13 ม.ค. 2022 เวลา 15:14 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เพียง 2 เดือนหลังจากปธน. โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯประกาศความพยายามครั้งสำคัญระหว่างกลุ่มประเทศผู้บริโภคน้ำมันเพื่อกดราคาที่กำลังทะยานขึ้น แต่ล่าสุดราคาน้ำมันก็ยังคงไต่ระดับขึ้นสู่จุดสุงสุดในรอบหลายปี
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ใช้อ้างอิงทั่วโลกพึ่งขยับผ่านระดับ $84 ต่อบาร์เรลไปเมื่อวานนี้ และทำให้บรรดานักวิเคราะห์พากันคาดการณ์ว่า มันจะทะยานขึ้นไปแตะระดับ $100 ต่อบาร์เรลภายในช่วงไตรมาสที่ 1
ไบเดน โน้มน้าวแนวร่วมให้ช่วยกันปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองของประเทศซึ่งประกอบไปด้วย ญี่ปุ่น, อินเดีย, เกาหลีใต้, UK และจีนเพื่อช่วยลดระดับของราคาลงในเดือนพ.ย. แม้ในท้ายที่สุดจีนจะไม่ได้เข้าร่วมแผนการนี้ด้วยก็ตาม
แม้จากความพยายามครั้งนั้นจะทำให้น้ำมันดิบเบรนท์มีราคาลดลงมาอยู่ที่ $70 ต่อบาร์เรลแต่ก็เกิดขึ้นแค่ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งมันกำลังกลายเป็นปัญหาทางการเมืองที่น่าปวดหัวของ ไบเดน เพราะสหรัฐฯคือผู้บริโภคน้ำมันเบนซินรายใหญ่สุดของโลก
ด้วยปริมาณการใช้งานที่สูงถึง 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ของน้ำมันเครื่องยนต์ และในขณะที่ต้นทุนของน้ำมันดิบคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของราคาน้ำมันเบนซิน จึงทำให้ราคาของน้ำมันดิบมีส่วนสำคัญต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค
พรรครีพับลิกันกำลังใช้โอกาสนี้ในการโยงไปถึงนโยบายที่โฟกัสเรื่องสภาพภูมิอากาศ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย ไบเดน และพรรคเดโมแครตว่าทำให้ราคาสูงขึ้น แต่ในความเป็นจริงตลาดน้ำมันมีความเชื่อมโยงกับปัจจัยทั่วโลกที่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลสหรัฐฯ
นักลงทุนต่างทุ่มซื้อน้ำมันดิบด้วยความคาดหวังว่า COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนจะส่งผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลกแค่ในวงจำกัด โดยราคาน้ำมันหน้าปั๊มในสหรัฐฯตกอยู่ที่ 80 เซนต์ต่อแกลลอนที่แม้จะยังต่ำกว่าสถิติสูงสุดตลอดกาลในปี 2008 แต่หลายฝ่ายก็มองว่ามันยังจะขยับขึ้นอีก
ปริมาณความต้องการน้ำมันทั่วโลกได้ฟื้นคืนกลับสู่ระดับก่อนเกิดภาวะวิกฤตที่อัตรา 99 ล้าน bpd แต่ปริมาณการจัดหายังคงขาดแคลนไปอย่างน้อย 1 ล้าน bpd ตามการเปิดเผยข้อมูลขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (EIA)
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าหลายปัจจัยที่รวมกันอย่างปริมาณความต้องการที่เข้มแข็ง, การลงทุนในระดับต่ำ และการขาดแคลนพื้นที่เก็บสำรองส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ในขณะที่องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออกและกลุ่มชาติพันธมิตร (OPEC+) ก็ยังมีปัญหาในเรื่องผลผลิตที่ออกมา
นักกลยุทธ์ของ RBC Capital Markets เปิดเผยไว้ในรายงานต่อลูกค้าว่า แม้ OPEC+ ยังคงแน่วแน่ในนโยบายทยอยเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 bpd ในแต่ละเดือน แต่จากข้อมูลของบริษัทได้ชี้ว่าผลผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเดือนยังอยู่แค่ประมาณ 250,000 bpd
การปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์สหรัฐฯ (SPR) เพิ่มเติมคงเป็นทางเลือกในมือเพียงไม่กี่อย่างของ ไบเดน ที่อาจช่วยแก้ไขปัญหานี้ หากแต่มันก็มีปริมาณจำกัดและยังคิดเป็นสัดส่วนเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับขนาดของตลาดทั่วโลก
อีกหนึ่งความเป็นไปได้คือการพิจารณายกเว้นการเก็บภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งรัฐบาลกลางกำลังจัดเก็บอยู่ที่อัตรา 18.4 เซนต์ต่อแกลลอน โดยนโยบายดังกล่าวเป็นไอเดียที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2008 เพื่อรับมือกับปัญหาราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นถึง $4 ต่อแกลลอนในเวลานั้น
References :
โฆษณา