏานยังมีนโยบายในการอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ให้มีพื้นที่มากกว่า 60% ของประเทศ
ประเทศภูฏาน #Bhutan ดินแดนมังกรสายฟ้า ภูฏานได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแชงกรี-ลาแห่งสุดท้ายบนหลังคาโลก ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงล้ำ เป็นพุทธอาณาจักรที่สงบสันติ และมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่า 1,500 ปี ผู้คนในแผ่นดินนี้ยึดมั่นในแนวทางศาสนาพุทธนิกายวัชรยานแบบทิเบต
เราอาจเริ่มท่องเที่ยวที่วัดตั๊กซัง (Taktshang Goemba) ที่สุดแห่งมหาอารามบนหิมาลัย สร้างอิงแอบอยู่กับเพิงผาหินใหญ่ตั้งชันอัศจรรย์ในการก่อสร้าง เป็นหนึ่งในวัดสวยที่สุดของโลก ซึ่งท่านกูรู รินโปเช เคยมานั่งบำเพ็ญพรตในถ้ำลึกลับนามว่า วัดรังเสือ (Tiger Nest)
วัดตั้กซังตั้งอิงแอบอยู่กับหน้าผาหินใหญ่สีเทาดำ ลักษณะตั้งชันทิ้งดิ่ง 90 องศากับพื้นโลก วัดตั๊กซังจึงได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 12 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเคยได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในวัดสวยที่สุดของโลกมาแล้ว
วัดคิชูลาคัง (Kyichu Lhakhang หรือ Lho Kyerchu) คือวัดแห่งแรกที่สร้างขึ้นในดินแดนภูฏาน ครั้งที่ภูฏานยังเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรทิเบตอันยิ่งใหญ่อยู่ เมื่อศตวรรษที่ 7 แม้จะเป็นวัดขนาดเล็ก ทว่ามีคุณค่าและความสำคัญยิ่งยวด ตัวอารามได้รับการดูแลบูรณะอย่างดีมาโดยตลอด
วัดตัมโช่ (Tamchoe Lhakhang) อารามเก่าแก่ซึ่ง The Iron Man (ท่านทังทน กยัลโป (Thangtong Gyalpo) ผู้ได้รับฉายาว่า ‘มนุษย์เหล็ก’ หรือ The Iron Man เนื่องจากท่านมีความรู้ด้านวิศวกรรมและการตีเหล็กเป็นเลิศ จึงสร้างสะพานแขวนที่ทำด้วยห่วงเหล็กไว้ในทิเบต และภูฏาน มากถึง 58 แห่ง) วัดโบราณบรรยากาศลึกลับริมแม่น้ำปาโร ที่ต้องไปเห็นไปสักการะให้ได้สักครั้ง
พระใหญ่แห่งทิมพู หรือที่ชาวภูฏานเรียกกันว่า ‘พระพุทธรูปดอร์เดนมา’ (Great Buddha Dordenma) พระพุทธรูปปางสมาธิกลางแจ้งที่ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของโลก
Memorial Chorten เจดีย์อนุสรณ์สร้างรำลึกถึงกษัตริย์ภูฏานองค์ที่สาม ตามความประสงค์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ได้มาสักการะและเวียนทักษิณาวัตร นับเป็นบุญล้ำเลิศแก่ชีวิต ณ ที่นี้คือสถานที่ซึ่งเสียงสวดมนต์ดังกระหึ่มตลอด 365 วัน ณ ที่นี้คือศูนย์กลางแห่งศรัทธา และการปฏิบัติตนตามหลักพุทธศาสนาอย่างจริงจังของสาธุชนจากทั่วสารทิศ
ปาโรซอง หรือป้อมปราการแห่งปาโร (Paro Dzong) คือโบราณสถานสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองปาโร (Paro) ของภูฏาน ดินแดนหลังคาโลก เพราะนอกจากจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางบริหารราชการแผ่นดิน ในยุคอดีตของกษัตริย์และข้าราชการต่างๆ แล้ว ยังรวมศูนย์อำนาจทางศาสนจักรเอาไว้ด้วย โดยใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช ปาโรซองจึงเปรียบเสมือนตัวแทนของสองขั้วอำนาจ ทั้งฝ่ายอาณาจักรและศาสนเจดีย์ 108 องค์ ยอดเขาดอชูลา (Dochula Pass) ความสูง 3,140 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยอดเขาดอชูลาเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของนักแสวงบุญ รวมถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จักรมาไว้ในที่เดียวกัน
เพราะจุดนี้เป็นที่ตั้งของ ‘เจดีย์ 108 องค์’ ซึ่งพระมารดาของกษัตริย์จิกมี ซิงเย วังชุก (กษัตริย์องค์ที่ 4 ของภูฏาน)
เรื่องและภาพโดย Travelista นักเดินทาง
ลายน้ำของภาพโดย Ghost Writer Ta
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
