17 ม.ค. 2022 เวลา 12:25 • หุ้น & เศรษฐกิจ
🎤🎤 วันนี้มีสรุปแนวคิดดีๆจากคุณฮง x คุณมี่
ในหัวข้อ “ ออมหุ้นคุณค่าสไตล์ Value Investors ”
มาให้ฟังกันค่ะ
▶️ ซึ่งเป็นคลิปที่เก่ามากแล้วแต่ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในปัจจุบัน
💡เริ่มแรกที่ทั้งคู่ได้เริ่มเล่นหุ้นนั้น เป็นการเทรดตามMarketing เพราะเชื่อว่าMarketing น่าจะรู้เรื่องหุ้นดีที่สุด เนื่องจากเป็นคนนั่งเฝ้าราคาหุ้นตลอดเวลา
แต่สุดท้ายแล้ว……การเล่นตามMarketingก็ทำให้พวกเขาขาดทุนเกือบทุกครั้ง
จึงรู้สึกว่า..ต้องอ่านความคิดของคนที่รวยที่สุด❗️
เก่งทางด้านการลงทุน ❗️
จนได้มาพบกับแนวคิดของ Warren Buffett
ซึ่งWarren Buffett ไม่ได้สนใจเรื่องเศรษฐกิจโลกมากนัก แต่สนใจเรื่อง..
▶️งบการเงินของบริษัท
▶️ความสามารถของการแข่งขัน
ก็เลยต้องมามองว่าหุ้นของแต่ละบริษัทนั้น..
- จะจ่ายปันผลได้เท่าไหร่ ❓
- คืนหนี้แบงค์หมดภายในระยะเวลากี่ปี ❓
- สามารถมีเงินสดพอที่จะเพิ่มกำลังการผลิตได้ไหม❓
โดยที่ไม่ต้องเพิ่มทุนอะไรต่างๆ พอเราเข้าใจเรื่องพวกนี้เราก็จะเห็นภาพการลงทุน ว่าหุ้นที่เราลงทุนแนวโน้มจะเป็นอย่างไร📈
🔅 จะยากสุดในเรื่องของวิธีการวิเคราะห์และอ่านงบ
2
🌟หลักสำคัญอยู่ที่การวิเคราะห์ เพราะนักลงทุนส่วนมากมักจะให้น้ำหนักอยู่ที่ผลลัพธ์มากกว่าวีธีการและกระบวนการ
✅กำไรก็คือถูก ❎ขาดทุนก็คือผิด
📈การลงทุนในหุ้น คือการทำธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่ง
มีอยู่2เรื่องที่เราควรมอง คือ
1️⃣ ราคาและมูลค่าที่ควรจะเป็น
2️⃣ ราคาตลาด ณ ปัจจุบัน
🔅เพราะฉะนั้น..ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ถือหุ้น แต่ขึ้นอยู่กับการหามูลค่าพื้นฐานที่เหมาะสม
❣️คำจำกัดความของหุ้นอยู่ที่เวลาหรือมูลค่า
👉🏻 เทรนด์ของกิจการกับเทรนด์ของชาร์ตราคาหุ้น อาจจะเป็นคนละเรื่องกัน บางทีเทรนด์ของกิจการอาจจะดีแต่เทรนด์ของชาร์ตราคาหุ้นอาจจะside way หรืออาจจะกลับทิศแล้วก็ได้
👉🏻 หุ้นราคาเท่าเดิมแต่ความสามารถในการทำกำไรและการจ่ายปันผลลดลง ไม่เกี่ยวว่าเราจะถือยาวหรือสั้น
1
ในชีวิตจริงเราต้องเปรียบว่าจ่ายเงิน500เราได้อะไร ❓แล้วจ่าย600เราได้อะไร❓ มันเปรียบเสมือนการลงทุนแบบVI
- เวลาเราลงทุนและราคาที่เราจ่ายซื้อหุ้นตัวนี้ไปแล้วได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นกำไรปีละกี่%❓
- กำไรจะโตเท่าไหร่ ❓
- จ่ายปันผลกลับมาเป็นเท่าไหร่ ❓
มันไม่เกี่ยวกับช่วงระยะเวลา
1
🌟🌟Warren Buffett บอกว่าVIไม่ใช่ความเจ็บปวดที่ต้องทนเมื่อหุ้นลง แต่บอกว่าควรลงทุนในหุ้นที่กิจการมีความคุ้มค่าในการแข่งขันระยะยาว🌟🌟
❣️การจัดพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยง
เนื่องจากตลาดมีความไม่แน่นอน จึงต้องให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยง
🔅ถ้ามีup sideตัวเดียวก็ลงทุนตัวเดียว
🔅ถ้ามีup sideเท่าๆกันอยู่3-4ตัว การกระจายก็จะช่วยลดความเสี่ยงลง
2
แล้วถ้าตัวนั้นup sideเยอะๆเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามันมีup sideอยู่จริง แล้วเราจะไปถึงup sideตรงนั้นได้อย่างไร⁉️
ดังนั้น..เราต้องมีความรู้ในกิจการนั้นจริงๆ แล้วเราก็รู้ว่าต้องได้กำไรเท่านี้แน่ๆ เทรนด์การเติบโตเป็นแบบนี้แน่ๆ ถือตัวเดียวก็ไม่เสี่ยง ยิ่งถือเยอะก็ยิ่งเสี่ยง‼️
1
❣️การบริหารจัดการพอร์ต
เวลาเราลงทุนหุ้น หลักๆการวิเคราะห์ก็จะคล้ายๆกัน
หลายๆคนก็อาจจะวิเคราะห์ได้อยู่แล้ว แต่เวลาเจออารมณ์ของตลาดก็จะมีเป๋ๆไป
ดังนั้น เราต้องจดสิ่งที่เราวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น❓หรือมีปัจจัยอะไร❓ที่จะมากระทบกับรายได้ ต้นทุน ส่วนของผลตอบแทน ส่วนของผู้ถือหุ้น
รวมทั้งการดูราคาปิด ความสามารถในการแข่งขัน การมีคู่แข่งใหม่ๆเข้ามา
แล้วก็ต้องกลับมาทำvaluationใหม่ว่าสิ่งที่เราคิดมันดีไปหรือแย่ไป ตามที่เรามีข้อมูลอยู่ตอนนี้ว่าเราจะซื้อ จะถือ หรือ ขาย 🤔
1
❣️วิธีเลือกหุ้น
ต้องหาหุ้นที่มีความแข็งแกร่ง คนยกเลิกใช้บริการยาก จะเศรษฐกิจยังไงก็ต้องใช้ มีเทรนด์การเติบโตที่ชัดเจน
Valuationแล้วยังไม่แพงจนเกินไป
คิดกลับมาเป็น% คือเอา1 ตั้ง หารด้วยPE
(ซึ่งPEไม่ควรเกิน7%) และPEควรจะเป็นPEในอนาคต ซึ่งอาจจะต้องเดาอย่างมีหลักเกณฑ์
กลุ่มหุ้นที่น่าจะรุ่ง 📈 เช่น เทรนด์การสื่อสาร 📲
เทรนด์สุขภาพ 🏃🏻กลุ่มค้าปลีก 🛍 โรงพยาบาล🏥
ต้องดูทั้งvalue chain อันไหนที่ได้รับประโยชน์ ก็คือตัวที่จะเพิ่มมูลค่าให้เราในอนาคต
🌟ส่วนตัวWarren Buffett ไม่ชอบการลงทุนในหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น โทรศัพท์มือถือเพราะเชื่อว่า เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ข้อควรระวัง‼️จะดูอย่างไรว่าคือหุ้นVI และหุ้นคุณค่าที่แท้จริง
🔅 ไม่มีอะไรที่จะเป็นVI ได้ตลอดกาล เราต้องดูแนวโน้มเศรษฐกิจ ความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงนโยบายของประเทศนั้นๆว่าเป็นอย่างไรแล้วนำมาวิเคราะห์ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
1
❣️เมื่อลงทุนผิดพลาดควรทำอย่างไร
ไม่ใช่เพียงแค่ดูกำไรและงบการเงิน
แต่ต้องให้ความสำคัญด้วยว่าผู้บริหารเป็นคนยังไง ❓
บริษัทไม่ได้ทำอะไรแปลกๆใช่ไหม ❓
เช่น บริษัทซื้อหุ้นคืนและนำมาวางขายในตลาด มีการทำbig lotหรือเปล่า หรือ มีการทำbig lotที่ราคาสูงกว่าตลาดหรือไม่
ดังนั้น..เราต้องมองถึงแรงจูงใจของผู้บริหาร แรงจูงใจของผู้ที่มีพลังเงิน ข่าวต่างๆในตลาดหุ้น
ไม่ว่าจะเป็นการทำbig lot การซื้อขายผ่านNVDR การขายหุ้นคืน ทุกอย่างสามารถเป็นสัญญาณได้หมดถ้าเรานำไปวิเคราะห์ต่อ🔍
❣️ถ้าไม่มีพื้นฐานในการวิเคราะห์หุ้นมาก่อนจะดูได้อย่างไร
อันดับแรก 📝 ต้องฝึกอ่านงบการเงินให้เป็น
1️⃣ ค่าใช้จ่าย ต้องดูก่อนว่าหนี้แบงค์เยอะหรือเปล่า เพื่อดูไปถึงการเติบโตและการจ่ายเงินปันผล
2️⃣ Net Cash หรือ เงินสดสุทธิ คือเอาเงินสดที่บริษัทมีไปลบออกจากหนี้
ถ้าเป็นบริษัทที่เติบโตและมีเงินสดสุทธิที่อาจจะสามารถจ่ายปันผลได้มากขึ้น รวมถึงบริษัทมีการซื้อหุ้นคืนไปด้วย
3️⃣ ดูที่gross margin net margin และค่าใช้จ่ายว่าเป็นอย่างไร
1
💡Gross margin คือ กำไรขั้นต้น บริษัทที่ผู้บริหารไม่ค่อยซื่อตรงจะมีgross marginที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย มีการไซฟ่อนออกผ่านทางรูปแบบต่าง
4️⃣ กระแสเงินสด ต้องดูว่ากระแสเงินสดที่บริษัทหาได้เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิใกล้เคียงกันไหม⚖️
5️⃣ ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) ถ้าตัวเลขROEสูงกว่า 20% ต่อเนื่อง จะค่อนข้างบ่งบอกได้ว่าผู้ถือหุ้นที่เข้าไปลงทุนในบริษัทจะได้อะไรกลับมาเยอะ💸
3
❣️การบริหารจัดการกระแสเงินสดในพอร์ต
🔅ถ้าหากว่าได้เงินปันผลมาแต่พอร์ตของเราอยู่ในระดับที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่มก็ควรจะกันเงินออกมาเพราะความเสี่ยงในตลาดก็ยังมีอยู่
🔅แต่ถ้าพอร์ตที่ยังไม่โตมากก็ควรจะเติมไปจนหมด
🔅ส่วนหนึ่งอยู่ที่ว่าตลาดช่วงนั้นเป็นอย่างไร❓
ถ้าตลาดหาหุ้นค่อนข้างยาก เวลาได้เงินปันผลก็จะนำไปใช้จ่ายหรือเอาออกมาไว้ข้างนอก เผื่อเวลาหุ้นลงแล้วค่อยเอามาซื้อ
▶️ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคน รวมไปถึงสถานการณ์ ณ ตอนนั้นๆด้วย
1
❣️ วิธีเช็คว่าเราเลือกหุ้นถูกหรือไม่ ⁉️
🔅 นำตัวเลขที่เราวิเคราะห์ไว้มาเปรียบเทียบกับงบการเงินของบริษัทที่เราลงทุน
สมมุติว่า..เราซื้อหุ้นด้วยวิธีPE เราก็จะดูว่าearning
ปีหน้าเป็นเท่าไหร่
🔅 ข่าวสารต่างๆ ต้องดูว่ามีข่าวดีที่คนพูดถึงแล้วสามารถนำมาเพิ่มมูลค่าในหุ้นได้หรือไม่
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นความรู้ดีๆจากนักลงทุนที่มีประสบการณ์ หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆพี่ๆนักลงทุนทุกคนนะคะ 😊😊
ผู้สนับสนุน❗️❗️
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.05%
TFEX สัญญาละ 18-20
กับโบรคเกอร์
แนะนำหุ้นโดยที่ผู้แนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาต
แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรทาง INBOX ได้เลย
โฆษณา