24 ม.ค. 2022 เวลา 02:00 • กีฬา
" เบื้องหลังลูกชิพในตำนาน "
บรูโน่ แฟร์นันด์ส พยายามยิงเบรนท์ฟอร์ดด้วยการชิพข้ามตัวผู้รักษาประตูแต่มันไม่ได้ผล
การยิงด้วยการชิพที่เราเข้าใจกันง่ายๆ ว่าตักบอลให้ได้ตำแหน่งและน้ำหนักพอเหมาะ เพื่อให้บอลลอยโด่งแล้วตกไปยังเป้าหมาย
นักฟุตบอลอาชีพทุกคนสามารถเล่นลูกชิพได้ แต่มีไม่เยอะที่จะนำมันมาใช้งานได้จริงในเกมการเล่น
ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการกะน้ำหนักของการเตะ ตำแหน่งบอลที่จะเตะ ไปจนถึงระยะห่างระหว่างลูกบอล กับเป้าหมาย และมีสิ่งกีดขวางอยู่ อาจจะเป็นกองหลัง หรือผู้รักษาประตู ทำให้มันคำณวนได้ไม่ง่าย
นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องของสภาพจิตใจ ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน จะเยือกเย็น และกล้ามากพอที่จะยิงด้วยการชิพแบบนี้หรือไม่
ลูกชิพที่เราเห็นบ่อยมักเป็นระยะสั้นๆ จิกบอลให้ลอยข้ามตัวผู้รักษาประตูที่วิ่งสวนออกมาปิดมุมในจังหวะหลุดเข้าเขตโทษ
นักเตะบางคนก็ชอบเล่นลูกชิพเป็นพิเศษ จะเห็นการเล่นแบบนี้บ่อยมาก ถ้าลองไล่ย้อนไปดู ยกตัวอย่างเช่น เวย์น รูนี่ย์, ราอูล กอนซาเลซ และ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ
นักเตะชั้นยอดเหล่านี้เคยทำประตูด้วยลูกชิพสวยๆ มาหลายครั้ง
เอาแค่ในพรีเมียร์ ลีก เราก็เคยเห็นลูกชิพสวยๆ ได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นลูกที่ แม็ทธิว เลอ ทิสซิเยร์ ยิงใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โรบินโญ่ ตอนมาเล่นให้แมนฯ ซิตี้ ก็เคยยิงใส่ อาร์เซน่อลด้วยการชิพ แม้แต่ จอห์น โอเช ก็เคยชิพใส่อาร์เซน่อลมาแล้วเช่นกัน
แต่ถ้าถามถึงลูกชิพที่เป็นตำนาน เป็นเหมือนภาพจำในพรีเมียร์ ลีก ส่วนใหญ่ต้องยกให้ลูกยิงของ เอริค คันโตน่า ที่ทำใส่ซันเดอร์แลนด์
เกมพรีเมียร์ ลีก ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อ 21 ธันวาคม 1996 แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเจอซันเดอร์แลนด์ เกมนี้ ปีศาจแดงเอาชนะไปขาดลอย 5-0
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ทำ 2 ประตู เช่นเดียวกับ "เดอะ คิง" คันโตน่า
ประตูที่ถูกกล่าวถึงคือประตูปิดท้าย 5-0 คันโตน่า ได้บอลบริเวณกลางสนาม เขาม้วนตัวพลิกหลบนักเตะซันเดอร์แลนด์ 2-3 คน ก่อนลากขึ้นมาหน้าเขตโทษทำชิ่งกับ ไบรอัน แม็คแคลร์ ก่อนชิพด้วยขวาทันทีที่บอลถูกชิ่งคืนมาให้
บอลลูกนั้นลอยข้ามหัวผู้รักษาประตู ลิโอเนล เปเรซ เข้าไปเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลอย่างเหนือชั้น และที่มันน่าจดจำก็เพราะ ก็องโต ดีใจด้วยการยืนอยู่กับที่ ค่อยๆ หมุนตัวไปรอบๆ แล้วกางแขนขึ้นมาประกาศศักดาด้วยท่าทางที่ทั้งน่าชื่นชม และน่าหมั่นไส้ไปในตัว
บวกกับการยกปกคอเสื้อขึ้นอันเป็นเอกลักษณ์ กับเสื้อแข่งแขนยาวในวันนั้นที่มีปลอกแขนกัปตันทีมอยู่ด้วย ยิ่งทำให้มันเป็นภาพในความทรงจำของแฟนบอล
เบื้องหลังของประตูนี้ คันโตน่า เคยเล่าเอาไว้ทางพ็อดแคสต์ของสโมสรเมื่อ 2 ปีมานี้เอง
ลิโอเนล เปเรซ ผู้รักษาประตูซันเดอร์แลนด์ ในวันนั้น จริงๆ คืออดีตเพื่อนร่วมทีมของ คันโตน่า เอง เคยเล่นด้วยกันที่สโมสร นีมส์ ในช่วงปี 1991 ก่อนที่ ก็องโต้ จะย้ายมาอังกฤษเพื่อเซ็นกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด
"ผมไม่เคยฉลองประตูด้วยแนวทางแบบเดิมเลย เพราะทุกประตูมันแตกต่างกัน เอเนอร์จี้มันต่างกันออกไป ทุกอย่างมันไม่เหมือนกันหรอก"
"แต่ บางทีผมฉลองท่านี้ ผมไม่รู้สินะ มันเป็นเรื่องดีที่ได้รับเอาพลังมาจากแฟนบอลทั้งหมด รู้มั้ย? และบางครั้ง มันยิ่งกว่านั้น บางที เพราะผู้รักษาประตูคนนั้น เขาเป็นคนฝรั่งเศส"
"ก่อนเกม ในอุโมงค์ทางเดิน ผมเข้าไปหาเขาเพื่อจับมือ และพูดทักทายเขา เพราะผมไม่ได้เจอเขาอีกเลยนับแต่ผมออกจากนีมส์ มันเป็นสโมสรสุดท้ายของผมที่ผมเล่นในฝรั่งเศส"
"และเขาไม่อยากจับมือกับผม บางที ผมยิงประตูแบบนี้ก็เพราะเรื่องนั้นแหละ"
ช่วงนั้น คันโตน่า โดนมองเป็นขบถในฝรั่งเศส เขาย้ายไปเล่นให้ มาร์กเซย, บอร์กโดซ์, มงต์เปลลิเยร์ แล้วมาลงเอยกับ นีมส์ ในปี 1991
ด้าน ลิโอเนล เปเรซ ซึ่งอายุน้อยกว่า คันโตน่า 1 ปี แจ้งเกิดมากับนีมส์ และเป็นมือ 1 ของทีมมาตั้งแต่ปี 1989 ในช่วงปี 1991 ที่อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ก็สนิทกันพอสมควร ช่วยกันซ้อม แต่เมื่อ ก็องโต้ ย้ายมาอังกฤษ ก็ไม่ได้เจอกันอีก จนกระทั่งในเกมนี้
คันโตน่า พยายามเข้าไปทักทายพูดคุยเพราะเคยสนิทกันมา แต่โดนเมินเฉย อาจจะด้วยเหตุผลเรื่องของสมาธิต่อเกม หรืออะไรก็ตาม แต่มันทำให้ คันโตน่า หัวเสีย
"นั่นเป็นการทำให้ผู้รักษาประตูอับอายขั้นสุด และรวมถึงการฉลองประตูแบบนี้ด้วย เพราะเขาโมโห แต่คุณก็ไม่ได้วิ่งไปดีใจที่อื่นเลย"
"ผมแค่ยืนอยู่กับที่ตรงนั้น นี่ ดูฉันสิ!"
ร่วมรับชมคลิปเพิ่มความมัน อินไปกับบทความได้ที่ : http://ow.ly/bYuo30s836u
 
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา