13 ม.ค. 2022 เวลา 08:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#Investment KBank Private Banking เปิดกองทุนหุ้นนอกตลาดแรกของไทย ชูจุดเด่นผลตอบแทนดี-ไม่ผันผวนตามตลาด ระบุหุ้นตลาดไทยมีแต่ธุรกิจดั้งเดิม ไม่สอดคล้องอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทำให้น่าสนใจน้อยกว่า ขณะหุ้นนอกตลาดมีศักยภาพเติบโตอีกหลายเท่า
ล่าสุด KBank Private Banking ได้ร่วมกับ บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดตัวกองทุนใหม่ LH-THAIPE1UI ที่ ‘ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ’ Private Banking Business Head Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกในการเสนอขายหุ้นนอกตลาดของบริษัทไทยในรูปแบบของกองทุน
โดยจะทำการลงทุนผ่านกองทุนหลัก Fullerton Thai Private Equity Fund ที่สิงค์โปร์ เน้นลงทุนในธุรกิจขนาดกลาง 8 – 12 บริษัท ที่คัดเลือกอย่างเป็นระบบมาจากหลายแหล่ง เน้นบริษัทที่มีศักยภาพสูง รายได้ระหว่าง 500 – 3,000 ล้านบาท และมีกำไรอยู่แล้วหรือเคยทำกำไรได้ดีแต่ประสบปัญหาระยะสั้น
รวมถึงอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว พร้อมระบุว่า ธุรกิจนอกตลาดหลายธุรกิจน่าสนใจ มีจุดเด่นและศักยภาพการเติบโตได้อีกหลายเท่าในอนาคต ได้แก่ ค้าปลีก อาหาร การผลิตและอุตสาหกรรมขั้นสูง การศึกษา เทคโนโลยีและข้อมูล สุขภาพและการแพทย์ และบริการด้านการเงิน
รายละเอียดส่วนหนึ่งจาก KBank Private Banking อธิบายว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นขนาดใหญ่ของไทยมักเป็นธุรกิจดั้งเดิม เช่น พลังงานจากน้ำมันและถ่านหิน ธนาคาร ค้าปลีกที่เป็นออฟไลน์ และโรงพยาบาล ซึ่งไม่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทำให้ตลาดหุ้นไทยน่าสนใจน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก
การลงทุนในหุ้นนอกตลาดมีข้อดีเมื่อเทียบกับการลงทุนหุ้นในตลาดหลายประการ อาทิ เช่น ผู้จัดการกองทุนสามารถเข้าไปบริหาร ปรับโครงสร้างธุรกิจ ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่หลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งนับเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุน ณ ระดับราคาไม่แพงมาก
นอกจากนั้น ราคาหุ้นนอกตลาดขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจริงๆ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องเผชิญกับความผันผวนด้านราคาที่ขึ้นลงตามบรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นเหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หลังลงทุนไปแล้ว ผู้จัดการกองทุนสามารถเลือกขายหุ้นบริษัทนอกตลาดได้หลายวิธี เพื่อให้ได้ราคาดีในเวลาที่เหมาะสม
ขณะที่ความเสี่ยง คือ บริษัทไม่เปิดเผยผลการดำเนินงานและไม่มีรายงานการตรวจสอบ ดังนั้น การอาศัยผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ลงทุนในหุ้นนอกตลาดในไทยจึงเป็นหัวใจสำคัญ โดยจะต้องพิจารณาทั้งจากภาพใหญ่ (TOP-DOWN) คือ เลือกบริษัทในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับโครงสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และปัจจัยพื้นฐานรายบริษัท (BOTTOM-UP) ทั้งความสามารถการทำกำไร กระแสเงินสดและการประเมินมูลค่าบริษัทเพื่อเข้าซื้อและขายออกในราคาที่เหมาะสม
#TODAYBizview
#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม TODAY Bizview จากทีม workpointTODAY
ไม่พลาดข่าวธุรกิจ การตลาด การเงิน เทคโนโลยี
กับเพจ TODAY Bizview https://bit.ly/3picIeS
ติดตามรายการ TOMORROW เทรนด์สำคัญของโลกเพื่อวันพรุ่งนี้
ทาง YouTube https://bit.ly/3prjBfI
ติดตามรายการของ workpointTODAY
ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK
ติดต่อโฆษณาอีเมล advertorial@workpointnews.com
โฆษณา