16 ม.ค. 2022 เวลา 06:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
TKC เทรดวันแรก 17 ม.ค.นี้ โบรกฯให้เป้าสูงสุด 30.50 บาท/หุ้น
“เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC)” ได้ฤกษ์เข้าเทรด SET วันแรก 17 ม.ค.นี้ ระดมเงินเพิ่มฐานทุนแข็งแกร่ง พร้อมรับงานโครงการขนาดใหญ่ กูรูประเมินเป็นหุ้นอนาคตไกล รับเศรษฐกิจดิจิทัล ให้ราคาเป้าหมาย 28-30.50 บาท/หุ้น
*** TKC พร้อมเทรดวันแรก 17 ม.ค.65
นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 17 ม.ค. นี้ มั่นใจว่าจะเป็นหนึ่งในหุ้นน้องใหม่ที่เข้าซื้อขายใน SET ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยศักยภาพในธุรกิจให้บริการรับเหมา ออกแบบ วางระบบ จัดหาอุปกรณ์ ติดตั้ง ทดสอบ และบำรุงรักษาระบบงานวิศวกรรมในสายงานระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และระบบความปลอดภัยสาธารณะ ที่มีความเชี่ยวชาญเกือบ 20 ปี
พร้อมวางกลยุทธ์มุ่งสู่การเป็นที่หนึ่งในธุรกิจดิจิทัลโซลูชั่น ครอบคลุมด้านโทรคมนาคมและไอซีที มุ่งเน้นธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต เช่น ธุรกิจระบบ Smart Solutions, Smart Logistics ธุรกิจ Cyber Security โฟกัสที่อินฟราสตรัคเจอร์ ระบบคลาวด์แบบไฮบริด อุปกรณ์โดรน ที่เกี่ยวกับสมาร์ทฟาร์มมิ่ง โดรนที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ ทำแผนที่ โดยตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้นำด้านเหล่านี้ในอีก 1-3 ปีข้างหน้า
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ตลท. รับ TKC เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในวันที่ 17 ม.ค.นี้
TKC เป็นผู้ให้บริการรับเหมาโครงการแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey project) ในงานวางระบบโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคม สื่อสารข้อมูล และ ความปลอดภัยสาธารณะ รวมถึงงานบริการวิศวกรรม และบำรุงรักษา และ จัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดย ณ 30 ก.ย. 64 มีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) ประมาณ 2,346 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า และ มีโอกาสเติบโตตามโครงการภาครัฐ และ การขยายการลงทุนของภาคเอกชนในอนาคต
ทั้งนี้ TKC มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม 222 ล้านหุ้น และ หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 78 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้แก่บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 58.50 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 11.70 ล้านหุ้น และ กรรมการ ผู้บริหาร และ/ หรือพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยไม่เกิน 7.80 ล้านหุ้น ในวันที่ 7, 10–11 ม.ค. 65 ราคาหุ้นละ 18 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,404 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ 5,400 ล้านบาท
*** ระดมเงินเพิ่มฐานทุน รับงานโครงการใหญ่
นายสยาม กล่าวอีกว่า การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้บริษัทมีฐานทุนเพิ่มขึ้น เพิ่มศักยภาพในการรับงานโครงการขนาดใหญ่ ที่มุ่งเน้นการให้บริการเกี่ยวกับระบบโทรคมนาคม ระบบโครงข่ายสื่อสัญญาณ ระบบศูนย์ข้อมูลหลัก ศูนย์ข้อมูลสำรอง ระบบคลาวด์ Smart Solutions ระบบวิทยุสื่อสารดิจิทัลและระบบตรวจสอบเฝ้าระวังและการบริหารความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Security) รวมถึงงานบริการเพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดการเป็นผู้นำในการให้บริการงานวิศวกรรมในสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม และ สร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
โดย ปี 65 คาดว่าจะเป็นอีกปีที่ TKC สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น จากภาพรวมงานประมูลที่จะออกมาประมาณ 10,000 ล้านบาท และจาก Backlog ไตรมาส 3/64 สูงราว 2,346 ล้านบาท ยังไม่นับรวมไตรมาส 4/64 ที่ได้ประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ราว 1,404 ล้านบาท จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ สนับสนุนฐานทุนให้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้มีความพร้อมในการเข้าไปประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ และการรับรู้รายได้ต่อเนื่องภายในปี 2565-2566
TKC มีผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) กลุ่มนายสยาม เตียวตรานนท์ ถือหุ้น 46.07% 2) บริษัท สกาย ไอซีทีจำกัด (มหาชน) หรือ SKY ถือหุ้น 25.16% 3) นางปิ่นปรียากร ชนม์พัทธ์เมธา และนางศิริรัตน์ สุขสมาน ถือหุ้นท่านละ 1.39% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO จะพิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earning Ratio : P/E)
ทั้งนี้ ราคาที่เสนอขายคิดเป็นอัตราส่วน P/E เท่ากับ 17.54 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 63 ถึงไตรมาสที่ 3 ปี 64 ที่ 1.03 บาท/หุ้น ซึ่งคำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ (Fully Diluted) ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย
*** โขว์กำไร 9 เดือนปี 64 โต 64.7%
TKC มีกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 38.5 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 42.61 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนปี 64 มีกำไรสุทธิ 191.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 116.08 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 7.59% ในช่วงเดียวกันปีก่อน เป็น 10.41%
โดยงวด 9 แรกปี 64 บริษัทมีรายได้รวม 1,832.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.04% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการส่งมอบและทยอยรับรู้รายได้จากโครงการขนาดใหญ่ที่เริ่มดำเนินการในช่วงปลายปี 63-64
อย่างไรก็ดี รายได้จากงานจัดจำหน่ายลดลงอย่างมาก จากจำหน่ายสินค้าลดลง เนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีการจำหน่ายซอฟท์แวร์ในโครงการของ CAT ขระที่รายได้จากงานโครงการและงานบริการวิศวกรรมและบำรุงรักษายังเติบโตต่อเนื่อง
บริษัทมีต้นทุนขายและให้บริการ อยู่ที่ 1,484.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.37% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึน ขณะที่สัดส่วนต้นทุนขายและให้บริการต่อลดรายได้ลดลงต่อเนื่อง จากความสามารถในการบริหารต้นทุน และความสามารถในการต่อรองราคากับผู้รับเหมาช่วง เพื่ให้ได้ต้นทุนราคาที่ดีที่สุด ประกอบกับมีต้นทุนการฝึกอบรมที่ลดลงจากการแพร่ระบาดโควิด-19
*** โบรกฯให้ราคาเป้าหมาย 28-30.50 บาท/หุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด(มหาชน) ระบุว่า คาดการณ์รายได้บริษัทฯ มีโอกาสฟื้นตัวจากปี 63 ที่ทำรายได้ 2,877 ล้านบาท ต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิดสู่ปี 64 ที่คาดว่าตลอดทั้งปีจะทำได้ที่ 2,339 ล้านบาท (-18.69% YoY) และ ฟื้นตัวได้ในปี 65 จากปัจจัยข้างต้นสู่ระดับ 3,939 ล้านบาท (+68.36% YoY) ส่วนต้นทุนปี 63 ที่ 2,435 ล้านบาท (-42.10% YoY) และ คาดปี 64 ที่ 1,916 ล้านบาท (-21.29% YoY) และ ปี 65 ที่ 3,229 ล้านบาท (+68.48% YoY) ซึ่งเป็นผลจากสมมุติฐานการคาดการณ์ผลกำไรขั้นต้นตามหัวข้อลำดับถัดไป
ในส่วนของการประเมินมูลค่าพื้นฐานเลือกใช้วิธี P/E Multiplier โดยเลือกค่า P/E ที่เหมาะสมจากธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน 4 บริษัทในประเทศไทย ได้แก่ INSET,ITEL และ MFEC โดยทำการหาค่า Peer เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังของทั้งสามบริษัทได้ที่ 16.50X โดย +1 S.D ทำให้ได้P/E Multiple ที่ระดับ 21.40X จากคาดเห็นการฟื้นตัวเติบโตในปีหน้าได้อีกครั้งดังที่กล่าวไป โดย TKC ประเมินมูลค่าคาดการณ์ปี 65 คาดกำไรสุทธิที่ราว 428.21 ล้านบาท (+100.97% YoY) ส่งผลให้มีค่าคาดการณ์ EPS บริษัทราว 1.43 เท่า ทำให้ประเมินราคาที่เหมาะสมบริษัทไว้ที่ระดับ 30.50 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ระบุ ผลการดำเนินงานปี 64 คาดจะชะลอตัวลงเล็กน้อย -4.9% YoY เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้การเปิดประมูลงานต่าง ๆ มีความจำเป็นต้องเลื่อนออกไป อย่างไรก็ดี หากพิจารณาแผนยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลที่ต้องการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย รวมทั้งวิกฤตโควิด-19 ที่เป็นตัวเร่งให้เกิดเทคโนโลยี Disruption เร็วขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ผู้ประกอบการทั้งภาครัฐ และ เอกชนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีการสื่อสาร จะทำให้การเปิดประมูลงานวางระบบเครือข่ายสื่อสารและเทคโนโลยี เพิ่มมากขึ้นอย่ามีนัยสำคัญในปี 65 - 66 หลังวิกฤตโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลง
โดยประเมินรายได้ในปี 65 จะเร่งตัวขึ้น +76% YoY เป็น 4,032 ล้านบาท ตามภาพรวมอุตสาหกรรม และ ความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลงานโครงการ ของ TKC ที่มีความพร้อมมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งประมาณการฯ ถือเป็นประมาณการฯ ที่อนุรักษ์นิยม เนื่องจากก่อนวิกฤตโควิด-19 ในปี 61 - 62 TKC มีรายได้ปีละ 3,667 ล้านบาท และ 4,905 ล้านบาท ตามลำดับ
1
นอกจากนี้ TKC มี Backlog ณ สิ้นไตรมาส 3/64 อยู่ที่ราว 2,346 ล้านบาท ขณะเดียวกันประเมินอัตรากำไรขั้นต้นในปี 65 - 66 ที่ระดับ 16% ซึ่งเป็นระดับที่เท่ากับค่าเฉลี่ยของอัตรากำไรขั้นต้นของ TKC ย้อนหลัง 3 ปี (62 - 64) ทำให้คาดกำไรสุทธิปี 65 จะเติบโต +77.3% YoY เป็น 393 ล้านบาท คิดเป็น EPS 1.31 บาท/หุ้น (อิงจำนวนหุ้น 300 ล้านหุ้นหลังการเพิ่มทุน) โดยประเมินราคาเหมาะสม 28.0 บาท
โฆษณา