11 ก.พ. 2022 เวลา 02:19 • ไลฟ์สไตล์
“รักซึมลึก”
ในช่วงชีวิตหนึ่งของคนเรา ส่วนมากแล้วก็จะต้องประสบพบเจอกับความรัก ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตาม
ตั้งแต่การรักตัวเอง พ่อแม่ ครอบครัว พี่น้อง เพื่อนฝูง ไปจนถึงสามีภรรยา จนกระทั่งลูกน้อย
หรือจะเป็นความรักในงาน ในหน้าที่ ในการท่องเที่ยว ดารา ไอดอล ฯลฯ เหล่านี้เราก็เรียกมันว่าความรัก
เคยอ่านเจอมาว่า นิยามของความรัก มีมากมาย และมันขึ้นอยู่กับความวิจิตรพิศดารของกิเลส ว่าจะปรุงแต่งออกมาอย่างไร
โดยมากแล้ว ทุกคนก็รักสนุก ชอบความสบาย อะไรก็ตามที่เราทำ ก็เพื่อตอบสนองความสบายใจ ต้องการให้ชีวิตผาสุกที่สุด ย่นย่อลงมาแล้วก็อยู่ที่ “ใจ” ที่เดียว
เหตุเกิดของความรักในทุกรูปแบบ รากเหตุที่แท้จริง ก็มาจากความพร่องของจิตใจ ที่ต้องการการเติมเต็ม จิตมันหิวกระหาย รู้สึกขาดในตัวเอง แห้งผาก ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ เกิดการกระเพื่อมหวั่นไหว ไปกับสิ่งเร้าทุกทิศทาง เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจในตัวเอง
ในเมื่อทุกคนเอาใจที่ไม่รู้จักอิ่มจักพอ ออกไปเที่ยวแสวงหาสิ่งอื่นมาบำรุงบำเรอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด ก็ย่อมไม่อาจทำให้ใจพบกับความอิ่ม ความผาสุกที่เฝ้าถวิลหา เติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม ก็ไม่พอ
ต่อให้สภาพแวดล้อมจะดีงาม โปรไฟล์เลิศหรู ชีวิตดี๊ดีเพียงใดในสายตาของคนรอบข้าง ทุกอย่างแลดูดี ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่คน ๆ นั้นก็ไม่รู้สึกพอใจสักที
คำตอบของเรื่องนี้ง่ายนิดเดียว เหมือนเส้นผมบังภูเขา
เพราะเราโฟกัสผิดจุด ชี้เป้าออกไปที่ปัจจัยแวดล้อมภายนอก ทำให้เราหาความสุข ความรักที่พอดีไม่เจอ
ธรรมชาติของทุกคนรักสุข เกลียดทุกข์ คนทุกคนรักตัวเองมากที่สุด ขึ้นชื่อว่าปุถุชน มนุษย์คนธรรมดาที่ไม่ผ่านการชำระอุปกิเลสจนขาวรอบแล้ว ล้วนแต่เห็นแก่ตัวทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นจะไม่มีเหตุเกิดมา ให้ได้รับอัตภาพนี้
คำว่า เห็นแก่ตัว ในที่นี้ คือ เห็นว่ามีตัวมีตน เห็นว่ามีเรา มีของเราอยู่
ความรักในทางโลกียะ ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน จึงไม่มีทางที่จะเป็นการรักโดยส่วนเดียว หรือรักที่บริสุทธิ์ได้เลย เพราะมันเจือไปด้วยกิเลส ความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวทั้งนั้น
ถ้าไม่ใช่การเห็นแก่ได้ในเชิงวัตถุ ก็เป็นการเห็นแก่ใจตัวเอง ยึดถือจิตตัวเอง ต้องการให้จิตได้รับความสุข สบายใจ เพราะมันล้วนแต่ต้องอิงอาศัยสิ่งอื่น เพื่อให้ได้รับความสุขชนิดนั้นมา
“เห็นคนที่เรารักสุข เราก็มีความสุข” ฟังดูหวานซึ้ง โรแมนติก แต่ประโยคนี้เป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดีว่า สุดท้ายแล้ว ก็เอาเข้าตัวหมด ลึก ๆ จะแฝงไปด้วยความเห็นแก่ตัวเอง คาดหวังผลบางอย่าง ยิ่งความรักในครอบครัวยิ่งมีปัญหากันมาก เพราะมันมีอาการเกาะเกี่ยวผูกพัน
ความขุ่นมัวแม้เพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุมาจากความเห็นแก่ตัว
ยิ่งผูกพันมาก ก็ยิ่งเห็นแก่ตัว
ไม่ต้องการให้เกิดการผุพัง พังทลาย
ใจถึงได้สลาย เมื่อคราวไม่ได้ดังใจหมาย
เพราะทุกสิ่งย่อมมีวันหมดอายุ
ทำให้บางครั้งบางคนก็สบายใจที่จะคุยกับคนแปลกหน้าไปเลย เพราะไม่มีการตัดสิน ไม่มีการคาดหวัง ไม่มีการบั่นทอนกัน เท่ากับคนใกล้ตัว โดยที่เราอาจไม่ทันสังเกต เพราะเขาไม่มาคุยกับเราโดยตรง คุยไปเราก็อาจจะตัดสินเขาไปโดยที่เราไม่รู้ตัว ไม่ยอมรับ
ยิ่งใกล้ตัว บางทีก็ยิ่งหลงลืม
เพราะคีย์เวิร์ดที่สำคัญ คือ ความยึดมั่นถือมั่น
ยิ่งยึดมั่นมาก ว่านี่คือคนของเรา นี่คือของ ๆ เรา ความวุ่นวาย โกลาหลก็บังเกิดเมื่อนั้น
ชีวิตที่วางไม่เป็น จึงเย็นไม่ได้
หากเปลี่ยนเป็นว่า “เห็นใครก็ตามสุข ก็มีความสุข” เงื่อนไขความสุขจะลดลง
จนในที่สุด อะไรจะเกิดหรือไม่เกิด ไม่ว่ายังไงก็สุขใจ
จริง ๆ ความสุขไม่เคยหายไปไหน
แต่มีการสร้างเงื่อนไขขึ้นมาปิดบังมิดชิด จนหาทางออกกันไม่เจอ
ความรักที่บริสุทธิ์หาไม่เจอหรอกในทางโลก เพราะโลกมีแต่ความวุ่นวาย เสียดแทง กระทบกระทั่ง กระแทกแดกดัน อาศัยเหตุปัจจัยกันเกิดขึ้น อิงอาศัยกัน ทวงบุญคุญ มีแต่คำว่า “หนี้” ไม่มีคำว่า “ให้ โดยส่วนเดียว”
ยิ่งทุ่มเทเท่าไหร่ ก็มีแต่สูญเปล่า คือ หาไม่เจอ ความรักที่ปราศจากแรงเสียดทาน
หากเราปรารถนาความรักที่บริสุทธิ์ มีทางเดียว คือ เดินตามรอยพระพุทธองค์ และพระอรหันตสาวกทั้งหลาย
ยิ่งฝึกฝน ขัดเกลาจิตใจตัวเอง ก็ยิ่งพบกับความรักอันยิ่งใหญ่ ที่ท่านมีแต่ให้ โดยส่วนเดียว เป็นสิ่งที่ไม่อาจพบเจอได้เลยในทางโลก
ที่ท่านกล่าวว่า อริยบุคคล ตั้งแต่พระโสดาบันเป็นต้นไป มือชุ่มด้วยการให้ มีแต่การสละออก
แค่เราน้อมตัวน้อมใจไปอยู่ใกล้ ๆ ท่าน ก็ได้รับความชุ่มเย็น เบิกบานใจ
การพบรักกับธรรมะ เป็นการค่อย ๆ ให้ธรรมะ กระแสธรรมชาติอันบริสุทธิ์ซึมซาบเข้าสู่หัวจิตหัวใจ จนค่อย ๆ เอ่อล้นออกมาจากภายใน โดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัวเตรียมใจ แนบเนียนกลมกลืนไปกับการใช้ชีวิต วิถีชีวิตประจำวัน
มันเป็นไปอย่างแยบยล แยบคาบ อย่างเป็นธรรมชาติ ค่อย ๆ แทรกซึมทุกอณู จนล้นทะลัก รู้ตัวอีกทีก็รักอย่างสุดหัวใจ
ท่านไม่เคยโกหกเลยจริง ๆ ไม่เคยหลอกลวง ทุกคำคือ สัจจะ
ไม่เคยทำให้เราต้องเจ็บช้ำ พบกับความเสียดแทงใจเลย
มีแต่พลังแห่งความรักอันบริสุทธิ์
การมอบกาย ถวายชีวิตและจิตใจ ในหนนี้
ให้กับการประพฤติปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ไม่มีคำว่า ผิดที่ไว้ใจ
วางใจให้กับธรรม
มีแต่ได้พบกับความรัก ความปรารถนาดี โดยส่วนเดียว
หัวใจได้รับการเติมเต็ม จนเปี่ยมล้น
ทุกความทุ่มเท ทุกหยาดเหงื่อ เป็นไปเพื่อความเกื้อกูลต่อตัวเองและผู้อื่นโดยส่วนเดียว
เราอาจจะเคยได้รับความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ระทมร่ำไห้ กับอะไรก็ตามในชีวิตที่ผ่านมา
จะได้รับการเยียวยา ชำระล้าง จนเป็นปกติ
ล้างกระดานทิ้ง สลัดคราบสกปรกที่หมักหมมใจ
พบกับชีวิตใหม่ในโลกใบเก่า
ที่ไม่มีความโศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น
จะต้องไปร่ำร้องหาอิสรภาพ ความสุข ความรัก ความปลอดภัย ไร้กังวลที่ไหนอีก ในเมื่อทุกสิ่งอยู่ที่ “ใจ”
.
จบบทความกันด้วยวลีสั้น ๆ เรียบง่าย ลึกซึ้ง กินใจ ของท่านติช นัท ฮันท์
In true love , you attain freedom.
Thich Nhat Hanh
ขอน้อมระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน ด้วยใจเคารพยิ่ง 🙏
เพียงวลีสั้น ๆ นี้ของท่านก็ตราตรึง ประทับจิต คล้าย ๆ กับปลอดปล่อย คลายล็อกอะไรบางอย่างภายในใจ ทุกครั้งที่นึกถึงก็ซาบซึ้ง อิ่มอกอิ่มใจ
พระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ หลวงปู่แห่งหมู่บ้านพลัม
เป็นครูทางจิตวิญญาณผู้เผยแผ่ธรรมอย่างกว้างขวางและลึกซึ้งไปทั่วโลก
ท่านเป็นทั้งพระภิกษุ ผู้สอนธรรมะ นักเขียน กวี นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ และนักกิจกรรมเพื่อสันติภาพ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางผ่านการแสดงธรรมต่อสาธารณชนนับหมื่นและมีผลงานเป็นหนังสือที่ทรงคุณค่ากว่า 120 เล่ม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา