14 ม.ค. 2022 เวลา 02:31 • การเมือง
สหรัฐ-อูเครน-รัสเซีย
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
สหรัฐกับรัสเซียเจรจากันที่เจนีวาเมื่อ 4 วันก่อน รัสเซียยืนยันว่าตนไม่มีแผนบุกอูเครน และขอร้องนาโตที่สหรัฐเป็นหัวขบวนหยุดขยายอิทธิพลไปทางตะวันออก สหรัฐบอกว่าไม่สามารถรับได้
อูเครนเคยหนุนรัสเซียขาว (นิยมกษัตริย์) ในสงครามกลางเมืองรัสเซียระหว่างค.ศ.1918-1921 แต่พวกรัสเซียขาวแพ้ ภายหลังอูเครนกลายเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียต
กระทั่งนายกอร์บาชอฟเป็นผู้นำโซเวียต แกเริ่มนโยบายปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยตามนโยบายกลาสนอตส์-เปเรสตรอยกา
1
ตั้งแต่นั้นมา อูเครนก็เห็นแสงสว่างที่จะแยกประเทศ เริ่มจาก ค.ศ.1989 มีการใช้อูเครนเป็นภาษาราชการ ตามด้วยเรียกร้องให้ตรวจสอบหลักฐานเพื่อชำระประวัติศาสตร์ใหม่ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอูเครนกับรัสเซีย
1
การจะแยกประเทศมักจะเริ่มต้นจากการเรียกร้องให้ใช้ภาษาท้องถิ่นและชำระประวัติศาสตร์ เมื่อได้ใช้ภาษาและประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องแล้ว การแยกประเทศก็จะตามมาได้ง่ายขึ้น
เดือนมีนาคม ค.ศ.1990 มีการเลือกตั้งผู้แทนรัฐสภาอูเครนตามระบอบประชาธิปไตยเป็นครั้งแรก นายเลโอนิด คราฟชุค คอมมิวนิสต์แนวปฏิรูปก็ยังได้รับเลือกเป็นประธานสภา
1
และเมื่อแยกประเทศได้ใน ค.ศ.1991 นายคราฟชุคก็ได้เป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ
1
สหรัฐและตะวันตกเห็นโอกาสที่จะมีอิทธิพลต่ออูเครนเพื่อคุมรัสเซียในอนาคต ตอนเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนธันวาคม ค.ศ. 1991 ผู้สมัครประธานาธิบดีทั้งสองคนต่างบอกว่า ถ้าชนะเลือกตั้งจะนำอูเครนใกล้ชิดกับตะวันตก
รัสเซียกลัวอิทธิพลของสหรัฐและตะวันตกมาก เมื่อ ค.ศ.1994 จึงไปหนุนนายเลโอนิด คุชมา ให้สมัครประธานาธิบดีแข่งกับนายเลโอนิด คราฟชุค
ปรากฏว่านายคุชมาชนะ เพราะคนตะวันออกและภาคใต้ซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อชาติและใช้ภาษารัสเซียสนับสนุน เป็นประธานาธิบดีได้พักหนึ่ง คุชมาก็โดนกดดันจากตะวันตกจนต้องไปสร้างความสัมพันธ์กับสหรัฐอย่างลึกซึ้ง
ช่วงนี้มีการให้โอกาสคนอูเครนกว่า 7 ล้านคนอพยพไปอยู่สหรัฐและแคนาดา โดยเฉพาะคนที่มีการศึกษาดีที่เป็นนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์
คนอูเครนได้รับสัญชาติอเมริกันและแคนาดาต่างก็สนับสนุนให้อูเครนลดความสัมพันธ์กับรัสเซีย และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐและตะวันตกแทน
รวมทั้งหนุนนายวิคเตอร์ ยูเชนโค ผ.อ.ธนาคารแห่งชาติอูเครนที่ประกาศตนอยู่กับสหรัฐและตะวันตกอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูเป็นนายกรัฐมนตรี (โดยมีนายคุชมาเป็นประธานาธิบดี)
นายยูเชนโคเป็นคนหนุ่มรูปหล่อ การศึกษาดี แถมมีใจให้สหรัฐ จึงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้ากลุ่มการเมืองผสมที่เรียกว่านาชายูเครยินาที่แปลว่าอูเครนของเรา
การเลือกตั้งประธานาธิบดี ค.ศ.2004 เป็นการแข่งกันระหว่างนายวิคเตอร์ ยานูโควิช (รัสเซียสนับสนุน) และนายวิคเตอร์ ยูเชนโค (สหรัฐและตะวันตกสนับสนุน)
นายยูเชนโคได้เสียงสนับสนุนร้อยละ 39.87 ส่วนนายยานูโควิชได้ร้อยละ 39.32 จึงต้องมีการแข่งขันรอบที่ 2 รอบนี้ รัสเซียทุ่มเต็มที่ ทำให้นายยานูโควิชชนะ
มีมือที่มองไม่เห็นเข้าไปหนุนให้คนอูเครนต่อต้านยานูโควิชและรัสเซียทั่วประเทศที่เราเรียกว่าการปฏิวัติสีส้ม ทำให้ศาลสูงตัดสินว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ แล้วให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นครั้งที่ 3
คราวนี้นายยูเชนโคก็ได้คะแนนเสียงร้อยละ 52 และได้เป็นประธานาธิบดี
หลังจากปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 23 มกราคม 2005 นายยูเชนโคก็เดินทางไปเยือนประเทศตะวันตก
ภายหลัง ผมได้รับได้รับชวนให้เข้าพบสนทนาเป็นการส่วนตัวกับนายยูเชนโคถึงประเด็นการเมืองและเรื่องอื่นๆ
หลังจากพบนายยูเชนโคและผู้คนหลายส่วนของอูเครนแล้ว เราก็จึงเข้าใจว่า มีทางเดียวที่อูเครนจะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจคือการที่อูเครนได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปและนาโต
แม้ปัจจุบัน อูเครนยังไม่สำเร็จในการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปและนาโต แต่ความพยายามนั้นก็ยังอยู่
ทำให้รัสเซียกังวลและพูดคุยกับสหรัฐในประเด็นนี้บ่อยๆ จนถึงปัจจุบัน.
โฆษณา