25 ม.ค. 2022 เวลา 03:22 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้นน่าซื้อวันนี้ 25 ม.ค. 65 โบรกมองหุ้นไทยแกว่งผันผวนผลพวงจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่งต่อมายังตลาดหุ้นเอเชียเห็นได้จากตลาดหุ้นญี่ปุ่น เกาหลีใต้เช้านี้วิ่งสู่แดนลบ คาดว่า SET INDEX อาจปรับตัวลงก่อนช่วงต้น แต่มีโอกาสฟื้นตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย มองกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ 1,630-1,650 จุด เน้นกำไรเติบโต-ปันผลแจ่ม
บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวผันผวนรุนแรงมาก โดยเฉพาะดัชนีหุ้นเทคโนโลยี NASDAQ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ลงไปถึงจุดต่ำสุด -4.9% ก่อนจะพลิกสถานการณ์ขึ้นมาปิดบวกราว 0.63% ส่วนดัชนี Dow Jones และ S&P 500 ก็มีทิศทางคล้ายกัน
นอกจากนี้ดัชนีชี้วัดความเสี่ยง VIX Index ปรับตัวขึ้นแรงมากระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ไปทำจุดสูงสุดเกือบ 39 แต่สุดท้ายแล้ว ย่อลงมาปิดบริเวณ 29.90 (+3.64%) ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นสัญญาณเชิงบวกว่า VIX Index น่าจะผ่านจุดสูงสุดในรอบสั้น และมีโอกาสที่จะเริ่มชะลอตัวลงในระยะนี้ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียช่วงเช้า เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เริ่มต้นด้วยการแกว่งตัวเชิงลบ สะท้อนว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกส่งต่อมาถึงเอเชียด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี การปิดบวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ น่าจะช่วยหนุนให้บรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายมากขึ้นกว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เราประเมินว่า SET INDEX วันนี้ อาจปรับตัวลงก่อนช่วงต้น แต่มีโอกาสฟื้นตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย คาดกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ 1,630-1,650 จุด
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามเพิ่มเติม คือ ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน เป็นแรงขับเคลื่อนให้ราคาพลังงานทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น เป็นแรงกดดันเพิ่มเติมต่อภาวะเงินเฟ้อ ที่หลายประเทศกำลังเผชิญปัญหาอยู่
อย่างไรก็ตาม ช่วงค่ำวันนี้ เวลาประมาณ 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย IMF จะเปิดเผยประมาณการเศรษฐกิจโลกรอบใหม่ เราคาดว่า มีโอกาสที่ IMF จะปรับลดคาดการณ์ GDP โลกจากรายงานเมื่อเดือน ต.ค.2564 ที่คาดโต 4.9% YoY เพื่อสะท้อนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ Omicron
หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ 4 ตัว ตัวแรกคือ WFX เรามีมุมมองบวกหลังเข้าประชุมกับผู้บริหาร พร้อมคาดว่ากำไร 4Q64 มีแนวโน้มทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสที่ 110-130 ลบ. จากรายได้, อัตรากำไรที่ดีขึ้นช่วยหนุนผลประกอบการ ขณะที่ 1Q65 คาดว่ากำไรจะทำ New High รายไตรมาสได้อีกครั้ง และเป็น Sentiment บวกต่อราคาหุ้น
สำหรับปี 2565 เราคาดรายได้เติบโต +18% YoY เป็น 4.12 พันลบ. และคาดกำไรอิง NPM ที่ 9.0-10.0% จะได้กำไรในช่วง 360-420 ลบ. ได้ EPS ที่ 0.78, 0.84 และ 0.90 บาทตามลำดับ อิง PE 15 เท่าได้ช่วงราคาเป้าหมายที่ 11.63-13.57 บาท
หุ้นเด่นถัดมาคือ MAKRO เราเริ่มต้นคำแนะนำด้วย “ซื้อ” จากจุดเด่นคือ ผู้นำธุรกิจค้าปลีก, ค้าส่งอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภค ก้าวขึ้นสู่ผู้นำระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดว่าด้วยการประหยัดต่อขนาดและการใช้ระบบบริหารจัดการสินค้าร่วมกันระหว่าง MAKRO-LOTUS จะส่งผลให้อัตรากำไรในระยะยาวของบริษัทปรับตัวขึ้น
ดังนั้น เราคาดกำไร 3 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ย (CAGR) สูงถึง 40% คาดกำไรปี 2565 เติบโต +93% YoY เป็น 1.26 หมื่นลบ. และปี 2566 เติบโต +44% YoY เป็น 1.8 หมื่นลบ. ราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคา PO ที่ 43.50 บาท น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว
หุ้นเด่นอีกตัวคือ BBL ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนมาก จาก 1)ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน 2)การประชุมเฟดในวันพุธที่ 26 ม.ค. คาดส่งสัญญาณตึงตัวนโยบายทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าหุ้นกลุ่มธนาคารของไทยยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด เนื่องจากมีความถูกในเชิง Valuation และตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มได้ประโยชน์จากการกลับมาซื้อของนักลงทุนต่างชาติในปีนี้ BBL เป็นหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่เข้าข่าย Value Play เนื่องจากซื้อขายที่ PBV เพียง 0.5 เท่า และมี Coverage Ratio สิ้นปี 2564 สูงถึง 225%
หุ้นเด่นสุดท้าย BDMS ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 22.40 บาท แนวรับ 21.70 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 21.40 บาทคาดกำไรปกติ 4Q64 ที่ 2.3 พันลบ. ทรงตัว QoQ และเพิ่มขึ้น +88% YoY และปี 2565 คาดได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของคนไข้ต่างชาติ
บล.เอเซีย พลัส มองว่า มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index 1,635 - 1,660 จุด
หุ้นเด่นวันนี้มี 3 ตัว นำโดย MINT (FV@36.0)ราคา laggard + COVID เริ่มคลี่คลายสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มมีแนวโน้มเป็นโรคประจำถิ่น หลังพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อ OMICRON ที่ได้รับวัคซีนส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง รวมถึงการกระจายวัคซีนCOVID-19 ทั่วโลก ประเมินหนุนการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมในปี 2565
โดยฝ่ายวิจัยคาดปี 2564 ขาดทุนปกติ1.4 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับ 9M64 ขาดทุนปกติ 1.1หมื่นล้านบาท มองว่า Downside จำกัด ก่อนที่ปี 2565 คาด การณ์พลิกเป็นกำไรราว 1.4 พันล้านบาท คาดหวังการ Turn around เป็นกำไรครั้งแรก 2Q65 จาก HighSeason ในยุโรป แนะนำซื้อ ตามธีม Catch-up play จากราคาหุ้น MINTรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาไม่เปลี่ยนแปลง เทียบกับหุ้นโรงแรมในยุโรป อย่าง ACCOR (+22%), NH Hotel (+12%)และ IHG (+9.5%)
หุ้นเด่นตัวถัดมาคือ MAKRO (FV@49.60)
และหุ้นเด่นตัวสุดท้ายคือ CPALL (FV@70.2) น่าสะสมรอรับการฟื้นตัวเด่นปี 2565คาดว่ากำไร CPALL จะกลับมาฟื้นตัวได้ถึง 107% ในปี2565 สูงขึ้นจากฐานปี 2564 ที่ต่ำลง โดยผลกระทบการถือหุ้น MAKRO ลดลงราว 54.7% หลัง MAKRO ขายหุ้น PO รวมกับที่ CPALL จะขายหุ้น MAKRO บางส่วนพร้อม PO จะช่วยให้ MAKRO และ CPALL ได้เงินมาคืนหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ Lotus's
การฟื้นตัวจะมาจากผลบวกที่คาด SSSG ทุก Formatและพื้นที่เช่า CPRD (Lotus's) คาดฟื้นตัวตามภาพรวมกิจกรรมเศรษฐกิจ , ท่องเที่ยวที่กลับมา และมาร์จิ้นที่ลดลงฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบ COVID ที่ลดลงโดยเฉพาะสินค้ามาร์จิ้นสูงในส่วน CPALL, MAKROและธุรกิจพื้นที่เช่า Lotus's คาดเติบโตต่อเนื่องอีก24.8% ในปี 2566
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า วันนี้คาด SET แกว่ง Sidewaysในกรอบแนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,660 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเติบโต
โดย หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ GLOBAL คาดกำไร4Q64ที่ 689 ล้านบาท เติบโต +5% 000 และ +82%YoY จากคาด SSSG แข็งแกร่ง+15% และมีการเปิดสาขาใหม่ 1 แห่งที่เชียงราย และกำไรปี 2565 คาด+9% ถูกผลักดันจากการขยายสาขา7-8 แห่ง, เพิ่มสัดส่วนสินค้า Housebrand และการขยายไปยังต่างประเทศเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 27.5 บาท
หุ้นเด่นอีกตัวคือ SAT ตัวเลขอุตสาหกรรมรถยนต์เดือนร.ค. อยู่ในเกณฑ์ดี หลัง Covid-19ดีขึ้น คลายล็อกดาวน์, ปัญหาไมโครชิปขาดแคลนเริ่มดีขึ้น คาดจะส่งผลบวกต่อกลุ่มยานยนต์ แนะสะสมSAT แนวโน้มกำไรปี 65 ขยายตัว 9%ปัจจุบันเกรด PE เพียง 8.7 เท่า และคาดอัตราปันผลปนี้สูง 7.4% ต่อป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 25.5 บาท
บล.ไทยพาณิชย์ คาด SET มีโอกาสรีบาวด์ โดยการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนในช่วงท้ายหลังลงแรงระหว่างวัน สะท้อนว่ารับรู้เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไปมากแล้ว ทำให้มอง SET มีโอกาสฟื้นตัวจากแนวรับ 1,630-1,637 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,650-1,655 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเห็นการฟื้นตัวชัดขึ้น ประเด็นสำคัญ ติดตามประชุมเฟดวันที่ 25-26 ม.ค.นี้
แม้ตลาดมองข้ามความเสี่ยง Omicron และรับรู้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว แต่ยังไม่รับรู้มากนักสำหรับประเด็นความเสี่ยงที่เฟดจะลดขนาดงบดุล (QT) ทำให้กลยุทธ์การลงทุนจึงยังคงเน้น Selective Buy ในหุ้นคุณภาพดี ดังนี้
Core Portfolio : คงน้ำหนักพอร์ตไว้ที่ 50% ในหุ้นพื้นฐานดีและผลการดำเนินงานมีแนวโน้มโตดี หรือเป็นหุ้น S-Curve อย่าง KBANK ,GPSC, INTUCH, ,SPALI, AMATA, LH ,GULF, DELTA ,ADVANC, ONEE
Weekly Portfolio : เก็งกำไรน้ำหนักไม่เกิน 25% ในหุ้น Reopen หลังตลาดมองข้ามความเสี่ยง Omicron อย่าง MINT, AOT, CRC, CPN / หุ้นที่ปรับลงแรงเพราะ Yield สวนทางกำไรที่ยังดี อย่าง KCE, HANA, ACE / หุ้นที่คาด 4Q64 กำไรเติบโตดี อย่าง IVL, PTTEP, BLA
หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ NYT (ราคาเป้าหมาย IAA consensus 4.85 บ.) ได้ผลบวกตรงจากยอดส่งออกรถยนต์ ธ.ค. 64 ที่ 101,307 คัน (+47.9%YoY) สูงสุดรอบ 9 เดือน ขณะที่การฟื้นตัวของยานยนต์และกระแส EV จะหนุนการเติบโตในระยะยาว และ KCE (ราคาเป้าหมาย IAA consensus 96.83 บ.) มองราคาปรับลงแรงในระดับหนึ่งแล้ว (-16.5%YTD) สวนทางกำไรที่คาดโต 35%YoY ในปี 65
บล.กสิกรไทย คาดว่าดัชนีวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,655 จุด หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ CPALL ราคาปัจจุบัน 59 บาท ราคาเป้าหมาย 64 บาท หุ้นเด่นตัวถัดมาคือ JMART ราคาปัจจุบัน 57 บาท ราคาเป้าหมาย 62.25 บาท และตัวสุดท้ายคือ CRC ราคาปัจจุบัน 33.50 บาท ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท
อัตราแลกเปลี่ยนและราคาทองคำ ประจำวันที่ 25 มกราคม 65
เงินบาทวันนี้ ! เปิดตลาดอ่อนค่า 33 บาทต่อดอลลาร์ วิตกปมขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน
ราคาทองคำวันนี้ ทรงตัว รูปพรรณขาย 29,250 บาท
ติดตามข่าวหุ้น-การลงทุนทางไลน์
โฆษณา