17 ก.พ. 2022 เวลา 07:29 • ปรัชญา
เรื่องของการปล่อยวาง ครั้งไปเดิน ทักษิณาวัตร รอบโบสถ์ตอนเที่ยงวัน สามรอบ เดินบูชาคุณ และขอขมา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในมือที่พนมก็มีดอกบัวอยู่ เดินไปกับพระที่นับถือ ตอนแรกท่านก็บอกให้ภาวนาให้อยู่กับคำว่าพุทโธ เท่านั้น ทำตามรอยที่ว่า เธออย่ามีอย่างอื่นเป็นที่พึ่งเลย ก็ต้องจูงจิตมาอยู่กับคำสองคำที่ลมหายใจเข้าออก ก็เหมือนกับเราปล่อยวางเรื่องราวต่างๆไปชั่วขณะหนึ่ง เหมือนกับว่า สิ่งทั้งหลายที่เรารู้มารู้จักมา เราก็ต้องปล่อยวางทั้งหมด พระอรหันต์ ท่านไม่ได้สำเร็จ เพราะฟังธรรม แต่ท่านสำเร็จ เพราะการนำกายนี้มาเดินอยู่ในรอยกิริยาของพระ ยืนเดินนั่งนอน ให้จิตเป็นสมาธิ จิตมีพระเป็นที่พึ่งของจิต จิตจะเป็นพระ ก็ต้องปลดปล่อยเรื่องราวต่างๆที่สะสมอยในกาย ที่เกาะติดกับธาตุทั้งสี่ ทำให้ธาตุเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ต้องเอาออกไปให้หมด
ระหว่างที่รอบโบสถ์ พระที่ไปด้วยท่านก็ บอกว่า จิตเรามาอาศัยเรือนกายของคุณบิดามารดา เรือนกายบิดามารดานี้มีพระคุณต่อจิตของเรา ระหว่างที่พูดท่านก็ใช้มือข้างหนึ่ง แกะกลีบบัว บอกว่า จิตเรานั้นเป็นจิตน้อยๆ อาศัยอยู่ภายในกายนี้ ที่เปรียบเสมือนเรือนกายที่อาศัย กายนี้เป็นเหมือนดอกบัว ที่หุ้มห่อจิตอยู่ภายใน เราต้องแกะ สิ่งต่างๆออกไป คือกลีบบัว ท่านเดินแกะกลีบบัวไปเรื่อยๆ กลีบบัวกลีบนี้ เด็ดออกมา ทิ้งลงไปที่พื้น ก็คือ นิสัยที่เราเห็นตัวเองดีแล้ว เด็ดไปอีกกลีบ ทิ้งลงไป พูดว่า อารมณ์ที่ทำให้เราพอใจไม่พอใจ เด็ดกลีบต่อไป ..อารมณ์ที่คอยจ้องจับผิดผู้อื่น ไม่จับผิดตัวเอง เด็ดทิ้งลงไป กลีบนั้น..ตัวเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ..เด็ดทิ้งลงพื้นไป มาอีก..กลีบนั้น..ตัวหลงกินหลงนอน ขี้เกียจขี้คร้าน ..เด็ดทิ้งไป
..ก็..แต่ละกลีบที่เด็ดออกมา ..ก็ต้องพิจารณานิสัยกายวาจาใจที่เราใช้อยู่ ดีหรือไม่ดี ให้สุขทุกข์อย่างไร พิจารณาให้รอบครอบ ขัดแจงแล้ว จึงเด็ดมันทิ้งไป ไม่ใช้มันอีก
..ท่านเด็ดไปเรื่อยๆ เด็ดไปจนกลีบสุดท้าย ต้องทิ้งบ้านทิ้งช่อง ทิ้งทรัพย์สินเงินทองยศฐานบรรดาศักดิ์ (กลีบสุดท้าย ก็พิจารณาเรื่องราวของพระสิทธัตถะที่ท่านต้องสะสางออกไป ส่วนเรายังทำไม่ได้ ก็สละวัตถุปัจจัยที่หามาได้ สละออกไป เหมือนสละสิ่งที่เรายึดความโลภความโกรธหลงยึดอยู่ สละออกไปแปรสภาพเป็นบุญกุศลบารมี ในขั้นของคำว่าบารมี เค้าต้องสละทุกอย่างทั้งหมด ไปแต่ตัวคนเดียว ไปอยู่ป่าไปชำระสะสางจิตของตน เพื่อจะตัดสิ่งที่อยู่กับธาตุสี่ ให้ธาตุนั้นขาวสะอาดหมดจดเป็นแก้วเจียระไน ) โยนลงพื้นไป ก็เลยแต่ฝักบัว ที่มีเกสรอยู่รอบ แล้วท่านก็บอกว่า เกสรบัวนั้นก็คือ เรื่องราวเศษของกรรม ที่เราต้องชำระสะสาง ปลดปล่อยของไปให้หมด ให้เหลือเพียงจิต ก็คือฝักบัว ฝักบัวนั้นก็เป็นจิต เหลือแต่จิตดวงเดียว
จิตของเราก็ไม่มีอะไรมาเกาะเกี่ยวปิดบัง เหลือแต่จิตดวงเดียวที่สะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ ค่อยๆเดินแกะกลีบบัว ทักษิณาวัตร ครบสามรอบก็ไปกราบพระ รู้สึกมีความสุขที่ได้เกิดมาประพฤติปฏิบัติธรรม ตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านชี้แนะแนวทางให้เดิน อยู่กับรอยของพระ รอยกิริยาพระผู้ปลดเปลื้องเรื่องราวของกรรมออกไปจากจิต ด้วยกิริยาเดิน ยืน นั่ง นอน ด้วยจิตที่มั่นคงอยู่กับธรรม ธรรมที่หนุนนำให้จิตนิ่งเฉย มีกำลังสลัดสิ่งต่างๆที่หุ้มห่อจิตปกปิดจิตเหมือนกลีบบัว มีความสุขกายสุขใจ ที่ประพฤติปฏิบัติธรรม สลัดพันพันธการหุ้มห่อจิตออกไป กายก็เบาจิตก็เบา
โฆษณา