27 ม.ค. 2022 เวลา 22:41 • หุ้น & เศรษฐกิจ
🔥BREAKING !!🔥 : ด่วน ! จับตาการเงินโลก ! ล่าสุดมีรายงานว่าคาดการณ์หลักของตลาดได้ถูกปรับขึ้นเป็นการมองว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ย 5-6 ครั้งภายในปีนี้ !! ขณะที่ราคาบ้านในสหรัฐฯ ดีดตัว 25-40% สูงสุดในรอบ 30 ปี ดันมูลค่าตลาดเกือบ 10 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้ตอนนี้ Market Cap รวมทำ All Time High ใหม่กว่า 43 ล้านล้านดอลลาร์ไปแล้ว
1
📌 ตลาด การเงินโลก ยังมีความเคลื่อนไหวที่พลาดสายตาไม่ได้แม้แต่สักวินาทีเดียว ! หลังจากล่าสุดมีรายงานว่าคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ให้ตลาดได้ถูกปรับขึ้นเป็นการมองว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 5-6 ครั้งภายในปีนี้ ! หรือเป็น 1.25-1.5%
การปรับขึ้นคาดการณ์ครั้งล่าสุด เกิดจากการที่นักวิเคราะห์มองว่า FED ไม่ได้ปฏิเสธคำถามที่ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในทุกครั้งที่ประชุมหรือไม่ ? ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดทางด้านเงินเฟ้ออย่างชัดเจน และทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับมุมมองขึ้นจากการขึ้นดอกเบี้ย 3-4 ครั้งเป็น 5-6 ครั้งแล้ว
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า FED เองก็ได้รับอิทธิพลจากการที่ธนาคารกลางแห่งอื่น ๆ อย่างเช่น Bank of England เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปล่วงหน้าแล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า BOE จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 4 ครั้งในปีนี้ และกำลังจะมีประเทศอื่น ๆ อีกมากมายที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามมา
คำพูดของ Powell ถือเป็นเสียงเตือนที่ชัดเจนว่ายุคนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นประวัติการณ์กำลังจะจบลง และเรากำลังจะเข้าสู่เส้นทางของโลกที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อก็ดูเหมือนจะกลายเป็นปัญหาในระยะยาวไปแล้ว
1
หาก FED มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5-6 ครั้งจริง มันจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยความเร็วที่สูงที่สุดในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว (นับตั้งแต่ปี 1990) ซึ่งแน่นอนว่าสัญญาณเช่นนี้ไม่ใช่สภาวะปกติแล้ว
📌 นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มีนักวิเคราะห์หลายคนมากขึ้นที่มองว่า FED จะเริ่มทำ QT เร็วขึ้นกว่าเดิมอีก และ FED เองก็ยืนยันว่าอาจขึ้นดอกเบี้ยหรือทำ QT เร็วกว่าเดิมจริง หากมีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น
Luigi Speranza นักวิเคราะห์จากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง BNP Paribas กำลังมองว่า FED จะต้องขึ้นดอกเบี้ยถึง 6 ครั้งภายในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คนอื่น ๆ มอง 5-6 ครั้งและอาจเป็นไปได้ที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก +0.3% จากเดิม 0.25% ขณะที่บางคนก็มองไปถึง +0.5% เลยทีเดียว
ทางฝั่ง Dario Perkins นักเศรษฐศาสตร์จาก TS Lombard ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ให้ความเห็นว่าตลาดการเงินโลกควรเตรียมเผชิญภาวะที่ "เป็นหลุมเป็นบ่อ"
“อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย เศรษฐกิจใกล้จะถึงการจ้างงานเต็มอัตราแล้ว และการประเมินมูลค่าทรัพย์สินก็ดูจะสูงเกินไปนานแล้ว ดังนั้นทาง FED อาจจำเป็นต้องกระชับนโยบายอย่างเข้มงวดมากกว่าที่นักลงทุนคิดเอาไว้ และสิ่งนี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ชัดเจนต่อภาคการเงิน เว้นเสียแต่ว่าอัตราดอกเบี้ยดุลยภาพ* จะพังทลายลง (ซึ่งดูไม่น่าจะเป็นไปได้)”
1
(Inflation is well above target, the economy is already close to full employment and asset valuations look stretched, Unless the equilibrium interest rate has collapsed -- which seems unlikely -- the authorities might need to tighten policy more forcefully than investors realize. This poses clear risks to the financial sector.)
* อัตราดอกเบี้ยดุลยภาพ (equilibrium interest rate) หมายถึงระดับดอกเบี้ยที่ทำให้ Money Demand และ Money Supply มีค่าเท่ากัน และเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างการเร่ง/เหยียบเบรกทางเศรษฐกิจ หรือกล่าวคือหากระดับดอกเบี้ยสูงไปกว่านี้จะเป็นส่วนที่ Money Supply มากกว่า Money Demand แปลว่าเศรษฐกิจกำลังถูกชะลอ (โดยการขึ้นดอกเบี้ย) แต่หากดอกเบี้ยต่ำไปกว่านี้จะมี Money Demand สูงกว่า Money Supply ซึ่งหมายถึงเศรษฐกิจกำลังถูกกระตุ้น (โดยการลดดอกเบี้ย)
* (ต่อ) ซึ่งการพังทลายลงของอัตราดอกเบี้ยดุลยภาพ หมายถึงการที่ไม่มีระดับดอกเบี้ยใดทำให้ Money Demand และ Money Supply เท่ากันได้เลย ดังนั้นหากอัตราดอกเบี้ยดุลยภาพพังทลายลงไปแล้ว นโยบายดอกเบี้ยของ FED ก็จะไม่มีความหมายอีกต่อไป และนั่นเป็นเหตุผลที่ Perkins บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่ระดับดอกเบี้ยดุลยภาพจะพังทลายลง
📌 ราคาบ้านในสหรัฐฯ ดีดตัว 25-40% ดัน Market Cap ทะลุ 43.4 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากเรื่องดอกเบี้ยของ FED แล้ว ตัวเลขทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญมากอีกอย่างคือล่าสุดมูลค่าบ้านโดยรวมในสหรัฐฯ ได้พุ่งสู่ระดับ All Time High ใหม่ที่ 43.4 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว
โดยรายงานระบุว่า Market Cap ของตลาดอสังหาฯ ในสหรัฐฯ เติบโตขึ้นเกือบ 10 ล้านล้านดอลลาร์นับตั้งแต่มีการระบาดเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ หลายแห่งที่ราคาบ้านดีดตัวตั้ง 25% ไปจนถึงกว่า 40% เลยทีเดียว ขณะที่ New York City ครองส่วนแบ่งมูลค่าบ้านสูงที่สุดที่ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์
📌 ทั้งนี้ ดอกเบี้ยบ้านกำลังปรับตัวสูงขึ้นพร้อม ๆ กับดอกเบี้ยพันธบัตร (ปัจจุบัน Mortgage Rates อยู่ที่ 3.55% แล้ว) ซึ่งนักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิดว่าดอกเบี้ยบ้านจะพุ่งสูงขึ้นไปอีกแค่ไหน เพราะเรื่องนี้อาจจะผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ Demand บ้านได้ และอาจทำให้ราคาบ้านร่วงลงถ้าหากดอกเบี้ยบ้านยังสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ
และไม่ว่าความเคลื่อนไหวจะเป็นไปอย่างไร นักลงทุนไม่ต้องกลัวจะพลาดข่าวสารสำคัญครับ เพราะ World Maker จะนำข้อมูลสำคัญมาอัปเดตให้ทราบตลอดปีนี้อย่างแน่นอน
ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันข่าวสารอย่างแท้จริงไปกับ World Maker
🙏 ขอบคุณทุกท่าน 🙏 ที่ติดตาม World Maker ฝากกด Like และ Share เพื่อเป็นกำลังใจและให้นักลงทุนท่านอื่นได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ 😊
References :
โฆษณา