19 ม.ค. 2022 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
รู้จัก Matterport แพลตฟอร์มแปลงทรัพย์สินในโลกจริง ให้ไปอยู่บนโลกดิจิทัล
3
เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Metaverse
น่าจะเป็นเทรนด์ที่ใครหลายคนเฝ้าติดตามด้วยความตื่นเต้น
เพราะในอนาคต ทุกอย่างรอบตัวเรา จะถูกผสาน หรือย้ายให้เข้าไปอยู่ในโลกเสมือนที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้น จนอาจนำไปสู่วิถีชีวิตรูปแบบใหม่
1
ซึ่งปัจจุบัน มีบริษัทชื่อว่า “Matterport” กำลังทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว
โดยการให้บริการแพลตฟอร์ม ที่ช่วยแปลงทรัพย์สินในโลกจริง ให้กลายเป็นทรัพย์สินดิจิทัลบนโลกออนไลน์
2
แล้วธุรกิจของบริษัทนี้ มีความน่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Matterport เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านข้อมูลเชิงพื้นที่ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 2011
โดยคุณ Dave Gausebeck, คุณ Matt Bell และคุณ Mike Beebe
ถ้าให้อธิบายธุรกิจของ Matterport แบบเข้าใจง่าย ๆ
คือ บริษัทจะเปิดแพลตฟอร์มให้ผู้ใช้งาน อัปโหลดภาพถ่ายของทรัพย์สิน หรือพื้นที่ต่าง ๆ ตามมุมมองที่กำหนด ซึ่งอาจถ่ายด้วยกล้องรุ่นพิเศษที่บริษัทผลิต หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนก็ได้
จากนั้น บริษัทจะนำข้อมูลไปประมวลผล เพื่อจำลองเป็นทรัพย์สินดิจิทัลแบบ 3 มิติ ที่มีรายละเอียดและสัดส่วนเหมือนจริงแทบทุกอย่าง
 
ซึ่งบริการดังกล่าว จะช่วยให้ทั้งบุคคลทั่วไปและภาคธุรกิจ เข้าถึงการใช้งานเทคโนโลยี Virtual Reality ได้สะดวกมากขึ้น และสามารถนำไปต่อยอดได้อีกมากมาย
เรามาลองดูตัวอย่างธุรกิจที่เริ่มใช้ประโยชน์จาก Matterport
- กลุ่มแรกที่เห็นได้ชัดเจนสุด คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรม
ทุกวันนี้ หากต้องการซื้อโครงการที่อยู่อาศัย หรือจองที่พักเวลาไปท่องเที่ยว หลายคนอาจค้นหาข้อมูลรีวิวภาพถ่าย หรือคลิปวิดีโอ กันเสียก่อน
แต่ต่อไป เราจะสามารถเข้าไปดูแบบจำลอง 3 มิติ ในทุกซอกทุกมุม ได้ตลอดเวลาบนโลกออนไลน์ เหมือนกับการใช้ Google Street View เดินดูภายในโครงการ ซึ่งน่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจเป็นอย่างมาก และทำให้บริษัทต่าง ๆ บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย
3
โดยปัจจุบัน บริษัทในอุตสาหกรรมนี้ เช่น Hyatt เชนโรงแรมรายใหญ่ และ Airbnb แพลตฟอร์มจองที่พัก ได้ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับ Matterport แล้ว
- กลุ่มต่อมา คือ ธุรกิจร้านค้าปลีก
แม้ตอนนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าทางแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เสน่ห์อย่างหนึ่งของการช็อปปิงที่ขาดหายไป คือ การได้เดินเลือกสินค้าตามสาขาหน้าร้านจริง
ทำให้ผู้ประกอบการบางราย เช่น H&M ร้านเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น และ IKEA ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีของ Matterport แปลงสาขาหน้าร้านของตน ไปสร้างเป็นร้านเสมือนบนโลกออนไลน์ เพื่อเสริมประสบการณ์ส่วนนี้ทดแทน
2
นอกจากนั้น ร้านขายอุปกรณ์ของตกแต่งประเภทต่าง ๆ ก็เห็นโอกาสพัฒนาบริการเชื่อมต่อกับ Matterport ด้วยการแปลงสินค้าเป็นทรัพย์สินดิจิทัล แล้วให้ลูกค้านำไปทดลองวางในแบบจำลอง 3 มิติ ของบ้านหรืออาคารสำนักงาน เพื่อดูความเหมาะสมก่อนได้ ซึ่งน่าจะช่วยสร้างความมั่นใจในการซื้อสินค้าพอสมควร
- อีกกลุ่มที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง คือ ธุรกิจประกันภัย
บริษัทประกันภัยหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เริ่มสนใจใช้แบบจำลองของ Matterport มาประกอบการพิจารณาและประเมินค่าสินไหมทดแทน
1
เนื่องจากสามารถติดตามข้อมูลของทรัพย์สินได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ความเสียหาย จนสภาพทรัพย์สินเปลี่ยนไปจากเดิม
และถ้ามองต่อไปในอนาคต Matterport ก็น่าจะมีส่วนสำคัญต่ออุตสาหกรรม “Metaverse” เป็นอย่างมาก
เพราะหนึ่งในปัจจัยที่ดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาสู่โลกเสมือนกันมากขึ้น
คงหนีไม่พ้น การแสดงผลวัตถุ และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ภายในแพลตฟอร์ม
ซึ่งไม่นานมานี้ Matterport ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท Meta เพื่อเป้าหมายสร้างฐานข้อมูลทรัพย์สินดิจิทัลขนาดใหญ่สุดในโลกขึ้นมา
เท่ากับว่า ในวันข้างหน้า หากเราใช้งานแพลตฟอร์มเกี่ยวกับ Metaverse สิ่งของที่อยู่รอบตัวในโลกเสมือนแห่งนั้น อาจเป็นผลงานที่สร้างสรรค์โดย Matterport นั่นเอง
แล้วปัจจุบัน Matterport มีขนาดใหญ่แค่ไหน ?
บริษัท Matterport ประเมินว่า ทั่วโลกมีทรัพย์สินที่สามารถแปลงเป็นทรัพย์สินดิจิทัลได้อยู่ราว 20,000 ล้านแห่ง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8 ล้านล้านบาท แต่เพิ่งมีการดำเนินการไปในสัดส่วนน้อยกว่า 0.1% เท่านั้น จึงทำให้อุตสาหกรรมมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
1
ซึ่งการเป็นผู้เล่นรายแรก ๆ ของตลาด และมีการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Matterport กลายเป็นผู้นำของธุรกิจแปลงทรัพย์สินดิจิทัลในขณะนี้
1
โดยล่าสุด บริษัทมีฐานลูกค้า ทั้งรายย่อยและองค์กรใหญ่ ๆ อยู่ราว 439,000 ราย ใน 170 ประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้น 116% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า และมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการราว 6.2 ล้านแห่ง คิดเป็นพื้นที่รวม 18,000 ล้านตารางฟุต สูงกว่าคู่แข่งรายอื่นถึง 100 เท่า
และการเปิดตัวแอปพลิเคชัน “Matterport Capture” บนสมาร์ตโฟน ทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS ในปี 2020 และระบบปฏิบัติการ Android ในปี 2021 นี้ ก็น่าจะยิ่งทำให้ผู้คนรู้จัก และใช้งานแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น
โดยปี 2020 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 2,900 ล้านบาท แต่ยังขาดทุน 470 ล้านบาท
ซึ่งคงต้องจับตาดูว่า Matterport จะสร้างกำไรได้มากแค่ไหน เมื่อมีฐานลูกค้าเยอะขึ้น และเทคโนโลยี Virtual Reality รวมไปถึงกระแส Metaverse ที่น่าจะแพร่หลายมากขึ้น
ทั้งนี้ Matterport จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2021 ที่ผ่านมา ด้วยวิธีแบบ SPAC (Special Purpose Acquisition Company) หรือการให้บริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นอยู่แล้วมาซื้อกิจการไป แล้วค่อยเปลี่ยนชื่อเป็น Matterport แทน โดยล่าสุด Matterport มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ราว 1.3 แสนล้านบาท
จากเรื่องราวนี้จะเห็นได้ว่า
สังคมมนุษย์ในอนาคตอันใกล้ คงเป็นการผสมผสานระหว่างสิ่งที่อยู่ในโลกความเป็นจริง กับสิ่งของเสมือนในโลก Virtual Reality และ Metaverse
ซึ่งธุรกิจที่คอยเชื่อมต่อระหว่างโลกทั้งสองฝั่ง ดังเช่น Matterport น่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ ดำเนินไปได้อย่างกลมกลืมกันมากที่สุด
จนสุดท้ายแล้ว เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ เราอาจจะเริ่มแยกไม่ออกว่า สิ่งที่เรามีปฏิสัมพันธ์อยู่ด้วยนั้น ฝั่งไหนเป็นโลกจริงของเรากันแน่..
References
โฆษณา