21 ม.ค. 2022 เวลา 18:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
BREAKING !! : จับตาเงินเฟ้อโลก ! ล่าสุดราคาปุ๋ยและถ่านหินพุ่งกลับขึ้นมาใกล้ All Time High อีกครั้งแล้ว ขณะที่ Bond Yield ของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.75% ในคืนนี้แต่ตลาดหุ้นยังคงอยู่ในโซนสีแดง และปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อก็ยังคงวางใจไม่ได้เลยตอนนี้
1
ล่าสุดมีรายงานว่าราคาปุ๋ยทั่วโลกกำลังอยู่ในระดับที่สูงลิ่ว ! โดยเฉพาะในยุโรปซึ่งราคาปุ๋ยได้พุ่งกลับขึ้นไปอยู่ใกล้ระดับ All Time High อีกครั้ง ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 400% ในปี 2021 ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเรียกมันว่า "วิกฤตปุ๋ย" เลยทีเดียว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกษตรกรมีทางเลือกเพียงเล็กน้อยในการปลูกพืชผลต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อไปยังต้นทุนค่าอาหารสัตว์ในฟาร์ม และสุดท้าย Effect เหล่านี้ก็จะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ราคาปุ๋ยในยุโรป
ทั้งนี้ วิกฤตราคาวัตถุดิบในภาค Real Economy ยังเกิดจากการที่ต้นทุนสินค้าทางด้านพลังงานได้ปรับตัวสูงขึ้นตลอดปี 2021 โดยเฉพาะราคาน้ำมันและค่าขนส่งสินค้าทางเรือ ซึ่งถือเป็นต้นตอของการเกิดเงินเฟ้อในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก
แน่นอนว่ายุโรปคือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในเรื่องปุ๋ย (จริง ๆ แล้วประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศยากจนก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน) และทำให้เกษตรกรต้องลดสัดส่วนปุ๋ยที่ใช้ในการปลูกพืชลง ขณะที่โรงงานต่าง ๆ ก็ต้องปรับลดปริมาณการใช้ปุ๋ยด้วย และนอกจากนี้ ต้นทุนก๊าซธรรมชาติเองก็พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากยุโรปมีความตึงเครียดกับรัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ให้แก่ยุโรปอยู่
1
Demand และ Supply ปุ๋ยไนโตรเจนในยุโรปอาจเผชิญภาวะขาดดุลถึง 9% ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ขณะที่บริษัท VTB Captial คาดการณ์ว่าราคาอาหารสำหรับผู้บริโภคทั่ว ๆ ไปอาจสูงขึ้นได้อีก โดยเฉพาะหากมีปัญหาใหม่ ๆ เข้ามา อย่างเช่น สภาพอากาศที่ไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืช รวมถึงราคาเมล็ดพันธุ์ที่พุ่งสูงขึ้น
ในประเทศฮังการี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนจะลดลง 30-40% ในฤดูกาลปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางด้านพืชผลของประเทศ
นอกจากนี้ หากเกิดภัยแล้งหรือภัยธรรมชาติอื่น ๆ ขึ้นมาในช่วงปลายเดือนเมษายนและพฤษภาคม ก็มีแนวโน้มที่ผลกระทบทางด้านผลผลิตจะทวีความรุนแรงขึ้นอีก เนื่องจากปุ๋ยไนโตรเจนที่สามารถช่วยให้พืชรอดจากภาวะแห้งแล้งก็กำลังขาดแคลนอยู่
ในช่วงครึ่งปีแรกนี้คาดว่ายุโรปจะขาดแคลนปุ๋ยไนโตรเจนถึง 7 ล้านตันเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชในช่วงฤดูใบไม้ผลิของยุโรป
และแม้ว่าปัญหาทางด้านก๊าซธรรมชาติจะคลายตัวลงบ้าง รวมถึงการที่โรงงานผลิตปุ๋ย Yara International ASA เริ่มฟื้นคืนกำลังการผลิตกลับมาแล้ว แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะตอบสนองต่อ Demand ได้ และทำให้ภาวะขาดแคลนปุ๋ยต้องดำเนินต่อไปอีกสักระยะเป็นอย่างน้อย พร้อมกับราคาที่อยู่ใกล้ระดับ All Time High
การที่เกษตรกรต้องลดการใช้ปุ๋ยนั้น จะส่งผลเสียหลายอย่างเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของสารอาหารในพืช และปริมาณผลผลิตต่อต้น และปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้จะส่งผลต่อราคาต้นทุนของอีกหลายอุตสาหกรรม
เกษตรกรคนหนึ่งในฝรั่งเศส กล่าวว่าค่าใช้จ่ายทางด้านต้นทุนในการปลูกพืชผลของเขาเพิ่มขึ้นประมาณ 11,400 ดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งมีสาเหตุมาจากค่าเชื้อเพลิง ราคาปุ๋ย และค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้น
ซึ่งยุโรปเองก็ถือเป็นแหล่งผลิตธัญพืชชั้นนำของโลก ดังนั้นวิกฤตทางด้านราคาปุ๋ยจึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนระดับมืออาชีพควรจับตามอง เพราะจะส่งผลต่อหลายภาคส่วนธุรกิจทั่วโลกเลยทีเดียว
ทั้งนี้ วิกฤตปุ๋ยนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่ราคาอาหารทั่วโลกตามดัชนีของสหประชาชาติ กำลังอยู่ใกล้ระดับ All Time High เช่นกัน ซึ่งเราสามารถบอกได้เลยว่าโอกาสที่โลกจะเผชิญหลายวิกฤตพร้อมกันเช่นนี้นั้นหาดูได้ยากมาก
แต่สำหรับในสหรัฐฯ นั้น ดูเหมือนว่าวิกฤตจะยังไม่ร้ายแรงเหมือนในยุโรป เนื่องจากล่าสุดราคาปุ๋ยได้ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดที่จะวางใจได้
ปริมาณการส่งออกธัญพืชของยุโรป
ดัชนีราคาอาหารโลกของสหประชาชาติ
ราคาปุ๋ยในสหรัฐฯ
ราคาถ่านหิน
ประเด็นถัดมาก็คือราคาถ่านหิน ซึ่งตอนนี้พุ่งสูงขึ้นใกล้ระดับ All Time High อีกครั้ง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่เผชิญปัญหาหนัก และมีการแย่งชิง Supply ถ่านหินเกิดขึ้นนับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
ล่าสุดได้มีสัญญาณเชิงลบเกิดขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากราคาถ่านหินในออสเตรเลีย (ซึ่งเป็นประเทศส่งออกถ่านหินรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากอินโดนีเซีย) ได้พุ่งสูงขึ้นไปสู่ระดับประมาณ 220 ดอลลาร์/ตันอีกครั้ง ขณะที่ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ประมาณ 250 ดอลลาร์/ตัน
ราคาถ่านหินโลก
ขณะเดียวกัน อินโดนีเซีย ก็ได้ประกาศจำกัดการส่งออกถ่านหินในเดือนมกราคม เพื่อที่จะเติมเต็มความต้องการใช้ภายในประเทศก่อน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวผลักดันให้ราคาถ่านหินโลกสูงขึ้น
ซึ่งถ่านหินนั้นก็มักจะถูกนำไปใช้เป็นพลังงานทางเลือกเมื่อก๊าซธรรมชาติหรือวัตถุดิบทางด้านพลังงานอื่น ๆ ขาดแคลน แต่การใช้ถ่านหินนั้นค่อนข้างก่อมลพิษสูง และขัดต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโลกเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด ดังนั้นแนวโน้มในระยะยาวจึงมีแต่ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าราคาถ่านหินนั้นมีส่วนสำคัญในการวัดต้นทุนทางด้านพลังงานทั่วโลก และนั่นหมายความว่ามีผลต่อการคำนวณเงินเฟ้อของโลกเช่นกัน ดังนั้นราคาถ่านหินจึงถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนยังต้องจับตามองอยู่ในปัจจุบันนี้
ความเคลื่อนไหวในตลาดการเงินคืนนี้
ล่าสุด Bond Yield ของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.75% ซึ่งคิดเป็นการร่วงลง -2.77% ในวันนี้ และควรจะเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อตลาดหุ้นของสหรัฐฯ แต่เมื่อดูที่ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น พบว่าทั้ง 3 ดัชนีหลักคือ S&P 500, Dow Jones และ Nasdaq 100 ยังคงอยู่ในโซนสีแดงอย่างต่อเนื่อง (แต่ยังดีที่ทั้ง 3 ดัชนีติดลบไม่ถึง -1% ในคืนนี้)
อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งของ S&P 500 นั้นล่าสุดได้ร่วงลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันแล้ว และกำลังจะทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่า Momentum ขาขึ้นกำลังลดลง
Bond Yield และความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นคืนนี้
S&P 500 Index
ขณะเดียวกัน Bitcoin ร่วงลงประมาณ -5.78% ในวันนี้ โดยล่าสุดทรงตัวอยู่ใกล้ระดับ 38,000 ดอลลาร์ ส่วนทองคำล่าสุดปรับตัวลดลงประมาณ 10 $/Oz จาก 1840 $/Oz มาอยู่ที่ 1830 $/Oz และดัชนีเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ 95.5 หน่วย
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อการพุ่งขึ้นของ Bond Yield ในก่อนหน้านี้ และความเคลื่อนไหวของ FED ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ โดยเฉพาะการขึ้นดอกเบี้ยและการทำ QT ซึ่งกำลังเป็น 2 ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในตลาดการเงินโลกเลยทีเดียว
1
โดยสรุปก็คือ ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาทั้งแต่ต้น ล้วนเป็นเรื่องที่ควรจับตามองตลอดปี 2022 นี้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อการประเมินราคาสินทรัพย์ทั่วโลก และไม่ว่าความเคลื่อนไหวจะเป็นอย่างไรต่อไป ทาง World Maker จะนำเรื่องนี้มาอัปเดตให้ทราบตลอดทั้งปีครับ
ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันข่าวสารที่แท้จริงไปกับ World Maker
🙏 ขอบคุณทุกท่าน 🙏 ที่ติดตาม World Maker ฝากกด Like และ Share เพื่อเป็นกำลังใจและให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ 😊
References :
โฆษณา