24 ม.ค. 2022 เวลา 22:21 • ปรัชญา
“โลกุตระทรัพย์”
การที่เราจะได้โลกุตระทรัพย์ ได้หลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด จะต้องมีพระพุทธศาสนามานำทาง มาบอกวิธีของการปฎิบัติ ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนาเราจะไม่มีวันรู้เลยว่าเรานี้มาเวียนว่ายตายเกิดกันได้อย่างไร ดีไม่ดีอาจจะไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่าเรากำลังเวียนว่ายตายเกิดกัน คนที่ไม่รู้จักพระพุทธศาสนาเขาคิดว่าเขาเกิดมาแล้วก็ตาย ตายแล้วก็สูญ ตายแล้วก็จบ เพราะเขาดูที่ร่างกายเพียงอย่างเดียว เห็นร่างกายเพียงอย่างเดียว เขาไม่เห็นตัวที่ผลักดันร่างกาย ตัวที่สั่งให้ร่างกายทำอะไรต่างๆ นี้เขาไม่เห็น เขาคิดว่าเป็นตัวเดียวกัน คิดว่าเป็นตัวเดียวกับร่างกาย ผู้รู้ผู้คิดผู้สั่งให้ร่างกายทำอะไรต่างๆ นี้เป็นคนละตัวกัน แต่เขาไม่รู้เขาจะคิดว่าเป็นตัวเดียว เพราะผู้รู้ผู้คิดไม่มีรูปมีร่าง ไม่มีหน้าตาเหมือนร่างกายนั่นเอง เขาก็เลยเหมาเอาว่าเป็นตัวเดียวกัน
เหมือนคนเมื่อก่อนก็เหมาว่าโลกนี้แบน เพราะเขาเห็นว่ามันแบนเห็นว่าราบ เขาก็เลยเหมาว่าโลกนี้แบน แต่คนฉลาดนี้เขาสามารถพิจารณาตรึกตรองและเห็นว่ามันไม่แบน เหมือนกับพระพุทธเจ้ากับนักบวชทั้งหลายนี้ เขาสามารถแยกผู้รู้ผู้คิดออกจากร่างกายได้ สามารถแยกใจออกจากร่างกายได้ รู้ว่าใจกับร่างกายเป็นคนละคนกัน รู้ว่าหลังจากที่ร่างกายตายไปแล้วใจยังไปต่อ ไปรับผลบุญผลบาปต่อ แล้วไปเกิดใหม่ต่อ และรู้จักวิธีที่จะหยุดการให้ใจนี้ไปเกิดใหม่ เพราะรู้ต้นเหตุที่จะพาให้ไปเกิดใหม่ ก็คือตัณหาความอยากทั้ง ๓ ประการนี้ ก็มาเอาเครื่องมือที่มีอยู่คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี้มาหยุดมันมาดับมัน พอหยุดมันได้ดับมันได้หมด ก็จะไม่มีเหตุที่จะพาให้ใจผู้รู้ผู้คิดนี้ไปเกิดใหม่ต่อไป ใจก็จะอยู่ที่นิพพาน อยู่ที่ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด อยู่ที่มีแต่บรมมสุข อยู่ที่ไม่มีความทุกข์
นี่คือใจของพระพุทธเจ้าและใจของพระอรหันตสาวกทั้งหลาย และใจของพวกเราถ้าพวกเรามีศรัทธาความเชื่อและน้อมนำไปปฏิบัติ เราก็จะได้ไปถึงใจที่เป็นพระนิพานได้เช่นเดียวกันอย่างแน่นอน ฉะนั้นขอให้พวกเราจงปลูกฝังความเชื่อความศรัทธาให้เหนียวแน่น อยู่กับพระพุทธศาสนาและพยายามปฏิบัติตามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ช้าก็เร็ว วันหนึ่งเราก็จะได้บรรลุถึงธรรมขั้นต่างๆ เหล่านี้อย่างแน่นอน
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๑
พระอาจารย์สุชาตอ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
โฆษณา