26 ม.ค. 2022 เวลา 01:29 • หุ้น & เศรษฐกิจ
1 ล้านบาท แรกในชีวิต กับ BIZ (กำไร 300%+) และ MGT (กำไร 231.92%) และ กับดัก Bias ของตัวเองกับ BANPU แต่เป็นการตัดสินใจที่ไม่เหมือนครั้งแรก
(อัพเดทการลุงทุน)
เปิดเผยจำนวนเงินเพื่อให้เห็นเป็นหลักฐานว่าเป็นประสบการณ์จริง
MGT
เป็น 1 ในตัวอย่างของบริษัทที่ค่อยๆเติบโตจากกำไรของบริษัทที่หามาได้และนำมาลงทุนขยายกิจการต่อไปเรื่อยๆ และกำไรโตขึ้นทุกปี
ผมสารภาพตามตรงว่าผมเสียดายที่หุ้นตัวนี้มีการเก็งกำไรจนราคาขึ้นไปยืนเกิน 6 บาท เพราะผมกะจะถือหุ้นตัวนี้ไปเรื่อยๆพร้อมกับกิจการที่เติบโตขึ้นต่อไปจากการลงทุนของบริษัทที่ประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์มากๆครับ
จากการที่บริษัทเข้าซื้อกิจการ บริษัท กรีน ลีฟ เคมิคอล จำกัด ซึ่งจะเพิ่มรายได้และกำไรของบริษัท รวมถึงปีนี้ 2565 ที่จะร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่นทำธุรกิจ Expand Graphite น่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในครึ่งปีหลัง
แต่ด้วยราคาหุ้นที่ขึ้นมามากจนเกินพื้นฐานแล้ว (ในความคิดผม) ผมจึงตัดสินใจขายทำกำไรจนตอกย้ำให้พอร์ตการลงทุนเกิน 1 ล้านบาทได้ในที่สุดครับ
หุ้น BIZ ผมขออนุญาติข้ามนะครับ เพราะพูดในบทความอัพเดทรอบที่แล้วไปแล้วครับ
แต่ทั้งหุ้น MGT และ BIZ ด้วยความที่ผมได้ติดตามมาตลอด ถ้าสุดท้ายราคาตกลงมาจนราคาถูกมาก ก็มีโอกาสที่ผมจะใช้เงินก้อนเดิมที่ได้กำไรมาซื้อหุ้นตัวเดิมได้ครับ เพราะทั้ง 2 บริษัทธุรกิจยังค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ และผมจะได้มีจำนวนหุ้นที่ถือมากขึ้นกว่าเดิมด้วยครับ เพื่อรับปันผลมากกว่าเดิมด้วยครับ
อภิมหากาพย์ BANPU
ถ้าทุกคนจำกันได้ พอร์ตของผมอีกพอร์ตติดดอยหุ้นตัวนี้ในราคา 17 บาทต่อหุ้น ซึ่งผมยอมรับว่าตอนที่ซื้อในราคาที่สูงขนาดนั้น เพราะสนใจแต่ข่าวที่บอกว่าจะทรานซ์ฟอร์มตัวเองมาเน้นพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน จนลืมไปว่ารายได้ส่วนใหญ่ที่ส่งผล
อย่างมีนัยยะกับกำไรก็ยังเป็นถ่านหินอยู่ดี จนสุดท้ายราคาก็ลงแบบสุดโต่งจนไปต่ำกว่า 10 บาทต่อหุ้นครับ
ซึ่งจนแล้วจนรอดทั้งๆที่ผมจ้องหุ้นตัวอื่นอยู่ แต่กลับใจอ่อนมาติดกับดักอีกรอบซะอย่างนั้นครับ (สารภาพว่าส่วนหนึ่งใจร้อนเพราะตอนนี้ตกงานแถมยังโดนกดดันจากหลายอย่างในชีวิต เลยทำให้ความโลภมาบังตาครับ)
แต่! ก็ใช่ว่าที่ผมเข้าซื้อหุ้นตัวนี้เพราะเหตุผลเดียวกันกับการติดดอยครั้งแรกนะครับ ซึ่งมาดูกันว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้ผมตัดสินใจซื้อครับ
1. ราคาถ่านหินที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
กราฟราคาถ่านหินย้อนหลัง Newcastle Coal
ซึ่งแน่นอนครับราคาถ่านหินตลาดโลกไม่เคยยืนสูงเกิน 220 เหรียญ ซึ่งสมัยก่อนขึ้นมาแค่ 120 เหรียญก็ดีมากแล้วครับ ที่ขึ้นมาแบบนี้เนื่องจาก Supply ที่ไม่พอความต้องการของโลกนี้ครับ อย่างที่ทราบว่าโลกทุกวันนี้แทบจะไม่อยากสนับสนุนพลังงานฟอสซิลอีกแล้วจึงส่งผลให้การปล่อยกู้เพื่อทำธุรกิจเหมืองถ่านหินย่อมลดลงอย่างมาก แต่โลกทุกวันนี้ความต้องการใช้ไฟฟ้ากลับเพิ่มขึ้น จนโรงไฟฟ้าทางเลือกอื่นๆ เช่น พลังงานสะอาด หรือ พลังงานชีวมวล มีไม่มากพอครับ
2. บริษัทลงทุนโครงการโรงไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐ กำลังการผลิต 768 เมกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้าในเวียดนามและญี่ปุ่นอีกไม่น้อย
3. โรงไฟฟ้ากลับมาเดินเครื่องผลิตตามปกติหลังจากโรงไฟฟ้าหงสาปิดซ่อมบำรุง 2 หน่วยในไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ผ่านมา
4. ปัญหาที่กัดกินกำไรของบริษัทมาตลอดในช่วงที่ราคาถ่านหินวิ่งอยู่ในระดับราคาต่ำกว่า 100 เหรียญ คือ การขาดทุนจากอนุพันธ์ทางการเงิน ซึ่งขาดทุนถึง 177 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่วนใหญ่มาจากสัญญาแลกเปลี่ยนราคาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้า 102 ล้านเหรียญ และจากสัญญาแลกราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ 61 ล้านเหรียญ และอื่นๆ
ซึ่งจากที่ตามข่าวทางบริษัทได้แจ้งว่าจะทยอยลดลงในส่วนของอนุพันธ์ของถ่านหิน ซึ่งเป็นผลดีกับผลประกอบการตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 และต่อไปในปี 2565
นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่ผมคิดว่าราคาปัจจุบันของ BANPU ยังไม่สะท้อนผลประกอบการที่จะสูงขึ้นใน ไตรมาส 4 ปีนี้ และตลอดปี 2565 ถ้าราคาถ่านหินยังยืนเกิน 100 เหรียญขึ้นไปทั้งปีครับ
อัพเดทหุ้นอีกเล็กน้อยคือ EFORL ผมขายเรียบร้อยแล้วครับ ทุน 15,000 บาท ได้กำไรมา 5,000 บาทครับ 0.15 บาทต่อหุ้น ขายตอน 0.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาขึ้นตามข่าวที่บริษัทเริ่มกลับมามีผลกำไรจากการดำเนินงานแล้ว หลังจากขายบริษัทวุฒิศักดิ์ที่ทำให้บริษัทแม่ขาดทุนมาโดยตลอดแค่นั้นครับ
นี่เป็นแค่การแชร์ประสบการณ์การลงทุนเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำการลงทุนแต่อย่างใดครับ
ไว้โอกาสหน้าผมจะมาอัพเดทกันใหม่และมาสรุปผลกันว่า BANPU ของผมจะเป็นไปอย่างที่ผมคาดการณ์หรือไม่ครับ
ซึ่งตอนนี้หลังจากที่ขาย MGT ผมก็ถือเงินสดรอไว้อยู่ครับ คิดว่าอาจจะรอพร้อม BANPU ที่ผมน่าจะได้บทสรุปและขายในปีนี้ เพื่อจัดพอร์ตใหม่ทั้งหมดอีกครั้งครับ
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนนะครับ
โฆษณา