28 ก.พ. 2022 เวลา 15:11 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปคลิปพี่มี่ X CsiSociety
- ในปีที่แล้วตลาดที่ให้ผลตอบแทนไม่ดีนักคือตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทค ทุกคนอาจจะคิดว่าปีนี้น่าจะดีขึ้นแต่กลายเป็นว่าก็ยังไม่ฟื้นนัก
โดยเฉพาะตัวที่ขนาดใหญ่ๆ มั่นคงอย่างเช่น BABA TENCEBT ก็ไม่รอด
1
-ปีนี้ยากแทบทุกตลาด เช่น หุ้นเทคใหญ่ อเมริกา กลุ่มเทคโนโลยีต่างๆ ก็ลงแรงมากตั้งแต่ต้นปีนี้เช่น META(Facebook) ก็ตกลงอย่างรวดเร็ว
-ในไทยเนี่ยโชคดีที่สุดแล้ว GDP เราเริ่มฟื้นตัวไม่มีปัญหานโยบายการเงิน ไม่มีปัญหาเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ เลยกลายเป็นว่าเป็นประเทศที่เหมือนหลุมหลบภัยของโลก
2
-จากการคาดการณ์โดยสภาพัฒน์ + นักวิเคราะห์ GDP ไทยน่าจะโตได้ชิลๆ ประมาณ 8 ไตรมาสติดต่อกันได้
-ต่างชาติเป็นประเด็นสำคัญ ถ้าไทยจะฟื้นแรงๆได้ก็ต้องลุ้นว่านักท่องเที่ยวกลับมาได้เยอะกว่าคาดไหม (ตอนนี้คาดการณ์กัน 5-6 ล้านคน) หลายประเทศเริ่มเปิดประเทศใกล้เคียงกับปกติแล้ว พี่มี่ก็หวังว่าไทยเราจะกลับมาเป็นแบบนั้นเร็วๆ
-เรื่องสงครามเป็นปัจจัยที่ประเมินยาก ผลกระทบขึ้นอยู่กับว่าจะยืดเยื้อได้นานแค่ไหน รัสเซียก็ไม่ใช่หมูๆ พี่มี่ก็บอกว่ามองยากและมีโอกาสที่จะยืดเยื้อ รัสเซียถือว่ามีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะเรื่องพลังงานโลกถ้ายืดเยื้อตรงนี้รัสเซียจะได้ประโยชน์ในเรื่องของราคาพลังงาน
2
-เน้นหุ้นที่ขึ้นกับการบริโภคในประเทศน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี เช่นในกลุ่มค้าปลีก ทั้งร้านสะดวกซื้อ ของชำ เครื่องประดับ มีการเติบโตของยอดขายต่อร้านทีชัดเจน (SSSG)
-รายย่อยบอกว่าปีนี้ตลาดมันยาก แต่จริงๆพี่มี่มองนี้แหละคือตลาดภาวะปกติ 2 ปีที่ผ่านมามันฟื้นจากวิกฤต ตอนนี้ Gap เหลือไม่เยอะต้องเลือกหุ้นดีๆ เน้นตัวที่มีผลประกอบการเติบโต งบจับต้องได้ ไม่ใช่มีแต่ Story
-หุ้นไทยพี่มองยังมีโอกาสอีกเยอะ สิ่งที่กังวลนอกจากเรื่องสงครามจะเป็นเศรษฐกิจโลกของประเทศที่พัฒนาแล้ว + จีน หรือไม่เพราะถ้าพวกนี้ชะลอตัวลงมันจะทำให้สภาพเศรษฐกิจโลกมันไม่ดี และน่าจะส่งผลเชิงลบต่อหุ้นไทย
-การย้ายฐานการผลิตยังมองบวกถ้าดูจากเทรนโลกที่ย้ายฐานออกมาจากจีน + นโยบายในไทยเริ่มกลับมาดีขึ้นจากการสนับสนุนภาครัฐ ตรีมนี้ก็น่าจะไปเรื่อยๆ
-อสังหาก็ยังต่อเนื่องจากปีที่แล้ว พี่มี่ก็ยังมองปีนี้ฟื้นตัวเหมือนกัน
-หรือกลุ่มที่เราแข่งขันจากจีน อเมริกา ยุโรป ช่วงนี้เค้ากำลังมีปัญหา ถ้าเราสามารถผลิตได้ดี + แย่งส่วนแบ่งการตลาดได้ก็น่าสนใจ
-พวกหุ้นเทคโนโลยีในไทย พี่มีมองว่าค่อนข้างแพงให้ระวังการปรับฐาน แต่บางตรีมถ้าลงมาแล้วไม่แพงเกินไปก็น่าจะทยอยสะสมได้(พี่มี่มองค้าปลีกไอที)
1
-ปีนี้น่าจะเป็นปีของหุ้นไทยพี่มี่แชร์ว่าปัจจัยที่จะทำให้ไทยไปได้ไกล มันต้องดูตลาดหุ้นโลก + ภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย (จีน เมกา อย่าชะลอตัวเยอะ) ซึ่งถ้าไม่หนักมากไทยน่าจะดีแน่ แต่ให้มองหุ้นจีน อเมริกาไว้หน่อยเพราะด้วยราคาที่ลงมาแรง ทำให้ถ้ามองเป็นเรื่องของการลงทุนถือว่าน่าสนใจ
-พี่มี่ว่าจีนจะฟื้นตัวช้ากว่าอเมริกาเพราะจะมีความไม่ชัดเจน กังวลจากนโยบายภาครัฐมากกว่า
-หุ้นเทคตัวเล็ก พี่มี่มองว่ามันประเมินยากเหมือนกันว่าในระยะยาวจะเป็นอย่างไรเพราะมันเปลี่ยน + ทดแทนได้เร็ว สิ่งที่สำคัญที่ต้องวิเคราะห์ความสามารถของผู้บริหาร + Vision + ความมุ่งมั่น พี่มี่ยกตัวอย่าง Elon แต่ก่อนใครพูดว่าจะไปดาวอังคารใครจะเชื่อ แต่พวกนี้เค้าจะเก่ง + มีความฝัน + ความขยัน จนทำเสร็จ
-ถ้าอยากเล่นหุ้นเทคตัวเล็กในอเมริกา พี่มี่มองว่าการกระจายความเสี่ยงเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะเราอยู่ตรงนี้จะประเมินได้ครบมิติมันยาก อย่าตีแตกจนลืมมองความเสี่ยง
2
-เงินน่าจะกลับเข้าตลาดหุ้นฝั่งอเมริกามากขึ้นถ้าเรื่องนโยบายทางการเงินค่อนข้างชัดเจนพี่มี่มองการขึ้นครั้งแรกช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้เป็นจุดสำคัญ
1
-โควิดเพิ่มเป็นปัจจัยกดดัน แต่ไม่เท่ากับจำนวนผู้ป่วยหนักที่ไม่ได้เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ คนไม่ค่อยกลัวแล้วรอบนี้ ถ้าไม่มีการปิดเมืองแรงๆ ก็ไม่น่าจะกระทบอะไรกับผลประกอบการเยอะ
-หุ้นจำนำทะเบียนไม่น่าจะได้ผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้นเยอะเพราะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ และต่อให้ขึ้นก็ไม่ได้กระทบตัวเลขอะไรเยอะ ต้องมองปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น Loan Growth NPL
-กลุ่มเก็บหนี้พี่มี่มองยังดี ยิ่งเศรษฐกิจกลับมาดีคนก็พร้อมจ่ายหนี้เยอะขึ้น สิ่งที่น่าสนใจคือการ JV กับแบงก์มากขึ้น JMT CHAYO ดีแต่ต้องดู Valuation BAM ไม่แพงแต่อาจจะไม่ได้เซ็กซี่สุด ส่วนหนึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ปีนี้มีปัจจัยบวกจากการลดค่าโอน ค่าจดจำนอง
-EV พี่มียังมองยาก พี่มี่คิดว่ามาแน่ แต่จะมาเมื่อไหร่ ตรงนี้ TIMMING มันใช่ไหม พี่มี่ยังมองว่าอีกสักหน่อย หลักๆโดยเฉพาะเรื่อง Infrastructure ที่ยังไม่ดีมากแต่ชื่นชมรัฐบาลที่ออกนโยบายมากระตุ้นได้ดี
1
-กลุ่มโรงพยาบาล พี่มี่บอกว่าปีนี้น่าจะไม่ได้แรงมากเหมือนปีที่แล้ว จากภาพรายรับจากโควิดที่ชะลอตัวลง แต่มันก็จะมีบางกลุ่มเช่นกลุ่มลูกค้าประกัน กลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ยังน่าสนใจเพราะมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
2
-พี่มี่เคยทำ DCF สมัยก่อนแต่ปัจจุบันทำลดลงแล้ว แต่พี่มี่เอา IDEA มาใช้ โดย DCF คือการดูกระแสเงินสด ตัวไหนใช้เงินน้อย กระแสเงินสดดี ขยายกิจการได้เร็วกว่า ก็ควรเทรดใน PE ที่สูงกว่า (น้ำมาประเมิน Valuation คู่กับ PE)
-เรื่องชิปน่าจะดีขึ้นหุ้น MI เรื่องชิปไม่น่าจะมีอะไร ส่วนเรื่องรถ EV ก็ถือว่าน่าสนใจ เค้ามี PARNTER ที่เก่ง + คนทั่วโลกเริ่มเชื่อมั่นรถจีนมากขึ้น
1
-NER ยังดี แต่การเติบโตอาจจะลดลงจากฐานสูง ระวังเรื่องการควบคุมราคายาง และราคายางสังเคราะห์ว่าจะยังสูงไหม ตอนนี้ยังมองเป็นบวก และยาลืมดู New S Curve เรื่องแผ่นรองวัว
-BABA พี่มีมองว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในจีน จะกระทบต่อเค้าไหมต้องดูผลประกอบการ แต่ความแข็งแกร่งพี่มี่มองว่ายังดี ทั้งเรื่องพื้นฐาน และการปรับตัว
- สถานการณ์กดดันจากรัฐ ต่อหุ้นเทคจีน เมื่อหลังเรื่องการเมืองเสร็จ น่าจะดีขึ้น แต่ก็คงมีมาอีกเป็นระยะ อะไรที่ประชาชนได้ประโยชน์ รัฐบาลจีนก็พร้อมจะทำ
-NPL ปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้น จาก Dept holiday หายไปก็ต้องตามตัวเลขดู NIM พี่มี่ว่ายังดูดีแต่คงไม่ได้เพิ่มขึ้นเยอะเศรษฐกิจยังไม่ได้ฟื้นเต็มที่ + การแข่งขันดอกเบี้ยเงินฝาก
-เรือเทกอง อาจจะมีรีบาวด์มาบ้าง ปกติพีค ไตรมาส 3 แต่ต้องดูจีน เพราะเรือเทกองส่วนมากส่งพวก Commodity ให้จีน ในช่วงที่จีน + อสังหาในจีนชะลอตัว ก็อาจจะทำ Demand เรือเทกองชะลอตัว สรุป เทกอง ดูคู่กับเศรษฐกิจจีน ถ้าดีก็ไปด้วยกัน ถ้าแย่ก็ชะลอด้วยกัน
-Trade war phase 2 ระหว่างจีน อเมริกา มีโอกาสกลับมากดดันหลังโควิดคลี่คลาย
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.05%
TFEX สัญญาละ 18-20
กับโบรคเกอร์
แนะนำหุ้นโดยที่ผู้แนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาต
แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรทาง INBOX ได้เลยครับ
โฆษณา