13 ม.ค. 2022 เวลา 08:11 • สุขภาพ
ตอนที่ 3 แล้วชีวิตก็ส่งคำเตือนมาว่า....
หลังจากเจาะชิ้นเนื้อ คุณหมอนัดฟังผลวันที่ 26 ธันวา ซึ่งตามแผนคือฉันจะไม่อยู่กรุงเทพ เพราะลงไปสมุยตั้งแต่ก่อนคริสต์มาส ในใจตอนนั้นคิดว่าชิว คงไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวให้คุณหมอโทรมาแจ้งผลก็แล้วกัน
ช่วงเวลาระหว่างตรวจชิ้นเนื้อกับรอผลคือไม่ตื่นเต้นอะไรเลย มั่นใจแบบสุดๆ ว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ยังออกกำลังกายไปวิ่งได้ เล่นโยคะได้ ปาร์ตี้ได้เหมือนปกติทุกอย่าง มีแต่แผลเจ็บจากการ biopsy กับสีเขียวๆ ที่เป็นรอยช้ำค้าง
แต่พอถึงเช้าวันที่ 26 ธันวาคม ก็แอบกังวลนิดหน่อย อยากให้หมอโทรมาเร็วๆ จะได้สบายใจ พอหมอโทรมารอบแรก อยู่ในห้องน้ำรับไม่ทัน โทรกลับไป หมอติดอีกเคสนึงไปแล้ว ก็เลยรอคุณหมอว่างอีกทีตอนประมาณเที่ยง
ตอนนั้นเวลาประมาณเกือบๆ เที่ยง จำได้ว่ากำลังไปหาข้าวร้านอร่อยกิน แล้วแวะซื้อกาแฟที่หาดหน้าพระลาน ฟ้าใสแดดส่อง เป็นวันที่สดใสมาก แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
คุณหมอแจ้งผลว่า จากผลการตรวจชิ้นเนื้อ พบว่าชิ้นเนื้อที่เจอนั้นมันเป็นเนื้อไม่ดี อยากให้เข้ามาคุยเพื่อวางแผนการรักษาต่อ
ฉันรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว รู้สึกไม่มั่นใจว่าคำว่าเนื้อไม่ดีนี่แปลว่าอะไร แปลว่าเป็นเนื้อร้าย แปลว่าเป็นมะเร็ง หรือยังไง รับกาแฟที่สั่งแล้วก็เดินมานั่งตรงเก้าอี้หน้าร้าน ถามคุณหมอว่า ชัวร์แล้วใช่ไหมคะ คุณหมอบอกว่าครับ ผล Lab ตรวจมา 5 ครั้ง ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก หูอื้อ เหมือนได้ยินคุณหมอพูดอะไรไม่รู้ ประมาณว่าเป็นระยะแรกมากๆ ยังไม่กระจายไปเนื้อเยื่ออื่นๆ พอรักษาแล้วจะกลับไปใช้ชีวิตได้เกือบเหมือนคนปกติ แต่หูดับไปแล้วค่ะ จำได้ว่าถามคุณหมอไปว่าต้องให้คีโมหรือเปล่า
คุณหมอบอกว่า เบื้องต้นต้องผ่าตัดเป็นการรักษาขั้นแรก โดยจะตัดเนื้อร้ายออกไปก่อน ส่วนแผนการรักษาต่อจากนั้น อยากให้มาวางแผนและคุยกันก่อน
พอจบสายนั้น ชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เดินหน้าซีดกุมแก้วกาแฟไปบอกสามีที่รออยู่ในรถ สามีก็ไม่เชื่อ ใช่สิ ขนาดเรายังไม่เชื่อเลยว่าจะเป็น แล้วก็ Search Google หนักมาก หาข้อมูลเรื่องมะเร็งเต้านม, Breast Cancer Staging, Treatment plan, surgery plan ต่างๆ น้ำตาไม่มีไหลนะคะตอนนั้น มันชา มันงง มันพูดไม่ออก
คุณหมอนัดอีกทีหลังปีใหม่ เพราะว่าจะติดหยุดยาวช่วงปีใหม่หลายวัน แต่คุณหมอก็ใจดีบอกว่า ถ้ากังวล อยากมาคุยกับหมอก่อน เดี๋ยวหมอจะหาคิวมาพิเศษให้ ประทับใจคุณหมอแล้วหนึ่ง สรุปก็คือนัดไปเจอคุณหมอวันพุธถัดไป
ช่วงเวลานั้น คิดว่าตัวเองควบคุมสติได้ดีกว่าที่คิด จากที่เคยนึกว่าจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ พอตั้งสติได้ก็กินได้ นอนหลับ (แต่แอบหลอนตื่นเช้ามืดเพื่อมา search google ทุกวัน) แล้วก็เชื่อมั่นในวิทยาการแพทย์สมัยนี้ เชื่อในโรงพยาบาล เชื่อในตัวคุณหมอ แล้วก็เชื่อในร่างกายตัวเองว่า ฉันเป็นได้ ฉันก็ต้องหายได้ มะเร็งก็คือโรคชนิดหนึ่ง เมื่อเป็นก็ต้องรักษา บวกกับได้กำลังใจที่ดีจากสามี ที่ไม่ตื่นตระหนก แต่คอย support
ชีวิตเข้ามาเตือนสติด้วยการส่งบทเรียนมาตบหน้าเราแรงๆ แล้วก็สอนเราว่า เมื่อกายป่วย อย่าปล่อยให้ใจต้องป่วยตามไปด้วยนะคะทุกคน
โฆษณา