14 ม.ค. 2022 เวลา 04:03 • ธุรกิจ
#Update กลุ่มยูโอบีคว้าชัย ควักเงินเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซื้อธุรกิจลูกค้ารายย่อย ‘ซิตี้กรุ๊ป’ ในไทย-อินโดฯ-มาเลเซีย-เวียดนาม เตรียมผงาดความยิ่งใหญ่ในอาเซียน
1
สำนักข่าวต่างประเทศอย่าง Bloomberg และ The Straits Times ของสิงคโปร์คาดการณ์ว่า ดีลนี้จะมีมูลค่าประมาณ 3.6 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.9 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.2 แสนล้านบาท)
หลังสรรหาด้วยการประกวดราคากันมาอยู่พักใหญ่ว่าใครกันจะได้เป็นผู้ซื้อกิจการธุรกิจลูกค้ารายย่อย (เช่น ธุรกิจบัตรเครดิต) ของ Citi Group (ซิตี้กรุ๊ป) ในไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีทั้งชื่อของแบงก์กรุงเทพและกรุงศรีฯ
แต่ในที่สุด ผู้ที่คว้าชัยปิดดีลในครั้งนี้ไปได้นั้นคือ ‘กลุ่มธนาคารยูโอบี’ (UOB) ที่นอกจากซื้อกิจการในไทยแล้ว ยังพ่วงอีก 3 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนามด้วย
โดยยูโอบีระบุว่า ธนาคารในเครือของกลุ่มธนาคารยูโอบี ได้ทำข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งรวมถึงสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจเงินฝากรายย่อย (ธุรกิจลูกค้ารายย่อย) ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม (การเสนอซื้อกิจการ)
และรวมไปถึงพนักงานธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ป การเสนอซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและขยายขอบเขตธุรกิจของธนาคารยูโอบีในอาเซียน
ธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปมีสินทรัพย์สุทธิรวมทั้งสิ้นประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และฐานลูกค้าราว 2.4 ล้านราย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 และมีรายได้ประมาณ 0.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564
หากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกรรมนี้ในครั้งเดียว การเสนอซื้อกิจการนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของธนาคาร และผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ของธนาคารยูโอบีได้ทันที
การพิจารณาข้อเสนอเงินสดสำหรับการเสนอซื้อกิจการนี้จะคำนวณจากค่าพรีเมียมรวมซึ่งเทียบเท่ากับ 915 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ บวกกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของธุรกิจลูกค้ารายย่อยเมื่อการโอนย้ายกิจการเสร็จสมบูรณ์ ธนาคารยูโอบีจะใช้ทุนส่วนเกินของธนาคารเพื่อการเสนอซื้อกิจการครั้งนี้
ซึ่งคาดว่าจะลดอัตราส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Common Equity Tier 1 หรือ CET1) ของธนาคารลง 0.7% เป็น 12.8% ตามสถานะเงินทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ผลกระทบต่ออัตราส่วน CET1 คาดว่าจะมีไม่มาก และจะยังอยู่ภายในข้อกำหนดด้านกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแล
การเข้าซื้อกิจการในแต่ละประเทศจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศสิงคโปร์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จระหว่างกลางปี 2565 ถึงต้นปี 2567 ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าและผลของกระบวนการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคาร
ซิตี้กรุ๊ปจะทำงานร่วมกับยูโอบีและธนาคารในเครือ (รวมเรียกว่ากลุ่มธนาคารยูโอบี) อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การโอนย้ายธุรกิจลูกค้ารายย่อย ทั้งในส่วนของลูกค้าและพนักงานเป็นไปอย่างราบรื่น
มร.วี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า “การซื้อกิจการลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปใน 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม นับเป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่มาถึงในเวลาที่เหมาะสม
ยูโอบีเชื่อในศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเรามีวินัยและอดทนรอในการเสาะหาโอกาสที่ใช่เพื่อการเติบโตทางธุรกิจ
ในระหว่างการรอความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลธนาคาร เรามุ่งหวังที่จะโอนย้ายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจที่มีคุณภาพของซิตี้กรุ๊ป และเตรียมต้อนรับทีมงาน รวมถึงสร้างคุณค่าให้กับฐานลูกค้า พนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ของเราที่ขยายใหญ่ขึ้น
การซื้อกิจการนี้เมื่อรวมกับจำนวนผู้บริโภคของยูโอบีในภูมิภาค จะเป็นการรวมตัวที่ทรงพลังในการขยายธุรกิจของกลุ่มธนาคารยูโอบี และก้าวสู่ตำแหน่งธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว”
กลยุทธ์ธุรกิจรายย่อยของธนาคารยูโอบี ได้แก่ การเจาะกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การรุกกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่าน UOB TMRW แพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคาร และให้บริการด้านการเงินผ่านช่องทางที่หลากหลาย (Omni-channel) เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งอย่างต่อเนื่อง
การเสนอซื้อกิจการนี้จะขยายเครือข่ายพันธมิตรของยูโอบี และเพิ่มขนาดธุรกิจลูกค้ารายย่อยในทั้ง 4 ประเทศขึ้นเป็นสองเท่า เร่งให้บรรลุเป้าขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคเร็วขึ้นถึงห้าปี
โดยธุรกิจลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปมีพนักงานประมาณ 5,000 คน ซึ่งรวมถึงผู้บริหารระดับสูงและทีมงานมากประสบการณ์ การเข้ามาร่วมงานกับธนาคารยูโอบีจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธนาคารยูโอบี
กลุ่มธนาคารยูโอบีพร้อมที่จะต้อนรับลูกค้าและพนักงานของซิตี้กรุ๊ป ซึ่งจะได้รับข้อมูลความคืบหน้าของการเสนอซื้อกิจการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ด้าน มร.ปีเตอร์ บาเบจ ซีอีโอประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซิตี้ กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่จะประกาศการทำธุรกรรมนี้กับยูโอบี ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
เรามั่นใจว่ายูโอบี มีวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งและมีความต้องการในการเติบโตในระดับภูมิภาค พร้อมที่จะมอบโอกาสที่ดีในการทำงานแก่พนักงานในกลุ่มธุรกิจธนาคารลูกค้าบุคคลของเราในประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม
ในขณะเดียวกันเรามีความมุ่งมั่นในการนำเงินทุนที่เกิดจากการทำธุรกรรมนี้ไปใช้ในพื้นที่เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของเรา รวมถึงเครือข่ายสถาบันของเราทั่วเอเชียแปซิฟิก เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับซิตี้"
อ้างอิง
#TODAYBizview
#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตาม TODAY Bizview จากทีม workpointTODAY
ไม่พลาดข่าวธุรกิจ การตลาด การเงิน เทคโนโลยี
กับเพจ TODAY Bizview https://bit.ly/3picIeS
ติดตามรายการ TOMORROW เทรนด์สำคัญของโลกเพื่อวันพรุ่งนี้
ทาง YouTube https://bit.ly/3prjBfI
ติดตามรายการของ workpointTODAY
ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK
ติดต่อโฆษณาอีเมล advertorial@workpointnews.com
โฆษณา