21 ม.ค. 2022 เวลา 06:19 • ธุรกิจ
ETRAN จากความฝัน สู่ยานยนต์พลังงานสะอาด
“พันธกิจของผม เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ผมเกิดมา แล้วคุณแม่ตั้งชื่อผมว่า ‘เอิร์ธ’ ซึ่งแปลว่าโลกแล้ว” นี่เป็นมิชชันของ ‘เอิร์ธ’ สรณัญช์ ชูฉัตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) สตาร์ตอัพฮาร์ดแวร์รายแรกของไทย ผู้พัฒนายานยนต์ไฟฟ้าพลังงานสะอาดภายใต้แบรนด์ ETRAN
‘เอิร์ธ’ สรณัญช์ ผู้บริหารหนุ่มวัย 34 ปีเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Cleanness mobility) กล่าวกับ The Story Thailand ว่า เขาถือว่าพันธกิจของเขาเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เขาลืมตาดูโลก ด้วยชื่อของเขา เขาอยากทำให้โลกดีขึ้น ประกอบกับคุณแม่ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ปลูกฝังด้านสิ่งแวดล้อมมาให้ตั้งแต่เด็ก ทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้อยู่ในใจของเขามาโดยตลอด
เขาเป็นเด็กในครอบครัวที่พ่อแม่ทำงานประจำ คุณแม่เป็นข้าราชการ คุณพ่อทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชน ไม่เคยทำธุรกิจ ไม่ใช่บ้านนักธุรกิจ แต่เขาเริ่มทำงานกับกลุ่มเพื่อนที่เป็น Co-Founder ของ ETRAN ตั้งแต่ปี 2 ภาควิชาออกแบบอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง เพราะอยากทำงานมากกว่าเรียน อยากหาเงิน หาประสบการณ์ ที่ได้ลงมือทำงานจริง ๆ จึงเปิดบริษัทให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ (Design Consulting Firm) ชื่อ MIA Collaboration ตั้งแต่เรียนปี 2 จนปีพ.ศ.2555 ตอนนั้นอายุ 25 ปี
“โครงการขนาดใหญ่ที่ทำตอนนั้นมี KidZania – ศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงสำหรับเด็กที่สยามพารากอน โรงแรม, อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงงานออกแบบผลิตภัณฑ์อย่าง ‘ก๊อกน้ำประหยัดวัสดุประหยัดน้ำที่สุดในโลก’ ซึ่งเคยได้รับรางวัล Red Dot Design award เป็น Best of The best สตูดิโอของเราติดอันดับ 1 ใน 10 ‘The Most Innovative Design Studio of The World’ โดย Red Dot Design award ด้วยเช่นกัน”
ทำไปสักพักเริ่มอิ่มตัว จึงขยับจากงานดีไซน์มาเป็นงานที่ปรึกษาด้านนวัตกรรม (innovation consulting firm) ดูแลลูกค้าขนาดใหญ่อย่าง DTAC, TQM ประกันภัย รวมถึงบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลาย ๆ ราย ได้มีโอกาสเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้บริหารระดับสูงในการขับเคลื่อนการออกแบบ
รวมถึงธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ Digital Venture บริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่นั่นทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องของสตาร์ตอัพ ซึ่งในตอนนั้นคำว่า ‘สตาร์ตอัพ’ ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในเมืองไทยเท่าไรนัก
“ผมได้เข้าใจโลกของการลงทุนในสตาร์ตอัพมากขึ้น จึงนำประสบการณ์ของการเป็นที่ปรึกษา รวมเงินเดือนที่ได้จากธนาคารไทยพาณิชย์มาเริ่มลงทุนใน ETRAN” เขานึกย้อนไปถึงวันนั้น
จุดเริ่มต้นของ ETRAN
ช่วงก่อนมาทำอีทรานคือช่วงที่เขาทำงานที่ปรึกษา เป็นงานที่ทำให้เขามีเงินมากพอระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ตอบความรู้สึกลึก ๆ ในใจ เขารู้สึกว่ายังไม่ได้ทำให้โลกกันดีขึ้น ทำแต่ให้ลูกค้ารวยมากขึ้น ช่วยปัญหาใหญ่ ๆ ให้ลูกค้าได้ แต่โลกไม่ได้ดีขึ้นมา
และวันหนึ่ง…วันที่เปลี่ยนชีวิตของเขาจากพนักงานประจำสู่วิถีสตาร์ตอัพ วันนั้นเขาต้องใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ แล้วรู้สึกเหม็นควันรถในท้องถนนมาก และรู้สึกว่านั่งไม่สบาย ระหว่างโดยสารอยู่หลังพี่วิน เขาเกิดความคิดว่าจะดีกว่าไหมถ้าพี่วินได้ใช้รถที่เหมาะกับงานที่เขาทำ เขามีความรู้สึกว่าเขาน่าจะมีความสามารถในการออกแบบรถมอเตอร์ไซต์ที่เหมาะกับคนที่ต้องใช้มอเตอร์ไซต์เป็นพาหนะหลักในชีวิตประจำวันและใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินได้ และที่สำคัญหากเขาได้เขาจะช่วยให้พี่วินเหล่านี้ไม่สร้างมลพิษและควันพิษเหม็น ๆ แบบที่เขากำลังสูดดมอยู่ระหว่างโดยสาร
เมื่อจับ 2 ประเด็นมาเจอกัน ทั้งเรื่องของสิ่งแวดล้อม และเรื่องของการออกแบบผลิตภัณฑ์ จึงเกิดมาเป็นธุรกิจออกแบบและผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอีทราน จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผ่านไป 6 ปี
ในประเทศไทยมีรถมอเตอร์ไซค์ประมาณ 22 ล้านคัน (มากกว่ารถยนต์) ค่าใช้จ่ายสำหรับการมีรถมอเตอร์ไซต์ เริ่มตั้งแต่ค่าผ่อนสินเชื่อรถ ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมแซมบำรุงรักษา หากสามารถช่วยเขาประหยัดต้นทุนได้แปลว่าเขาจะเหลือเงินในกระเป๋ามากยิ่งขึ้น
“ถ้าเราช่วยเขาให้ประหยัดไปได้เดือนละสัก 2,000 บาท หนึ่งปี 24,000 บาท สามปี 70,000 กว่าบาท เงินจำนวนนี้อาจจะเป็นค่าเทอมลูกเขา หรือนำไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องรอสวัสดิการเจ็บป่วย เลยทำให้ประเด็นเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิต กลายเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มาขับเคลื่อนเรา เพราะเราไม่อยากเพิ่มรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในถนน เราต้องการช่วยให้มันดีขึ้น เลยเป็นที่มาของคำว่า ‘เราตั้งใจทำให้โลกมันดีขึ้นหรือว่าเรียกว่า Drive a Better World’”
อ่านบทความเต็มได้ที่
ติดตาม The Story Thailand ได้ตามช่องทางเหล่านี้
Instagram:
LINE TODAY: TheStoryThailand
#TheStoryThailand #เดอะสตอรี่ไทยแลนด์ #สตอรี่ดีๆ
โฆษณา