13 มี.ค. 2022 เวลา 03:07 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการตอนที่ 2
ทฤษฎีวิวัฒนาการ: ทฤษฎีที่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี.
“โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์”, “ดวงจันทร์โคจรรอบโลก”, “แสงใช้เวลาเดินทางจากดวงอาทิตย์มายังโลกประมาณ 8 นาที”.
เหล่านี้เรามองว่ามันเป็นข้อเท็จจริง (fact) - มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปในโลกธรรมชาติ. “โลกเป็นดาวเคราะห์ที่มีลักษณะทางสัณฐานเป็นทรงกลม” ก็เช่นกัน.
แล้วสำหรับคำกล่าวที่ว่า “สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงได้”, รวมทั้ง “สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีบรรพบุรุษร่วมกันมาก่อน” , สิ่งนี้เป็นเพียงสมมติฐาน (hypothesis), ทฤษฎี (theory), หรือ ข้อเท็จจริง (fact)?
วิวัฒนาการมีสถานะเป็นอะไรกันแน่?
ก่อนอื่น, เรามาทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง สมมติฐาน, ทฤษฎี , และข้อเท็จจริง กันก่อน.
1
ในอาณาจักรแห่งการศึกษาทางวิทยาศาสตร์, กว่าที่สิ่งหนึ่งสิ่งใดจะเลื่อนขั้นยกชั้นขึ้นมาเป็นข้อเท็จจริงได้นั้น, มันต้องผ่านการตรวจสอบอย่างตรากตรำซ้ำแล้วซ้ำเล่าเสียก่อน. เริ่มแรก, การศึกษาทางวิทยาศาสตร์เริ่มต้นขึ้นที่การสร้างสมมติฐาน, ซึ่งเป็นการคาดคะเนแบบง่ายๆ เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เรากำลังศึกษา. มันถูกใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการสืบเสาะแสวงหาความเป็นจริงที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นต่อไป.
หากสิ่งที่สมมติฐานทำนายทายทักไม่สอดคล้องลงรอยกับข้อมูลหรือสิ่งที่ปรากฏขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง, สมมติฐานนั้นๆ ก็เป็นอันต้องถูกปัดทิ้งไป. แต่เมื่อใดก็ตามที่มีหลักฐานหรือข้อค้นพบมาสนับสนุนยืนยันสมมติฐานนั้น, และหากมีมากพออย่างน่าเชื่อถือได้, มันจะถูกเลื่อนขั้นขึ้นเป็น ทฤษฎี, ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถอธิบายหรือทำนายปรากฏการณ์ต่างๆในโลกได้อย่างถูกต้องแม่นยำเป็นที่น่าพอใจ.
แม้กระนั้น, ทฤษฎีเองก็ยังจะได้รับการตรวจสอบอย่างหนักหน่วงต่อเนื่องยิ่งขึ้นไปอีก. และเมื่อใดก็ตามที่ทฤษฎีนั้นๆ สามารถต่อสู้และทนทานคมมีดแห่งการพิสูจน์ให้เป็นเท็จได้อย่างคงทนยาวนาน, เมื่อใดก็ตามที่มันสามารถยืดหยัดอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้อย่างสง่าผ่าเผยไร้ที่ติ, เมื่อนั้นมันจะก้าวขึ้นถึงขั้นสูงสุด, เลื่อนยศกลายเป็นข้อเท็จจริง.
1
ทฤษฎีวิวัฒนาการได้ก้าวมาถึงจุดสูงสุดแห่งคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์. เริ่มต้นจากสมมติฐานกลายมาเป็นทฤษฎีที่ผ่านการพิสูจน์ยืนยันด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์จำนวนมหาศาลจากหลายศาสตร์หลากแขนง. บัดนี้, คำกล่าวที่ว่า “สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงได้” และ“สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีบรรพบุรุษร่วมกันมาก่อน” ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทฤษฎี; หากแต่เป็นข้อเท็จจริง, เป็นจริงพอๆ กับการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์, เป็นจริงพอๆกับการบอกว่า ความเสื่อมสลายและล้มตายเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตต้องเผชิญ.
2
แต่ช้าก่อน, เราอาจโต้แย้งได้ว่า โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์นั้นเป็นข้อเท็จจริงก็เพราะว่าเราสามารถสังเกตเห็นได้ว่ามันอย่างนั้นจริงๆ. แต่สำหรับวิวัฒนาการ, เรามองไม่เห็น. เราไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง. เราไม่เคยเห็นวิวัฒนาการเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา.
แนวคิดที่ว่า สิ่งมีชีวิตคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงนั้นมีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ. ยอดนักปรัชญากรีกอย่าง Aristotle (มีชีวิตอยู่ราวๆ 382-322 ก่อนคริสตกาล) ก็ถือครองความคิดนี้. เขาสังเกตและพบว่า เราไม่เคยเห็นลิงเกิดลูกมาเป็นคน; ลิงเกิดลูกเป็นลิง, ส่วนคนก็เกิดลูกเป็นคน. ดังนั้น, Aristotle จึงเชื่อว่า สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์หนึ่งไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งได้; สิ่งมีชีวิตมีลักษณะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง. ในบรรดาผู้ที่กล่าวว่า วิวัฒนาการเป็นข้อเท็จจริง, พวกเขาจะโต้แย้งเรื่องนี้อย่างไร?
1
เราไม่เคยเห็นวิวัฒนาการเกิดขึ้น; แล้วเราทราบได้อย่างไรว่า วิวัฒนาการเกิดขึ้นจริงๆ.
ลองพิจารณาเรื่องสมมติต่อไปนี้:
ทุกวันหลังเลิกงาน, สมชายขับรถกลับบ้าน, และจะรับประทานอาหารมื้อเย็นกับภรรยาของเขา- สมหญิง. พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกันเมื่อสองเดือนก่อน. สมชายเป็นคนตรงต่อเวลา, กลับถึงบ้านเป็นเวลาสม่ำเสมอ.
เขาสังเกตเห็นว่า ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา, ในขณะที่เขากำลังจะกลับถึงบ้าน, เขามักจะเห็นรถยนต์สีน้ำตาลคันหนึ่งวิ่งสวนออกมาจากซอยบ้านของเขา. เขาสังเกตได้ว่า รถยนต์คันนี้ไม่ได้มาทุกวัน; แต่จะมาสลับวันเว้นวัน. การเก็บรวบรวมข้อมูลและสังเกตอยู่อย่างเงียบๆ เป็นระยะเวลาพอสมควรทำให้เขาแน่ใจได้ว่า เจ้าของรถยนต์คันนี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในละแวกบ้านของเขา.
ด้วยความกระหายใคร่รู้, วันหนึ่งเขาตัดสินใจกลับบ้านเร็วกว่าปรกติสองชั่วโมง. เขาต้องการจะรู้ว่า รถยนต์คันนั้นมาทำอะไรในซอยบ้านของเขา. เขาทิ้งรถของเขาไว้ที่ที่ทำงาน, โบก taxi กลับบ้าน, และเมื่อเขาไปถึงก็พบรถยนต์สีน้ำตาลคันนั้นจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเขาประมาณหนึ่งร้อยเมตร.
ไม่นานสมชายก็เห็นเจ้าของรถยนต์คันนั้นเดินออกมา; แต่ไม่ได้เดินออกมาจากบ้านหลังนั้น, หากเป็นบ้านของสมชายเอง! ชายคนนั้นเดินออกมาด้วยท่าทีรุกรี้รุกรน, และรีบบึ่งรถออกไปโดยเร็ว. หลังจากชายคนนั้นขับรถออกไป, สมชายตัดสินใจแอบย่องเข้าไปในบ้านของเขาทันที.
เขาพบแก้วไวน์วางอยู่บนโต๊ะในห้องรับแขก. มีไวน์เหลืออยู่ในแก้วพอให้สังเกตเห็นได้ และพบรอยคนนั่งประทับไว้บนเก้าอี้โซฟา. เขาเดินเข้าไปในห้องครัว และเห็นอาหารมื้อเย็นบางส่วนได้ถูกจัดวางเตรียมไว้แล้ว- หนึ่งในนั้นคือผัดกะเพราไก่ซึ่งเป็นอาหารโปรดประจำวันพุธของเขา.
เขาตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นบนและตรงเข้าไปในห้องนอนของเขา. ห้องนอนนั้นมืดสนิท, ภรรยาของเขากำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ. แต่ลำพังแสงไฟจากห้องน้ำที่สอดส่องออกมาก็เพียงพอที่จะทำให้เขามองเห็นสภาพห้องในขณะนั้น. เขามองเห็นสภาพเตียงนอนที่ยุ่งเหยิง, หมอนและผ้าห่มกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง. เสื้อผ้าและชุดชั้นในแนววาบหวิว(ที่สมชายเองไม่เคยเห็นมาก่อน) หล่นอยู่บนพื้นห้อง. เขาพบ เส้นผมจำนวนหนึ่งตกหล่นอยู่บนเตียง, และผ้าคลุมเตียงที่ชื้นแฉะ. พร้อมกันนั้น, เขาก็เหลือบไปเห็นข้อความที่ถูกเขียนทิ้งไว้ในกระดาษบนหัวเตียงอันเป็นตะปูตัวสุดท้ายที่ตอกลงปิดฝาโลงแห่งความสงสัยของเขา:
3
"เลิกกับมันแล้วมาอยู่กับผมเถอะ; ผมเบื่อแล้วที่จะต้องหลบๆซ่อนๆอยู่แบบนี้.
รักคุณมาก", สมศักดิ์.
1
อาศัยสิ่งที่เขาเห็นกอปรกับการใช้เหตุผล, สมชายสามารถทราบได้ทันทีว่า ภรรยานอกใจเขา. เขาไม่จำเป็นต้องเห็น "กิจกรรมการนอกใจ" กับตาหรือจับได้คาหนังคาเขา; แต่เขาก็รู้ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นในห้องนอนของเขาขณะที่เขาไม่อยู่.
1
สิ่งที่ปรากฏให้เขาเห็นในห้องนอนบอกเขาว่า เกิดอะไรขึ้นเมื่อชั่วโมงก่อน. เขามี “หลักฐาน” อยู่อย่างเพียบพร้อมและน้อมไปสู่ข้อสรุปได้อย่างยากจะปฏิเสธว่า ภรรยาของเขามีชู้.
ของบางอย่างเราไม่ต้องเห็นกับตา, เราก็รู้ได้ว่า มันเกิดขึ้น.
1
วิวัฒนาการก็เช่นกัน.
สถานการณ์แห่งการดำรงอยู่ของเราไม่ต่างอะไรกับสมชายที่เดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง. เราพบว่า มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในห้องนอน; แต่เรามาถึงช้าเกินไป และนั่นทำให้เราไม่ทันเห็นว่า มีอะไรเกิดขึ้น; แต่เราโชคดีเพราะเรามีเบาะแสอยู่เต็มไปหมด. เราโชคดีที่ร่องรอยจำนวนมากถูกทิ้งไว้ในนั้น. ร่องรอย, ซึ่งหากเราค่อยๆสืบสาวไล่เรียงและประติดประต่ออย่างใคร่ครวญ, จะสามารถทำให้เราทราบได้ว่า มีอะไรเกิดขึ้นไปแล้วผ่านประจักษ์พยานแห่งอดีตกาล.
สำหรับวิวัฒนาการ, หลักฐานที่ยืนยันว่าทฤษฎีวิวัฒนาการเกิดขึ้นจริงกำลังจ้องมองเราอยู่อย่างถมึงทึง.
1
หลักฐานนานัปการถูกศึกษาและรวบรวมมาจากหลายศาสตร์หลากแขนง: ซากบรรพชีวิน, ชีววิทยาภูมิศาสตร์, คัพภวิทยา, กายวิภาคเชิงเปรียบเทียบ, พันธุศาสตร์และศาสตร์อื่นๆ. หลักฐานแต่ละชิ้นจากแต่ละสาขาเหมือนชิ้น jigsaw ที่มาเติมเต็มภาพใหญ่ของวิวัฒนาการ. หลักฐานทั้งหมดนี้เป็นกุญแจดอกสำคัญที่ไขย้อนเวลากลับไปสู่อดีตกาลที่บอกเล่าอดีตการณ์ความเป็นไป. หลักฐานทั้งหมดนี้ชี้ไปยังความจริงอย่างมิอาจท้าทายได้ว่า วิวัฒนาการเกิดขึ้นจริง.
2
ปัญหานี้จึงเป็นเรื่องของการสื่อสาร, เป็นเรื่องของการเลือกใช้คำ. เราเรียกวิวัฒนาการว่า “ทฤษฎี”; แต่ในความเป็นจริงแล้ว, วิวัฒนาการเป็นข้อเท็จจริง. สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงได้, และต่างก็มีบรรพบุรุษร่วมกันมาก่อน. และจะยังคงกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดบนสายธารแห่งวิวัฒนาการต่อไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น.
1
ทฤษฎีวิวัฒนาการจึงเป็นมากกว่าเพียงแค่ทฤษฎี.
โฆษณา