13 ม.ค. 2022 เวลา 00:00 • หนังสือ
เป็นแผงขายข้าวแกงซ่อนตัวในซอยเล็ก ๆ ใจกลางเมือง ผมมักแวะเวียนไปกินที่นั่นหากผ่านไปทางนั้น
4
เช้านั้นบนแผงมีฉู่ฉี่ปลาทู ผมสั่งข้าวราดกับข้าวสองอย่างรวมปลาทูด้วย กับแกงจืดหนึ่งถ้วย แม่ค้าถาม “ปลาทูครึ่งตัวพอมั้ยคะ?”
4
นิ่งคิดอยู่อึดใจใหญ่ ก่อนตอบว่า “พอครับ”
นี่เป็นร้านอาหารแรกในชีวิตที่ผู้ขายเห็นว่าลูกค้าอาจกินอาหารที่สั่งไม่หมด จึงเสนอขายปลาครึ่งตัว
5
หากแม่ค้าไม่แยแส ขายปลาทั้งตัวเหมือนทุกร้านในโลก ลูกค้าก็ไม่ว่าอะไร เพราะมันเป็นวัตรปฏิบัติของสังคมไปแล้ว
2
เราพบแต่ร้านที่ถามว่า “เพิ่มอีกตัวมั้ยคะ?” หรือ “เอากับเพิ่มอีกมั้ยคะ?” หรือ “แค่นี้พอกินเหรอคะ?” หากซื้อกาแฟ ก็บอกว่า“เอาถ้วยใหญ่ใช่มั้ยคะ?” ถ้าเป็นเบอร์เกอร์ ก็เสนอให้ซื้อชิ้นใหญ่ หนาสามชั้น ถ้าเป็นพิซซาก็ “เพิ่มแฮมเพิ่มชีสมั้ยคะ?” ฯลฯ
ผมเคยเข้าร้านเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง สั่งอาหารเซ็ทชุดเล็ก แต่ ‘ชุดเล็ก’ ของเขาสามารถกินได้สามสี่คน ไม่มีน้ำดื่มธรรมดา มีแต่น้ำแร่ราคาแพง กะเก็บทุกอัน ฟันทุกเม็ด
ปรัชญาการขายสินค้าและอาหารของทุกที่เหมือนกันคือเชิญชวนหรือบีบให้ลูกค้าซื้อจำนวนมาก กินอาหารไม่หมดไม่ใช่ปัญหาของร้าน
ปัญหาโรคอ้วนที่ระบาดทั่วโลกเวลานี้ส่วนหนึ่งก็มาจากปรัชญา “เพิ่มอีกมั้ยคะ?”
ดังนั้นเมื่อแม่ค้าเสนอให้กินปลาทูครึ่งตัว จึงรู้สึกว่าไม่ใช่ทุกคนในโลกที่ถูกความโลภกลืนกิน
5
ปลาทูครึ่งตัววันนั้นอร่อยกว่าธรรมดา และอิ่มกำลังพอดี
จากหนังสือ #ความสุขเล็กๆก็คือความสุข ซื้อตรงจากเว็บได้ที่ https://bit.ly/2Q05gHz
(รูปประกอบนี้ทำเพื่อให้เข้าใจไอเดีย จริงๆ แล้วแม่ค้าแบ่งครึ่งโดยผ่าซีก)
1
[ติดตามข้อเขียนของ วินทร์ เลียววาริณ ได้ทุกวันที่เพจ https://bit.ly/3amiAvG และ blockdit.com]
โฆษณา